สตรีศักดิ์สิทธิ์ประหม่าขึ้นมาทันที
ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะความรู้สึกผิด หรือหัวใจเต้นแรง
เขาหยุดยืนห่างจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ และกวาดสายตามองนางขึ้นลง “เจ้า…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจปิดบังความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง หลับตาลงและเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าหนีออกมาได้”
“เจ้าหนีมาได้อย่างไร?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
น้ำเสียงนี้ทุ้มกว่าที่คิดไว้ แต่เมื่อคู่กับใบหน้านี้ก็ฟังดูดีไม่น้อยเลย
สตรีศักดิ์สิทธิ์นึกถึงเสียงของอวี๋หวั่นและตอบเบาๆ “จวนซือคงกำลังจะจัดงานแต่งงาน สตรีศักดิ์สิทธิ์เรียกข้าไปที่วิหาร ข้าใช้โอกาสที่นางเลือกชุดแต่งงานซ่อนตัวในรถขนของ จากนั้นก็ออกมา”
“เจ้าผอมลง” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยความปวดใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า “หลายวันมานี้ข้าคิดถึงท่านและลูกมาก ข้าหงุดหงิด กินไม่ได้นอนไม่หลับ สามวันที่ถูกจับไปที่วิหารไม่กินข้าวสักมื้อ…”
“ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาเหยียดฝ่ามือทรงพลังคว้ามืออ่อนแอเหลือแต่กระดูกของสตรีศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์เติบโตมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวบุรุษ แม้กระทั่งกับซือคงอวิ๋นก็ตาม แต่จู่ๆ ก็ถูกจับมือ นางพลันดึงกลับด้วยความตกใจ
“เป็นอะไรไป?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
“ไม่ ไม่มีอะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้นมองหน้ากากเนือยนิ่ง รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อยจะยกมือขึ้นถอดหน้ากากนั้นออก
เมื่อเห็นใบหน้าที่เฝ้าคะนึงหา สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ถอนหายใจยาวเหยียด
“ไยมองข้าเช่นนี้? มีสิ่งใดบนหน้าข้าหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
สตรีศักดิ์สิทธิ์ส่ายหัว “ไม่มี ข้าไม่ได้พบท่านมานาน จึงอยากเห็น”
เยี่ยนจิ่วเฉามองนางอย่างอ่อนโยนและเอ็นดู “ข้าวางแผนจะช่วยเจ้าในวันแต่งงาน ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าฉลาดจนหนีออกมาได้ด้วยตนเอง เจ้าหิวหรือไม่?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์อ้าปาก “ข้า…”
เยี่ยนจิ่วเฉามองท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนางและยิ้มเบาๆ “เจ้าไม่หิว เขาก็คงหิวแล้ว”
ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาย
เยี่ยนจิ่วเฉาดึงมือของนางขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นางขยับปลายนิ้ว ทว่าไม่ได้ถอนมือออก
เยี่ยนจิ่วเฉาพานางไปที่อีกด้านของตรอก
นางมองไปยังลานหญ้าข้างหลังนาง “ไม่…กลับไปหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “ข้าจะพาเจ้าไปที่ดีๆ”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลดสายตาลงมองมือที่ประสานกันของทั้งสอง หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น ความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้แล่นผ่านหัวใจ
“เยี่ยน…เยี่ยนจิ่วเฉา”
“หืม?”
