เยี่ยนจิ่วเฉาใช้กำลังภายในแผ่วงล้อมปิดผนึกทั้งเรือน แต่ผ้าไหมขาวนั้นกลับสามารถเจาะทะลุพลังภายในเข้าไปได้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของผ้าไหมขาว
ยามอวี๋หวั่นถูกจับตัวไปก็ตกอยู่ในความสับสน ประการแรก หลังจากตั้งครรภ์การรับรู้ของเธอก็ไม่ดีเท่าเดิม ประการที่สอง การกระทำของอีกฝ่ายรวดเร็วกว่าที่เธอจินตนาการไว้
กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ถูกผ้าไหมขาวดึงเข้าไปในความมืดมิดยามค่ำคืนแล้ว
เธอมองลานที่ถูกย่อภาพเล็กลงกะทันหันเบื้องหน้า ชั่วครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรขอบคุณที่อีกฝ่ายพันข้อมือของเธอ แทนที่จะเป็นท้องที่กำลังตั้งครรภ์หรือไม่
เมื่อมีกำลังภายในที่เยี่ยนจิ่วเฉาเสกขึ้น อิ่งสือซันและชิงเหยียนก็จัดการกับองครักษ์สกุลหลานไปได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขารีบไปถึงเรือนของหลานเจียวก็เห็นฉากที่อวี๋หวั่นถูกผ้าไหมขาวดึงตัวไป
ผ้าไหมขาวผืนนั้นราวกับปรากฏขึ้นจากอากาศ อย่าว่าแต่อวี๋หวั่น แม้แต่กลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์มีกำลังภายในอย่างพวกเขาก็ยังไม่ทันสังเกตเห็นล่วงหน้า
“คนผู้นั้นเป็นใคร?” ชิงเหยียนขมวดมุ่นคิ้วถาม
“ดูเหมือน…จะเป็นสตรี?” อิ่งลิ่วเบิกตากว้าง
อิ่งสือซันและเยว่โกวจ้องเขม็ง เป็นสตรีไม่ผิด นางสวมชุดสีขาว รูปร่างผอมบาง เสื้อคลุมปลิวไสว แขนเสื้อกว้างโบกสะบัด ผ้าไหมขาวก็ออกมาจากมือของนาง หลังจากคว้าตัวอวี๋หวั่นได้แล้ว ก็พาอวี๋หวั่นบินไปหยุดลงบนชายคาโต๋วก่ง[1]อย่างสง่างาม
“เหวอ~” หัวใจของอวี๋หวั่นเต้นผิดจังหวะ เธอไม่ได้กลัวความสูงนั้นไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่หลังคาโต๋วก่งนี้ลื่นมาก หากเธอไม่ระวังก็อาจล้มตกลงไปกระดูกหักเป็นชิ้นๆ
ลมหนาวพัดมาพาให้ร่างของอวี๋หวั่นสั่นสะท้าน กล่องเหล็กในอ้อมแขนของเธอเกือบตกลงไป
เธอรีบกอดกล่องไว้แน่น
เยี่ยนจิ่วเฉายืนบนพื้นโล่งในเรือน เงยหน้าขึ้นมองเธอและมองไปที่สตรีที่จับตัวเธออย่างเย็นชา
ยามค่ำคืนช่างมืดมิด แต่เรือนยังสว่างไม่มืด
ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉายังคงเย็นชาเช่นเดิม มองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย และแน่นอนว่าไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกใดๆ เช่นกัน
ยิ่งเป็นช่วงเวลาวิกฤตมากเพียงใด เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยิ่งสงบลง นี่เป็นบุคลิกที่สลักลงในกระดูกของคุณชายเยี่ยน หลังจากถูกข่มเหงมานานหลายปี
อวี๋หวั่นไม่ใช่คนที่ไม่ยี่หระต่อความเป็นความตาย แต่ความสงบของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ทำให้เธอค่อยๆ สงบลง
เธอไม่ได้ลูบท้องอย่างที่เคยชิน แต่กลับกระชับกล่องเหล็กในมือแน่นขึ้น
กลิ่นหอมจางๆ ลอยมาจากร่างของอีกฝ่าย อวี๋หวั่นไม่จำเป็นต้องหันกลับไปดูก็รู้ว่าคนที่จับเธอมาเป็นสตรี เป็นสตรี วรยุทธ์ก็ยังแข็งแกร่งมาก ปรากฏตัวในพื้นที่เขตจวนสกุลหลานกลางดึก…อีกทั้งรวมกับการกระทำของหลานเจียวที่พยายามยื้อเวลา อวี๋หวั่นก็เดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แทบในทันที——สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสกุลหลาน : หลานจี
“หลานจี” อิ่งสือซันพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หลานจี?” อิ่งลิ่วเกาหัว “เหตุใดชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูนัก…อ้า นางคงไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสกุลหลานหรอกกระมัง!”
