‘จำไว้ หากนางตาย เจ้าก็ฝังร่างไปกับนางด้วย’
บุรุษผู้นี้กำลังย้อนกลับมาคุกคามตนหรือ? หากสตรีผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะไม่อาจเปิดฉากฆ่าได้ถนัดมือ แต่เมื่อสตรีผู้นี้ตายแล้ว นางก็จะกลายเป็นวิญญาณใต้ดาบของเขา
หากเป็นเช่นนี้ ตนกลับต้องเป็นฝ่ายปกป้องสตรีผู้นี้ ไม่ปล่อยให้นางถูกเขายิงตาย?
ในอีกด้านหนึ่ง หลานเจียวก็รู้สึกเช่นกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่จับตัวประกันไว้ แต่เหตุใดกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกคุกคามเสียเอง?
ธนูกำลังจะพุ่งเข้าใส่อวี๋หวั่น สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ขยับกายพาอวี๋หวั่นหลบ
ลูกธนูเช่นนี้ พละกำลังเช่นนี้ มีเพียงวรยุทธ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถหลบได้
เมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์พาอวี๋หวั่นหลบออกไปนาทีนั้น ชิงเหยียนและคนอื่นๆ ก็ถอนใจด้วยความโล่งอก เหตุการณ์เมื่อครู่น่ากลัวเกินไป ขาของพวกเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด ดูแล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์จะถูกคุกคามได้สำเร็จ เขาคิดวิธีที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่างไร?
น่ากลัวไปแล้ว บุรุษผู้นี้น่ากลัวไปแล้ว…
เคราะห์ดีที่เป็นคนของตน หากเป็นศัตรู ชิงเหยียนคงต้องฆ่าตัวตายตรงนี้!
ด้วยพลังของสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางสามารถเดินรอบได้ทั้งเมืองหมิงตู การจับคนเป็นตัวประกันใช้คุกคามฝ่ายตรงข้ามก็ขายหน้ามากพอแล้ว สิ่งที่ชวนให้น่าผิดหวังยิ่งกว่าคือตนยังถูกคุกคามกลับ เยี่ยนจิ่วเฉายิงธนูออกไปอย่างต่อเนื่อง
สตรีศักดิ์สิทธิ์หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า
นางหลบจนถึงดอกสุดท้าย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิง ทั้งร่างมีสภาพน่าอับอายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นสตรีของใครกันแน่?!!
ไยเป็นนางที่ต้องมาปกป้องสตรีผู้นี้!!!
พลังภายในทั้งหมดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ไปกับวิชาตัวเบา ไม่เหลือให้โต้กลับแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นถูกนางปกป้องบินไปบินมา แต่ไม่กระเทือนถึงทารกในครรภ์
ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หาได้เป็นสุขเช่นอวี๋หวั่น ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของนางที่ถูกประเมินต่ำ แต่ความแข็งแกร่งของเยี่ยนจิ่วเฉายังถูกประเมินต่ำยิ่งกว่า เดิมคิดว่าฝีมือของนาง แม้ไม่อาจทัดเทียมท่านอาจารย์แห่งลมปราณ แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยชีวิตคนได้ ทว่ายามนี้นางไม่มองโลกแง่ดีเช่นนั้นแล้ว
นางพาผู้ใหญ่ทั้งคนหลบไปมา สูญเสียกำลังภายในไปมากกว่าอีกฝ่าย ทั้งยังถูกอีกฝ่ายไล่ล่า นางอาจถูกโจมตี
ดวงตาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทอประกายวูบไหว พลิกหลังมือโยนลูกปัดจำนวนหนึ่ง ทันทีที่ตกกระทบพื้นก็เกิดเสียงระเบิดดัง หมอกควันพิษฟุ้งกระจายออกมา
ภายใต้ม่านหมอกพิษ สตรีศักดิ์สิทธิ์พาอวี๋หวั่นบินออกจากจวนสกุลหลาน
แม้จะบินหนีผ่านหมอกพิษ เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังใช้ฝ่ามือลมปราณพุ่งตามไป
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกโจมตี ซี่โครงหักท่อนหนึ่ง ความเจ็บปวดแล่นแปลบเข้าทรวงอก กระอักเลือดออกมา
หลายคนกลั้นหายใจกระทั่งหมอกพิษสลายไป อิ่งสือซันจึงเดินมาพร้อมกับชิงเหยียนและอิ่งลิ่ว
“คุณชาย!” อิ่งสือซันมองไปที่เขา
เยี่ยนจิ่วเฉามองออกไปในความมืดมิดยามราตรีไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสาดประกายเย็นชาน่ากลัว
อิ่งลิ่วมองไปที่หลานเจียวที่อยู่ด้านข้างและชักดาบออกมา “คุณชาย! บุตรสาวของนางจับตัวฮูหยินน้อยไป ไม่สู้พวกเราก็จับนางมาบ้างดีกว่าหรือ! บังคับให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่งตัวฮูหยินน้อยมา!”