มืออีกข้างของสตรีศักดิ์สิทธิ์สัมผัสแก้มร้อนผ่าวของตน “ไม่มีอะไร แค่เรียกเฉยๆ”
เมื่อลมเริ่มพัด เยี่ยนจิ่วเฉาก็ถอดเสื้อคลุมมาวางไว้ที่ตัวนางเบาๆ พร้อมกับผูกให้นาง สายตาอ่อนโยนมีสมาธิ
เดิมทีสตรีศักดิ์สิทธิ์แค่สงสัย มีอายุมาถึงบัดนี้ยังไม่รู้ว่าความรักเป็นเช่นไรเท่านั้น ทว่าวินาทีนี้ที่นางมองเขา รู้สึกถึงน้ำใจของเขา ราวกับว่านางเข้าใจความสุขเล็กน้อยที่สตรีผู้นั้นแสดงให้เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
มีบุรุษที่สมบูรณ์แบบและทุ่มเทเช่นนี้รักใคร่ดูแล คงไม่มีสตรีใดในโลกทนไหวกระมัง
“เสร็จแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาผูกให้นางแล้ว ก็มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน ดึงมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล อ่อนโยนแต่ไม่เหลาะแหละ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกจูงเข้าไปในที่ที่ฝูงชนเนืองแน่น
อวี๋หวั่นหลับไปนาน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นวันแต่งงานแล้ว
นางสะลึมสะลือ รู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง มีคนพานางลงไปในอ่างเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“พวกเจ้าออกมาให้หมด มีข้ารับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พอ”
“เจ้าค่ะ!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์…สตรีศักดิ์สิทธิ์อะไร?
อวี๋หวั่นลืมตาครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่ด้วยฤทธิ์ยา เธอการตอบสนองช้า ใช้เวลานานกว่าจะรับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์
นางจะไปรับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ? แล้วมาทำอะไรกับตัวของเธอ?
ทูตศักดิ์สิทธิ์นำสบู่กลิ่นดอกไม้มาจัดการกับผมยาวของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นพิงอ่าง ถูกนางขยับไปมา ยิ่งขยับก็ยิ่งได้สติมากขึ้น
ทูตศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ด้านหลังอวี๋หวั่น ไม่ได้สังเกตว่าอวี๋หวั่นลืมตาแล้ว
อวี๋หวั่นมองไปรอบๆ และเริ่มสับสนในทันที
ห้องที่เต็มไปด้วยป้ายยินดีคู่นี่มันอะไรกัน? หรือการแต่งงานใหญ่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ห้องตัวประกันอย่างเธอก็ยังต้องยินดีด้วย?
“ท่านทูตหลี น้ำมันดอกไม้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์พร้อมแล้ว”
ด้านนอกฉากกั้น มีสาวผู้หนึ่งใช้กล่าวรายงาน
“นำเข้ามา” ทูตกล่าว
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้หยิบน้ำมันดอกไม้เข้ามาในห้อง ทูตศักดิ์สิทธิ์จุ่มปลายนิ้วลงไปเล็กน้อย และค่อยๆ ละเลงปลายผมของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหตุใดกล่าวว่าเป็นของที่ใช้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์พลาง ก็ใช้กับหัวของเธอพลาง? แล้วสตรีศักดิ์สิทธิ์แต่งงาน แล้วเหตุใดเธอต้องแต่งตัว? งานแต่งงานของสตรีศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ ถึงกับต้องแปลงโฉมตัวประกันเลยหรือ?
เพล้ง!
“อ๊ะ!”
ในห้องมีบางอย่างตกแตก
ทูตศักดิ์สิทธิ์รีบเดินอ้อมไปหน้าฉาก “เกิดอะไรขึ้น?”
“เรียนท่านทูตหลี ข้าไม่ระวังทำกำไลแตก”
“เอาละ ข้าจะไปนำมาอีกคู่จากห้องเก็บของ พวกเจ้าเฝ้าไว้ที่นี่ อย่าเข้าไปรบกวนสตรีศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าค่ะ!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์?
สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ใด?
อวี๋หวั่นมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเงาคนร่างที่สอง เธอใช้มือพยุงออกจากอ่าง หยิบเสื้อคลุมห่อหุ้มร่างกายเดินออกจากหน้าฉากกั้นอย่างประหลาดใจ
สาวใช้ในห้องคุกเข่าลงกับพื้น “สตรีศักดิ์สิทธิ์!”
อวี๋หวั่นสะดุ้งตกใจ!!!
อวี๋หวั่นมองย้อนกลับไป ไม่ ไม่มีสตรีศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย…
จนถึงตอนนี้อวี๋หวั่นไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของตนเปลี่ยนไปแล้ว จนกระทั่งเดินไปหน้ากระจกทองเหลืองไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อดูดีๆ ก็ถึงกับตกตะลึง
นี่ นี่ นี่…นี่ไม่ใช่หน้าของเธอ!
