ในหมิงตู สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อม แม้ว่าสิ่งนี้จะมีส่วนพัวพันกับสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนาง แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่านางมีพลังที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ อีกอย่างก็ยังจับตัวสตรีของอีกฝ่ายได้ กล่าวได้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ช่วงชิงโอกาสแรกสำเร็จ แต่กลับถูกคุกคามและโจมตีอย่างหนักหรือ?
นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงยามนี้สมองก็ยังสับสน
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ บุรุษผู้นั้นตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยคิดจะให้สตรีผู้นั้นตาย เขาเดิมพัน เดิมพันว่าผู้ใดเป็นฝ่ายกลัวก่อน เห็นได้ชัดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้
สตรีศักดิ์สิทธิ์ย้อนนึกถึงก็รู้สึกว่าตนเองเสียหน้าครั้งใหญ่!
ซือคงอวิ๋นอยากถามอีกครั้ง แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องการเอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว
“เอาละ ทานยารักษาบาดแผลก่อน” ซือคงอวิ๋นยื่นเม็ดยาที่สาวใช้นำมาให้สตรีศักดิ์สิทธิ์
นี่เป็นยาลับเฉพาะของสกุลซือคง มีฤทธิ์รักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างน่าอัศจรรย์
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ดื้อดึง รีบกินยาเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพาสตรีนางหนึ่งกลับมา นางเป็นใคร?”
“นั่นก็คือตัวประกัน”
“เหตุใดเจ้าไม่ฆ่านางเสีย? หรือเจ้ากังวลว่าคนผู้นั้นจะตามมาล้างแค้นเจ้าที่นี่? เช่นนั้นก็ให้เขามา ข้าก็อยากดูว่าเขาจะต้านทานทหารเขี้ยวมังกรของสกุลซือคงได้อย่างไร?”
อวี๋หวั่นที่ได้ยินก็พลันขมวดคิ้ว สารเลวเอ๊ย อ้าปากปิดปากก็เอาแต่คิดจะฆ่าเธอ อย่างที่คาดไว้ คนที่อยู่กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พวกตะเภาเดียวกัน ไม่ใช่คนดีอะไร! แต่…ทหารเขี้ยวมังกรนี่คือสิ่งใดกัน? แม้ไม่ค่อยเข้าใจแต่รู้สึกว่าต้องมีอะไรดีแน่
สิ่งที่อวี๋หวั่นไม่รู้คือทหารเขี้ยวมังกรของสกุลซือคงเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหน่วยกล้าตายเป็นร้อยเท่า กองกำลังหลักคือราชาซิวหลัวและซิวหลัว กองกำลังเช่นนี้ไม่สามารถเอาชนะด้วยมือเปล่า
สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่ายศีรษะ “ข้าหาได้กังวลว่าเขาจะแก้แค้นข้า”
“เช่นนั้นเจ้า…” ซือคงอวิ๋นงงงวย
สตรีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าได้ประมือกับเขา และพบว่าเขาใช้กำลังภายในของสกุลซือคง”
สีหน้าซือคงอวิ๋นแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “กล่าวเช่นนี้ เขาก็คือคนของสกุลซือคงหรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “เจ้าฟังข้าให้จบก่อน ที่เขาใช้คือวิชาคงกระพัน”
ซือคงอวิ๋นสะดุ้ง “อะ…อะไรนะ? วิชาคงกระพัน? เจ้าแน่ใจหรือว่าดูไม่ผิด?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจและค่อยๆ พูดว่า “ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปที่เขาหมิงซานได้ ข้าบังเอิญพบกับปรมาจารย์ที่กำลังฝึกวิชาคงกระพัน แม้…ข้าจะไม่ได้สนทนากับปรมาจารย์จริงๆ แต่ไอพลังนั้นข้าไม่มีทางจำผิด”
ซือคงอวิ๋นกล่าวว่า “เจ้าหมายถึง…บนร่างกายของเขามีไอพลังของปรมาจารย์?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ข้าได้ตรวจดูตำราในภายหลัง ถึงทราบว่ากระบวนท่าที่ปรมาจารย์ปฏิบัตินั้นคือวิชาคงกระพันของสกุลซือคง ไอพลังของเขาคล้ายกับปรมาจารย์ถึงเพียงนี้ ก็น่าจะเป็นวิชาคงกระพันเช่นกัน”
ซือคงอวิ๋นพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง “แต่วิชาคงกระพันมีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถทำได้นี่…”
วรยุทธ์วิชาคงกระพันนี้ เดิมทีเป็นตำราวิชาลับของสกุลซือคง ทว่าในนั้นมีหลายหน้าขาดหายไป ผู้ฝึกฝนมักสูญเสียจิตวิญญาณทีละน้อย สกุลซือคงจึงห้ามไม่ให้ลูกศิษย์ฝึกฝนวิชานี้
ปรมาจารย์ของสกุลซือคงถูกยกเว้น เขาบรรลุในวิชานี้ และฝึกฝนจนวรยุทธ์แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่วิธีการของเขาใช้ได้กับตัวเขาเองเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเลียนแบบเขาได้สำเร็จ
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองซือคงอวิ๋นและกล่าวว่า “นี่ก็คือสิ่งที่ข้าต้องการถามเจ้า ปรมาจารย์…เขาเคยแอบรับศิษย์ที่ใดมาหรือไม่?”
ซือคงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปรมาจารย์ในช่วงปีแรกรับมาไม่น้อย แต่ถูกกำจัดไปหมดแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ท้อแท้หมดกำลังใจ ไม่คิดจะรับศิษย์อีก ทว่า…ไม่นานหลังจากมารดาของพี่ใหญ่ข้าจากไป ท่านพ่อเคยส่งพี่ใหญ่ข้าไปที่หมิงซานเพื่อปรนนิบัติปรมาจารย์ หรือยามนั้นพี่ใหญ่ข้าแอบเรียนวิชายุทธ์ของปรมาจารย์มา?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เคยเรียนศิลปะการต่อสู้กับซือคงฉางเฟิง แต่ไม่พบว่าบนร่างของเขามีไอพลังของวิชาคงกระพัน แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะซุกซ่อนมันไว้
หากเขาซ่อนไว้จริง เช่นนั้น…
สตรีศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจ หลับตาลง “คืนนี้พี่ชายคนโตของเจ้าอยู่ที่จวนหรือไม่?”
“ใครก็ได้เข้ามาหน่อย!”
ซือคงอวิ๋นออกคำสั่ง คนเฝ้าเรือนผลักประตูเข้ามา “คุณชายรอง”
ซือคงอวิ๋นกล่าวอย่างเฉยเมย “คืนนี้พี่ใหญ่ข้าทำสิ่งใดอยู่? ได้ออกจากจวนหรือไม่?”
คนเฝ้าเรือนตอบว่า “คุณชายใหญ่ออกไปจากจวนตอนกลางวัน ในช่วงเย็นจึงกลับมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกไปจากจวนอีกขอรับ”
“เจ้าแน่ใจหรือ?” ซือคงอวิ๋นถาม
คนเฝ้าเรือนกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “ขอรับคุณชายรอง ก่อนหน้านี้สองเค่อ ห้องเก็บของยังส่งประดิษฐ์อักษรมาให้ท่านชุดหนึ่ง และส่งให้คุณชายใหญ่เช่นกัน ส่งถึงมือผู้ดูแลของเขาด้วยตนเอง ในตอนนั้นคุณชายใหญ่ก็อยู่ ในครัวก็เตรียมอาหารมื้อเย็นให้คุณชายใหญ่ด้วย ไม่ทราบว่ายามนี้กินเสร็จหรือยัง”
ซือคงอวิ๋นสั่ง “เจ้าไปดูซิ!”
“ขอรับ!”
คนเฝ้าเรือนรีบไป
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาที่เรือนและรายงานว่า “เรียนคุณชายรอง ยังกินอยู่เลยขอรับ ได้ยินว่าเมื่อครู่นายท่านเรียกคุณชายใหญ่ไปพบ คุณชายรองต้องการให้ข้าน้อยไปสืบหรือไม่ว่านายท่านพูดสิ่งใดกับคุณชายใหญ่?”
แอบสืบข้อมูลของชายชราลับหลัง เขาไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ?
ซือคงอวิ๋นโบกมือ “ออกไปเถอะ”
คนเฝ้าเรือนถอยออกไป
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เขา” ซือคงอวิ๋นสงสัย “แต่หากไม่ใช่เขา จะเป็นใคร?”
“นั่นใคร?!” ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์มีประกายวาบผ่าน นางมองไปที่กำแพงในทันที
อ๊ะ ถูกจับได้ซะแล้ว!
