หลังจากเอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าหลับไปแล้ว เยี่ยนอ๋องเรียกฝูหลิงกับอิ่งลิ่วเข้ามา ให้พวกเขาอารักขาเด็กน้อยทั้งสอง ส่วนตัวเองจะไปที่เรือนของเซียวเจิ้นถิง
“ท่านมาหาท่านแม่ทัพหรือ? เขาไม่อยู่ ไปซื้อของกินมาให้ข้าแล้ว” ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวกับเยี่ยนอ๋องที่มาเยี่ยมกลางดึก
สองคนนี้ตั้งแต่เจอหน้ากัน ขิงก็ราข่าก็แรง หาได้ยากนักที่เยี่ยนอ๋องจะมาหาเซียวเจิ้นถิงถึงที่เช่นนี้
“มิเป็นไร” เยี่ยนอ๋องเดาได้ว่าเซียวเจิ้นถิงออกไปทำสิ่งใด หาได้ออกไปหาซื้อสิ่งใดให้ซั่งกวนเยี่ยนกิน
สิ่งที่เยี่ยนอ๋องคาดเดาไม่ผิดเลย ซื้อของกินเป็นเพียงป้ายหน้าร้านที่มีไว้บังหน้า เซียวเจิ้นถิงออกเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อไปหาต้าเป่าแล้ว
ป่าไผ่ของไป๋เชียนหลี เขาพบป่าไผ่ที่ไป๋เชียนหลีอยู่แล้ว
ที่เขาสามารถพบสถานที่แห่งนี้ก็เนื่องมาจากทักษะวรยุทธ์อันสูงส่ง เขาบังเอิญได้ยินข่าวยามที่อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วนำมารายงานเยี่ยนจิ่วเฉา เขาไม่มั่นใจว่าหนานกงเยี่ยนจะพาต้าเป่ามาที่นี่หรือไม่ เขาแค่ลองมาเสี่ยงดวงดูเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าทันทีที่เข้าป่าไผ่ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
เซียวเจิ้นถิงหยุดชะงักด้วยความสงสัย หลังจากคิดไตร่ตรองชั่วครู่ สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป “ซิวหลัว!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ลมปราณพลังภายในแปรเปลี่ยนเป็นใบมีดพุ่งตรงสู่ประตูชีวิต[1]ของเขาอย่างรุนแรง
เซียวเจิ้นถิงกระโดดลอยหลบการโจมตีด้วยปลายเท้า
ทว่าไผ่ที่อยู่ข้างหลังเขาไม่โชคดีนัก ต้นไผ่เขียวขจีแน่นหนาหลายร้อยต้นถูกตัดขาดสะบั้นภายใต้ใบมีดลมปราณนี้
หัวใจเซียวเจิ้นถิงพลันรู้สึกหนาวเหน็บรุนแรง
ฝีมือทรงพลังยิ่งนัก!
กำลังภายในของเซียวเจิ้นถิงนับว่าหาได้น้อยนักในใต้หล้า แต่หากปะทะกับการโจมตีเมื่อครู่นี้ เขาไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถรับการโจมตีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเหมือนครั้งก่อนที่เขาต่อสู้กับซิวหลัวได้
ซิวหลัวที่นี่น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ที่น่ากลัวไม่ใช่ซิวหลัว แต่เป็นซิวหลัวสามคน!
ซิวหลัวทั้งสามปลดปล่อยพลังภายในพร้อมๆ กับกดพลังของเซียวเจิ้นถิงอย่างหนักหน่วง
หากมีเพียงหนึ่งยังมีโอกาสได้ต่อสู้ แต่สามแทบไร้โอกาสหลบหนี
ขณะที่ซิวหลัวคนหนึ่งจะแทงดาบไปที่หัวใจของเซียวเจิ้นถิงอย่างไร้ความปรานี จู่ๆ ร่างขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบดบังเบื้องหน้าของเซียวเจิ้นถิง
“หยุดนะ!”
นั่นเป็นเสียงตะโกนของหนานกงเยี่ยน
ดาบของซิวหลัวเบี่ยงหลบ เฉียดข้างกายของเยี่ยนอ๋องไป
ร่างของซิวหลัวปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตาก็หายไปในความมืด
ในขณะเดียวกันการกดพลังเพื่อควบคุมของซิวหลัวก็สลายไป เซียวเจิ้นถิงก็สามารถขยับตัวได้ เขากุมหน้าอก ร่างกายกระตุก กระอักเลือดออกมา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เยี่ยนอ๋องหมุนตัวไปพยุงเขา
การกดพลังของซิวหลัวพุ่งเป้าไปที่นักรบเท่านั้น คนอย่างเยี่ยนอ๋องที่ไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะผูกไก่ ในสายตาซิวหลัว เขาไม่ต่างจากมดตัวเล็กๆ ต่อให้เขาเข้ามาใกล้หรือปรากฏตัว ก็ไม่ทำให้ซิวหลัวทั้งสามโจมตีเขา ดังนั้นเขายังนับว่าปลอดภัย
เซียวเจิ้นถิงเช็ดเลือดที่มุมปาก และกล่าวอย่างดื้อรั้น “ข้าหรือจะเป็นอะไร? ท่านมาทำอะไรที่นี่? ยังไม่รีบไปอีก?”