อิ่งสือซันวิเคราะห์ “หลานเจียวได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งแรกที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ลงมือหลังจากปรากฏตัว หาใช่ปกป้องมารดา แต่กลับชิงตัวฮูหยินน้อยไป เกรงว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่สนใจมารดาผู้ให้กำเนิดนางสักเท่าใด”
เยี่ยนจิ่วเฉาใช้สมาธิรับรู้ความเคลื่อนไหวรอบทิศทาง และพูดอย่างเฉยชา “ยอดฝีมือของสกุลหลานใกล้มาถึงแล้ว พานางไป”
อิ่งสือซันหยุดชะงักและตอบว่า “ขอรับ”
คุณชายต้องการพานางไป เช่นนั้นย่อมต้องมีเหตุผลให้พานางไป
ก่อนที่ยอดฝีมือของจวนสกุลหลานจะมาถึง เยี่ยนจิ่วเฉากับพรรคพวกก็พาตัวหลานเจียวไปแล้ว อีกด้านหนึ่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พาอวี๋หวั่นไปยังจุดหมายสุดท้ายเช่นกัน
ช่วงนี้อวี๋หวั่นได้เรียนรู้คำศัพท์มากมายกับอาม่า แค่มองแวบเดียวเธอก็จำป้ายสีทองเหนือประตูนั้นได้ จวนซือคง
แอ่ก-
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอามือกุมอก ยันผนังกระอักเลือดอีกครั้ง
อวี๋หวั่นมองนางด้วยความแปลกใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเย็นชา “อย่าคิดหนี แม้ข้าจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังฆ่าเจ้าได้ง่ายดาย!”
อวี๋หวั่นสอดกล่องเหล็กเข้าไปในแขนเสื้อกว้างของเธออย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเลิกคิ้วและพูดว่า “ผู้ใดบอกว่าจะหนี?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถัดกำแพงเดินไปที่ประตูใหญ่ที่ปิดสนิท และสั่นที่เคาะประตู
“ใครน่ะ?”
“ข้าเอง สตรีศักดิ์สิทธิ์”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ประตูถูกเปิดออกจากด้านใน องครักษ์ของจวนซือคงเดินออกมาอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ใบหน้าซีดขาว มีเลือดไหลจากมุมปาก เขาก็ตกใจ “ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์! ท่าน…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจะล้มลง นางไม่มีแรงพอจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา พลันถามอย่างอ่อนแรงว่า “คุณชายรองอยู่หรือไม่?”
องครักษ์พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม “อยู่…อยู่ขอรับ! ท่านต้องการให้ข้าน้อยไปรายงานหรือไม่?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างยืนกราน “ไม่ต้อง ข้าจะไปหาเขาเอง”
“เช่นนั้นเชิญท่านเข้ามา!” องครักษ์รีบหลีกทางให้สตรีศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยืนถัดประตู ก่อนจะหันกลับไปมองอวี๋หวั่นและขู่ว่า “ยังไม่รีบตามมาอีก?”
อวี๋หวั่นเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ
องครักษ์เห็นท่าทีลังเลเล็กน้อยของอวี๋หวั่น “ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางคือ…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยขัด “นางเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องถาม”
“แต่สกุลซือคงไม่อาจเข้าได้ตามอำเภอใจ…” องครักษ์กล่าวไปได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าน่าเกรงขามของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็กล่าวคำใดต่อไม่ออกอีก
สตรีศักดิ์สิทธิ์มีสัญญาแต่งงานกับคุณชายรองของตระกูลซือคง นางจะกลายเป็นนายหญิงของตระกูลซือคงในอนาคต หากนายหญิงต้องการพาคนเข้ามาในจวน ก็…ไม่นับว่าเกินเลย
องครักษ์ไม่กล้าขัดขวางสตรีศักดิ์สิทธิ์ ถอยออกไปด้านข้างเงียบๆ สตรีศักดิ์สิทธิ์จึงพาอวี๋หวั่นเข้าไปในจวนซือคง
จวนซือคงกว้างใหญ่นัก ทว่ายามนี้ดึกแล้ว ทิวทัศน์ในจวนเป็นอย่างไรก็ไม่อาจได้ชื่นชม
อวี๋หวั่นเดินตามด้านหลังสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ ดูสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ร่างกายเริ่มโงนเงนเพราะอาการบาดเจ็บ อวี๋หวั่นก็คิดอยากเตะนางให้ล้มอยู่หลายครา แต่เมื่อคิดถึงผลทันทีที่นางถูกเตะจนล้มลงคือทำศพเสียตรงนี้ อวี๋หวั่นก็แอบข่มใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์หันหน้ามาอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าพึมพำลับๆ ล่อๆ อะไรอยู่ด้านหลัง?”