อวี๋หวั่นรีบถอนตัวออกจากกำแพง เดินไปที่เตียงและกำลังจะนอนลง เมื่อนึกบางสิ่งขึ้นได้ จึงหันกลับไปที่โต๊ะและวางหนอนกู่ที่เหลือชีวิตครึ่งหนึ่งลงบนตัวของเธอ
ยามสตรีศักดิ์สิทธิ์และซือคงอวิ๋นเข้ามาในห้อง อวี๋หวั่นก็ ‘หลับ’ อยู่ใต้ผ้านวมแล้ว
สตรีศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองอาหารบนโต๊ะที่ถูกขยับเคลื่อนย้ายและตรวจสอบฝากาน้ำชา เดินไปที่เตียงด้วยสีหน้าเยือกเย็น
อวี๋หวั่นนอนหันหลังให้นาง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ข้างเตียงครู่หนึ่ง
เดิมทีอวี๋หวั่นตั้งใจจะแกล้งหลับ ไหนเลยแกล้งไปแกล้งมากลับหลับไปจริงๆ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจจากจมูกของเธอ พลันขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและหันหลังกลับออกไป
“มีอะไรหรือ?” ซือคงอวิ๋นถามขณะรออยู่ที่ประตู
“ไม่มีอะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ซือคงอวิ๋นยิ้มจางๆ และพูดว่า “เจ้าวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป? ข้าบอกไว้สักอย่าง การแต่งงานของข้ากับเจ้าถูกกำหนดไว้เดือนหน้า หากเจ้ามีสิ่งใดที่ไม่สามารถจัดการได้ จำไว้ว่าต้องบอกข้า ข้าจะจัดการแทนเจ้าเอง ข้าไม่ต้องการให้มีความวุ่นวายที่ควรแก้ไขแต่ยังไม่ได้แก้ไขในวันแต่งงาน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองเขาอย่างไม่แยแส ราวกับไม่พอใจในท่าทางสูงส่งของเขา แต่อีกฝ่ายเป็นคุณชายรองแห่งสกุลซือคง มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาก็เป็นที่โปรดปราน ตัวเขาเองได้รับการยกย่องจากผู้นำตระกูลซือคง ไม่แปลกใจเลย หากเขาที่แต่งงานกับตนแล้วจะกลายเป็นผู้สืบทอดสกุลซือคง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ระงับความไม่พอใจและพูดอย่างเฉยเมย “ข้ามีแผนของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
ซือคงอวิ๋นกล่าวว่า “เช่นนั้นคืนนี้เจ้า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ชำเลืองมองเขาปราดหนึ่ง
ซือคงอวิ๋นส่งเสียงไอเบาๆ “ ข้าหมายความว่าสกุลหลานเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ วุ่นวายเละเทะ เกรงว่าเจ้าจะไม่สะดวกกลับไป…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองไปยังท้องฟ้ายามราตรีและพูดว่า “ข้าจะไปหมิงซาน”
ทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน จึงไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในจวนสกุลซือคงเช่นนี้ หมิงซานอยู่ใกล้กับเขตต้องห้ามของสกุลซือคง สตรีศักดิ์สิทธิ์ทุกคนในอดีตล้วนมีคุณสมบัติที่จะเข้าออกหมิงซาน เชิงเขาหมิงซานก็จัดตั้งวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้แห่งหนึ่ง
ซือคงอวิ๋นยิ้มอย่างอ่อนโยน “จริงๆ แล้ว…เจ้าจะอยู่ก็ไม่เป็นไร ข้าไม่บอกให้ใครรู้ก็สิ้นเรื่อง”
ฟังดูเหมือนพยายามโน้มน้าวให้สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ค้างที่นี่
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ข้าก็ต้องการยืมสระเย็นของหมิงซานรักษาบาดแผลด้วย”
ซือคงอวิ๋นตบหัวตัวเอง “จริงด้วยสิ เจ้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ หากได้แช่สระน้ำเย็นก็คงดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้ ข้าจะให้คนไปเตรียมเกี้ยวไว้ ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า
ซือคงอวิ๋นจากไปอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ออกจากเรือน
อวี๋หวั่นหลับไปนานครู่หนึ่ง และถูกสัตว์พิษตัวน้อยปลุกให้ตื่น
………………………