ซิวหลัวบดขยี้เขา ยังง่ายดายกว่าบี้มดตัวหนึ่งอีกรู้หรือไม่?
เยี่ยนอ๋องยิ้มจางๆ “เจ้าไปเถอะ”
“ผู้ใดบอกว่าจะปล่อยให้เขาไป?” หนานกงเยี่ยนเดินเข้ามาอย่างเยือกเย็น “นัดหมายประลองใหญ่อีกสามวันไม่ทำตาม กลับมารนหาที่ตายก่อน ข้าก็จะเก็บชีวิตท่านแม่ทัพใหญ่เซียวไว้!”
ไม่แปลกใจที่นางจำเซียวเจิ้นถิงได้ อย่างไรเสียนางก็เคยเห็นภาพวาดและรู้เรื่องภายใน
เซียวเจิ้นถิงบังเยี่ยนอ๋องไว้ด้านหลังเขา
เยี่ยนอ๋องหัวเราะ “ไม่เป็นไร นางไม่ฆ่าข้าหรอก” ขณะที่พูดก็เดินออกจากด้านหลังไปทางหนานกงเยี่ยน “ปล่อยท่านแม่ทัพใหญ่เซียว”
“ไยข้าต้องปล่อย….”
“ข้าจะอยู่”
เยี่ยนอ๋องขัดคำพูดนาง
มือของหนานกงเยี่ยนกำแน่นในทันใด
นางมองเข้าไปในดวงตาของเขาชั่วขณะหนึ่ง หลังจากทำเรื่องโหดเหี้ยมป่าเถื่อนและไร้ความปรานีกับนางถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงยังสามารถใช้สายตาอ่อนโยนไร้พิษสงเช่นนั้นมองนาง?
เขาเห็นนางเป็นสิ่งใด?
เขาคิดว่านางยังสามารถให้เขาใช้ประโยชน์อย่างเชื่อฟังเช่นเมื่อก่อนหรือ?
หนานกงเยี่ยนกำมือแน่น เล็บแหลมค่อยๆ จิกลงบนฝ่ามือ
เยี่ยนอ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนสง่างามดุจหยกล้ำค่า “เยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว น้องชายที่ฮ่องเต้แห่งต้าโจวรักที่สุด บิดาของเยี่ยนจิ่วเฉา ครอบครัวฝั่งเขยของตี้จีองค์โต ไม่ว่ามองอย่างไรก็มีค่ามากกว่าแม่ทัพใหญ่ทหารม้าในใต้หล้า มิใช่หรือ?”
เซียวเจิ้นถิงโกรธยิ่ง “อ้าว! ท่านนี่มัน!”
หนานกงเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านมารับต้าเป่า”
เยี่ยนอ๋องยังคงมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนไร้พิษภัย “ข้าไม่ได้คิดจะรับตัวเขาไป เพียงแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนเขา เจ้าก็ได้ตัวประกันเพิ่มอีกคน ไม่ดีหรือ?”
“เช่นนั้นข้าไม่สู้เก็บตัวประกันไว้ทั้งสองคน! หรือไม่…ข้าก็ฆ่าเขาทิ้งซะ!” ขณะที่หนานกงเยี่ยนกล่าวก็ยกดาบหยกในมือขึ้น
เยี่ยนอ๋องจับดาบของนางไว้ “เยี่ยนเอ๋อร์!”
หนานกงเยี่ยนมองมือของเยี่ยนอ๋องที่บัดนี้ถูกบาดจนเลือดไหลรินออกมา หน้าอกนางกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ “ท่าน!”
เยี่ยนอ๋องทำราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ยังคงมองนางเนือยนิ่งด้วยสายตาอันอบอุ่น
หนานกงเยี่ยนอยากใช้ดาบแทงตัวเองแทบทนไม่ไหว!
บุรุษผู้นี้ทำร้ายตนถึงเพียงนี้ ตนยังใจอ่อนกับเขาอีกหรือ?
ไม่…หนานกงเยี่ยนในอดีตได้ตายไปแล้ว
นางไม่มีทางหลงผิดซ้ำสองอีก
นางจะใช้ประโยชน์จากเขา เหมือนกับที่เขาเคยใช้ประโยชน์จากนางเช่นกัน!