อวี๋หวั่นลูบหัว ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ในกระจกก็ลูบหัว อวี๋หวั่นบีบหู ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ในกระจกก็บีบหู นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นลูบท้องของเธอโดยสัญชาตญาณ
โชคยังดี โชคยังดี พุงยังอยู่!
ไม่ใช่ทะลุมิติข้ามเวลาอีกครั้ง
แต่ เธอมีใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
เธอสลบไปหลายวันแล้ว ไม่ได้กินอะไร จึงดูซูบผอมลง แต่ก็ยังมีเนื้อมีหนังมากกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่แม้แต่เหล่ตามอง จึงไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย หรือต่อให้สังเกตเห็นก็ไม่กล้าสงสัยในตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี
อวี๋หวั่นมองดูตัวเองในกระจกทองเหลืองอีกครั้ง ร่างกายยังเป็นของเธอ เช่นนั้นดูเหมือนว่าใบหน้านี้คงถูกคนบังคับใช้อุบายกับตนแล้ว ยามที่อยู่จวนคุณชาย อวี๋หวั่นได้เห็นหน้ากากพิเศษครั้งหนึ่ง เรียกว่าหน้ากากหนังมนุษย์เพราะมีผิวหนังทั้งใบหน้า
หรือว่าใบหน้าตนถูกแปะของพวกนั้น?
ว่ากันว่าหน้ากากหนังมนุษย์ไม่อาจแสดงสีหน้าได้มากนัก ไม่เช่นนั้นจะหลุดออกได้ง่าย
อวี๋หวั่นยักคิ้วหลิ่วตาให้กระจก ทำปากจู๋แก้มป่อง
สาวใช้แอบชำเลืองมองสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ใบหน้าชักกระตุก พลันตกใจแทบทรุดลงกับพื้น!
เอาไม่ออก…
อวี๋หวั่นขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เริ่มแกะ
“นี่มันติดแน่นเกินไปแล้ว”
เอาไม่ออก!!!
“ข้าก็บอกแล้ว ของพวกนี้ต้องย้ายไปที่ห้องหอให้ทันเวลา!”
เสียงทูตหลีดังมาจากโถงเดินด้านนอก อวี๋หวั่นนึกถึงท่าทางผิดปกติของทูตหลี แน่ใจว่านางต้องร่วมมือกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ อวี๋หวั่นหยิบเสื้อคลุม สวมหมวก เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
เมื่อทูตศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในห้อง เห็นว่าอ่างน้ำว่างเปล่า เรียวคิ้วพลันขมวดแน่น “สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด?”
สาวใช้ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน “ออกไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ตื่นแล้ว?” ฤทธิ์ยานั้น อย่างน้อยก็อยู่ได้ถึงยามเข้าหอจึงจะถูก…
ทุกคนมองนางอย่างงงงวย ตื่นแล้วอันใดกัน?
“แย่แล้ว!” ทูตหลีเดินออกไปด้วยแววตาที่เย็นชา
อวี๋หวั่นยังจำทางมาได้ แต่ก็จำได้เพียงถนนเส้นนี้ หลังออกจากวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกลับไปที่จวนสกุลซือคง วันนี้เป็นวันมงคลระหว่างซือคงอวิ๋นกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่จวนคึกคักวุ่นวาย เหล่าข้ารับใช้ต่างพลุกพล่านรีบร้อน ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ
ถึงเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังไม่กล้าวางใจ
เธอรีบเดินไปที่ประตูเส้นทางลับ
ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเพียงหมิงซานเท่านั้นที่เธอจะแอบได้
ทว่าวันนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แขกคนใดเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทางลับหมิงซานจึงถูกคุ้มกันโดยองครักษ์เสียแล้ว
อวี๋หวั่นสบถในใจ หมุนตัวไปหาที่ซ่อนอื่น
ในตอนนี้ ทูตหลีไล่ตามมาพร้อมกับฮวาจือและทูตศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้ใจได้สองสามคน
………………………