“แปดส่วนก็เป็นนางละ” สีหน้าของชิงเหยียนก็เริ่มเคร่งขรึมเช่นกัน ยายหลานเคยกล่าวว่าสกุลหลานทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปลูกฝังเลี้ยงดูสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ แต่ชิงเหยียนยังคงประเมินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ต่ำไป คนที่ยังต้องการการคุ้มกันจากยอดฝีมือจะมีวรยุทธ์สูงส่งสักเพียงใด? ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดผิด สามารถฝ่าวงล้อมพลังภายในของอ๋องเผ่าปีศาจไปได้ ความสามารถของนางเป็นที่ประจักษ์แล้ว
อิ่งลิ่วก้าวไปข้างหน้าตะโกนด้วยความโกรธเคือง “มากเกินไปแล้ว! จับสตรีที่ไม่รู้วรยุทธ์นับเป็นสิ่งใด? หากแน่จริงลงมาสู้กับพวกข้าสิ!”
หลานจีมองพวกเขาสองสามคนอย่างเย็นชา สีหน้าเผยร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นนางก็โบกแขนเสื้อ ปล่อยพลังฝ่ามือแหวกอากาศพุ่งเข้าหาอิ่งลิ่ว!
อิ่งสือซันดึงตัวอิ่งลิ่วออกไปและรับฝ่ามือนั้นเอง กลับถูกพลังภายในอันน่าสะพรึงกลัวนี้ปะทะร่างจนปลิวไป
“อิ่งสือซัน!” อิ่งลิ่วหน้าถอดสี ดีดปลายเท้ากระโดดเหาะรับตัวอิ่งสือซันไว้กลางอากาศ แต่อย่างไรก็ตามพลังภายในของสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้อิ่งสือซันจะแบกรับมากกว่าครึ่ง อิ่งลิ่วก็ยังลอยกระแทกต้นไม้ไปด้วยและตกลงกับพื้นอย่างแรง
“พวกเจ้าสองคน…ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!” ชิงเหยียนรีบเข้าไปพยุงทั้งสองที่ล้มลงจนเวียนหัวตาลาย อิ่งลิ่วถูกปกป้องอยู่ในอ้อมแขนของอิ่งสือซันตลอด จึงไม่เป็นไรมาก อิ่งสือซันได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก ใบหน้าพลันซีดเซียวไร้สีเลือด
พลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมจวนทั้งหลัง แม้แต่หลานเจียวก็ยังสังเกตเห็น นางรีบเรียกข้ารับใช้ประคองนางไปที่เรือน
เมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่บนหลังคาสูง พร้อมกับอวี๋หวั่นที่ถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์จับเป็นตัวประกัน ดวงตาของนางพลังทอประกาย
ดี ดี ดี!
ถูกรังแกมาทั้งคืน ในที่สุดบุตรสาวนางก็กลับมา นางรู้ว่าบุตรสาวของนางจะไม่ทำให้ผิดหวัง แค่พบหน้ากันก็จับนางเด็กตัวเหม็นได้!
ยามนี้นางอยากเห็นนักว่าพวกเขาจะหยิ่งยโสได้อย่างไร!
นางพูดอย่างตื่นเต้น “ลูกแม่! ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! หากเจ้าไม่กลับมา จวนสกุลหลานคงถูกคนไม่ทราบที่มาพวกนี้รื้อทำลายแล้ว!”
หลานจีเหลือบมองหลานเจียวที่ใช้มือปิดไหล่ ดวงตาพลันสั่นไหว ใช้พลังภายในบีบเข็มเงินในร่างของหลานเจียวออกมา
หลานเจียวรู้สึกว่าร่างทั้งร่างเบาลง ฟื้นคืนชีวิตครึ่งหนึ่งกลับมา
หลานจีมองบุรุษสวมหน้ากากอสูรเขี้ยวที่ยืนแกร่งอยู่ภายในเรือนอย่างเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดกล้ากำเริบเสิบสานในสกุลหลานของข้า”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวเบาๆ “เจ้าไม่คู่ควรได้รู้”
ร่องรอยความโกรธเกรี้ยวพาดผ่านดวงหน้างามของหลานจี ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสกุลหลาน นางเกิดมาก็เป็นคนที่ทุกคนต้องเงยหน้ามอง หากหลานเจียวไม่เห็นคนในสายตามากเท่าใด นางก็เย็นชาและเย่อหยิ่งกว่าหลานเจียวมากเท่านั้น
มือข้างหนึ่งของนางจับตัวอวี๋หวั่นไว้ มืออีกข้างเปลี่ยนกำลังภายในเป็นดาบพุ่งเข้าหาเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างดุเดือด
เยี่ยนจิ่วเฉากวาดแขนเสื้อกว้างปัดเป่าการโจมตีของนางอย่างเย็นชา
หลานจีมองเขาด้วยดวงตาล้ำลึก เรียวคิ้วพลันขมวดแน่น “เจ้าเป็นอะไรกับสกุลซือคง?”