หนานกงเยี่ยนเก็บดาบ หันมองเยี่ยนอ๋องอย่างเย็นชา และมองเซียวเจิ้นถิงที่อยู่ด้านข้าง “ก็ได้ ท่านอยู่ที่นี่ รบกวนแม่ทัพใหญ่เซียวกลับไปแจ้งข่าวต่อตี้จีองค์โต อย่าได้ส่งคนมาตายอีก หลังจากนี้สามวัน พบกันที่แท่นบูชา!” เซียวเจิ้นถิงถูกซิวหลัว ‘ส่ง’ ออกจากป่า
เยี่ยนอ๋องเดินตามหนานกงเยี่ยนเข้าไปที่ห้อง
หนานกงหลีกลับเข้ามาแล้ว เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องก็พบกับเยี่ยนอ๋องพอดี ดวงตาเขาเกิดประกาย “ท่านพ่อ!”
เยี่ยนอ๋องเหลือบมองไป๋เชียนหลีที่เป็นดั่งเงาที่หางตา พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า เขาต่างหาก”
หนานกงหลีราวกับถูกฟ้าผ่าตอนกลางวัน ทั้งร่างตัวแข็งนิ่งอยู่ตรงนั้น
เยี่ยนอ๋องไม่สนใจเขาอีก เข้าห้องไปหาต้าเป่าของเขา
ยามที่เด็กๆ นอนหลับต้องเปิดตะเกียงทิ้งไว้เสมอ ทว่าห้องนี้กลับมืดจนมองไม่เห็นกระทั่งนิ้วทั้งห้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้าเป่าหวาดกลัวเพียงใด
เยี่ยนอ๋องรู้สึกเสียใจที่ตนเองไม่มาให้เร็วกว่านี้
เขารีบสาวเท้าไปหน้าเตียง มองก้อนกลมที่นูนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม หัวใจพลันแหลกสลาย
เขาค่อยๆ เปิดผ้าห่มออก “ต้าเป่า ข้าเอง”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ต้าเป่าที่นอนขดตัวและใช้มือน้อยๆ กุมหัวตนเองค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนอ๋องที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
เยี่ยนอ๋องกอดต้าเป่าเข้าไว้ในอ้อมแขน ให้หัวน้อยๆ ของต้าเป่าซบลงที่คอของตน พลางใช้มือลูบหลังของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน
ปากน้อยๆ ของต้าเป่าเริ่มกดต่ำ และสะอื้นร่ำไห้!
ต้าเป่ากลัว!
ต้าเป่าเสียใจ!
ต้าเป่าอยากกลับบ้าน!
เยี่ยนอ๋องกอดต้าเป่าที่ร้องไห้จนตัวสั่นไว้แน่น “ต้าเป่าไม่ต้องกลัว อีกไม่นานปู่จะพาเจ้ากลับบ้าน”
ต้องพาเจ้ากลับบ้านให้ได้
เซียวเจิ้นถิงไปที่จวนเห้อเหลียน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าให้พวกเยี่ยนจิ่วเฉาฟัง เห้อเหลียนเป่ยหมิงกับอวี๋เซ่าชิงก็อยู่ อาม่าก็อยู่
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องยอมตกอยู่ในมือหนานกงเยี่ยนเพื่อไปดูแลต้าเป่า ภายในห้องก็เงียบงัน
“พวกเราหาทางไปชิงตัวคนกันเถอะ” อวี๋หวั่นเอ่ยปาก
เซียวเจิ้นถิงส่ายศีรษะ “ชิงตัวออกมาไม่ได้ พวกเขามีซิวหลัวสามคน”
ฆ่าตายไปหนึ่ง ในการแข่งขันใหญ่ก็มีคู่ต่อสู้น้อยลงไปอีกหนึ่ง หนานกงเยี่ยนคิดเช่นนี้ถึงไม่กลัวว่าพวกเขาจะไปหา
ในมือของพวกเขาก็มีซิวหลัวอยู่เช่นกัน แต่การดวลเป็นตัวต่อตัว แต่ไปยามนี้เป็นหนึ่งต่อสาม ไม่ชนะไม่ต้องเอ่ย ยังอาจทำให้เสียซิวหลัวไปอีก
“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่ อาม่า?” อวี๋หวั่นมองไปยังเจ้าปัญญาของพวกเขา ชายชราผู้นี้นั่นเอง
ขณะที่อาม่ากำลังจะอ้าปากพูด เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รักษากำลังไว้ให้มากที่สุด ก็จะไม่ทำให้ความพยายามของเขาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์”
สามวัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวการประลองของสองตี้จีแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง นี่เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งในรอบหนึ่งศตวรรษ ฟ้าไม่ทันสาง ชาวเมืองต่างก็รีบไปที่แท่นบูชา
พวกเขาอยากเห็นตี้จีทั้งสอง โดยเฉพาะตี้จีองค์โตผู้เป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง[2]
………………………………………..
[1] ประตูชีวิต ความหมายคือ ตำแหน่งที่กักเก็บชี่ก่อนกำเนิด เป็นแหล่งกำเนิดและรากฐานของชีวิต
[2] เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง หมายถึง ผู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน เห็นเพียงครู่หนึ่งก็หายตัวไป