“ไม่มีอะไร” อวี๋หวั่นวางมาดเต๊ะท่าเดินไปด้านหน้านาง “ไม่อยากให้ข้าลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างหลัง ข้าเดินอยู่หน้าเจ้าก็สิ้นเรื่อง!”
“ทางนี้!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เรียกอวี๋หวั่นที่เดินข้ามทางแยกอย่างเย็นชา
อวี๋หวั่นหันมามองสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเลี้ยวซ้าย ก็ร้องอ้อ แล้วหันตัวเดินตามไป
ระหว่างทาง พวกนางได้พบกับข้ารับใช้มากมาย ทุกคนต่างปฏิบัติต่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพยำเกรง ไม่มีใครถามว่าอวี๋หวั่นเป็นใคร หรือเหตุใดเธอถึงถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์พาเข้ามาในจวน
อวี๋หวั่นกล่าวอยู่ข้างสตรีศักดิ์สิทธิ์ “นี่ ดูเหมือนเจ้าจะมีสถานะในสกุลซือคงที่สูงไม่น้อย ข้าได้ยินมาว่า เดิมทีเจ้าจะแต่งงานกับคุณชายใหญ่ของสกุลซือคง แล้วเหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นคุณชายรองอีกละ? วันหน้าเจ้าจะแต่งงานเข้าจวนซือคง พบกับอดีตคู่หมั้นบ่อยครั้งเจ้าไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนหรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างอดกลั้น “หุบปาก!”
อวี๋หวั่นปิดปากของเธอ
ไม่นานก็พูดต่อว่า “ใช่หรือไม่ว่าเจ้าต้องการรับตำแหน่งเจ้าบ้านสกุลซือคงร่วมกับคุณชายรอง?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทนจนไม่อยากจะทน “ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!”
“ไม่หุบ”
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้า?!”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าฆ่าคงฆ่านานแล้ว เจ้าอย่าลืม สามีของข้าได้พูดแล้ว ขอเพียงข้าตาย เจ้าต้องฝังศพไปกับข้า สามีข้ากล่าวคำไหนคำนั้น!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม “หึ เจ้าคิดว่าด้วยกำลังของเขาคนเดียว จะสามารถเข้ามาฆ่าข้าในจวนซือคงได้จริงหรือ?”
อวี๋หวั่นกะพริบตา “ในเมื่อไม่กลัวสามีของข้ามาแก้แค้น แล้วเหตุใดเจ้าไม่ฆ่าข้าเสีย?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่หันหน้าหนีมองราตรีมืดมิด “พวกเจ้าเป็นอะไรกับสกุลซือคง? วิชาคงกระพันของสามีเจ้าไปขโมยเรียนมาจากที่ใด?”
“วิชาคงกระพันอะไร?” อวี๋หวั่นแตะคางของเธอด้วยความสงสัย วรยุทธ์ที่อ๋องเผ่าปีศาจฝึกฝนในพื้นที่ต้องห้ามที่แท้ก็เรียกว่าวิชาคงกระพันสินะ…
อวี๋หวั่นไม่อาจบอกความจริงกับนาง ให้นางคาดเดาจนสมองระเบิดไปเถอะ!
ว่าไปแล้ว นางไม่สังหารตนยามที่อยู่ในจวนสกุลหลาน เป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกเยี่ยนจิ่วเฉาล้างแค้น ยามนี้เข้ามาอยู่ในจวนซือคงที่มีกำแพงแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ก็ยังคงไว้ชีวิตเธอ ดูเหมือนนางกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยนจิ่วเฉากับสกุลซือคง
ขณะคิดเรื่องนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงเรือนที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา องครักษ์ทุกนายต่างรู้จักนาง ในไม่ช้าก็รีบหลีกทางให้นาง
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองอวี๋หวั่นอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “มัวทำสิ่งใดอยู่? ยังไม่เข้ามา?”
…………………………