“สกุล…สกุลซือคง?” หลานเจียวตะลึง เหตุใดบุตรสาวนางถามเช่นนี้?
หลานจีจ้องมองหน้ากากของเยี่ยนจิ่วเฉาครู่หนึ่ง “นี่เป็นพลังภายในของสกุลซือคงที่หายจากการสืบทอดมานาน เจ้าไปแอบเรียนมาจากที่ใด?”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่สนใจนาง จ้องมองอวี๋หวั่นไม่ละสายตา เขาเหยียดมือออกใช้กำลังภายในดึงคันธนูและลูกศรจากมือขององครักษ์นายหนึ่งมา
เยี่ยนจิ่วเฉาง้างคันธนูอย่างเงียบๆ “หลับตาลง”
“คุณชาย! ท่าน…” อิ่งลิ่วเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเล็งไปที่หัวใจของอวี๋หวั่น เขาตกใจตะลึงงัน
ชิงเหยียนก็ตกตะลึงเช่นกัน “จิ่วเฉา…”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปที่อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
เธอเชื่อเยี่ยนจิ่วเฉา
แม้มีขุมนรกอยู่เบื้องหน้า เยี่ยนจิ่วเฉาให้เธอกระโดด เธอก็จะกระโดดลงไปโดยไม่ขัดขืน!
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปที่หลานจีและพูดว่า “จำไว้ หากนางตาย เจ้าก็ฝังร่างไปกับนางด้วย”
ตอนแรกหลานจีคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาแค่แกล้งทำให้นางกลัว แต่หลังจากนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารขนาดใหญ่บนร่างกายเยี่ยนจิ่วเฉา แต่จนถึงตอนนี้นางก็ไม่คิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะยิงสตรีที่นางจับมา
จนกระทั่ง
ลูกธนูพุ่งหาหัวใจของอวี๋หวั่นอย่างไร้ความปรานี!
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” หลานเจียวที่ยืนอยู่ด้านข้างร้องตะโกน
บุรุษผู้นี้สนใจสตรีผู้นี้มากเพียงใด นางเห็นทุกอย่างในสายตา แต่กลับยิงคนเสียดื้อๆ เช่นนี้หรือ?
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร วาจาที่ใช้สตรีผู้นี้มาข่มขู่เขายังไม่ออกจากปากด้วยซ้ำ เขาก็รอไม่ไหวที่จะจัดการกับความยุ่งยากแล้วหรือ?
เขาจริงจังหรือ?
แน่นอนว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจริงจัง
เขาไม่เพียงเล็งไปที่อวี๋หวั่น แต่ยังไม่มีการออมมือใดๆ ธนูดอกนั้นยิงออกมาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามี
เจตนาฆ่าของเขาทำให้หลานเจียวหนาวสะท้าน
หลานเจียวไม่เคยเห็นบุรุษที่ไม่สนหลักสนเกณฑ์ใดถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นสุนัขตัวหนึ่ง ก็ไม่อาจบอกจะฆ่าก็ฆ่าเลยมิใช่หรือ? อย่างน้อยก็คุยกันสักหน่อยแล้วค่อยลงมือ? วรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนั้น มิใช่ว่าไร้โอกาสชนะโดยสิ้นเชิงหรอกกระมัง?
หากสู้กันจริง แน่นอนว่ายังมีโอกาสชนะอยู่บ้าง แต่อวี๋หวั่นถูกจับไปอยู่ตรงกลาง ไม่อาจแบกรับไอสังหารของทั้งสองได้ หากกระทบต่อครรภ์ก็อาจตายทั้งมารดาและบุตร
สตรีศักดิ์สิทธิ์มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง แต่แทนที่จะต่อสู้กับเยี่ยนจิ่วเฉา นางกลับจับตัวอวี๋หวั่นไป มากน้อยอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเทียบเยี่ยนจิ่วเฉา หากสู้กันตัวต่อตัวเยี่ยนจิ่วเฉาก็น่าจะฆ่านางได้
สาเหตุที่เขาไม่ฆ่านางทันที โดยมากเพราะเกรงจะขว้างหนูกระทบสิ่งอื่น ไม่อยากพลาดพลั้งทำให้สตรีผู้นี้บาดเจ็บ
แต่เขากลับยกคันธนูขึ้นยิงสตรีผู้นี้เสียเอง
……………………..
[1] โต๋วก่ง คือ โครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมจีนโบราณ เป็นวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน