แก้วหล่นแตกกระจายบนพื้น เหล่าไข่ดำน้อยก็ยังไม่ตื่น ทั้งสามนอนหลับสนิท เสียงกรนแผ่วเบาดังแว่วออกมา
อวี๋หวั่นห่มผ้าให้พวกเขา ก่อนอุ้มหลัวช่าน้อยไปที่ห้องของชุยเฒ่า
ชุยเฒ่ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เขาสะดุ้งตกใจ ซวนเซล้มลงข้างเตียง
มือข้างหนึ่งดึงกางเกง อีกข้างหนึ่งชี้ไปที่อวี๋หวั่น และกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าอยากให้ข้าตกใจตายรึ!”
“ข้าเคาะประตูแล้ว” อวี๋หวั่นกล่าว
“เจ้าใช้สิ่งใดเคาะ? ตาเจ้าเรอะ!” ชุยเฒ่าดึงกางเกงแล้วลุกขึ้นยืน
อวี๋หวั่นกระแอมไอเบาๆ ใช่น่ะสิ ก็ตาไงละ รู้ได้อย่างไร?
แต่จะตำหนิเธอก็ไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเขาทิ้งเตียงที่ห้องด้านในของตน มานอนม้านั่งนอกห้องเช่นนี้? หาได้คิดฝันว่าจะพบกับฉากเช่นนี้
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อเปลี่ยนยาให้หลัวช่าน้อย” นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน เมื่อครู่หลัวช่าน้อยขยับตัวรุนแรง กระเทือนบาดแผลจนเลือดไหล
ชุยเฒ่าวิ่งไปจัดการเสื้อผ้าที่ห้องด้านใน จากนั้นก็เปิดม่านออกมา กล่าวกับอวี๋หวั่นอย่างขุ่นเคือง “วางลงให้ข้าดู”
อวี๋หวั่นวางหลัวช่าน้อยบนเตียงเล็กที่ใช่ในการตรวจรักษา
“สีหน้าดูดีขึ้นไม่น้อยแล้ว” ชุยเฒ่าเหลือบมองหลัวช่าน้อย
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ อวี๋หวั่นก็หัวเราะ “ท่านไม่เห็น มันกระโดดโลดเต้นได้แล้ว ไม่เช่นนั้นแผลจะฉีกได้อย่างไร?”
บาดเจ็บขนาดนั้น ตกดึกกลับสามารถกระโดดโลดเต้นไปมา จะผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว
ชุยเฒ่าก้าวไปข้างหน้า เริ่มถอดเสื้อผ้าหลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยกลับแยกเขี้ยวใส่อย่างดุดัน หัวใจชราของชุยเฒ่าสะดุ้งเฮือก ถมึงตากล่าว “ข้ารักษาเจ้า เจ้ายังขู่ข้า?!”
หลัวช่าน้อยขู่เขา! ขู่ๆๆ!
อวี๋หวั่นเผยยิ้มมุมปาก “ข้าทำเอง”
ชุยเฒ่าฮึดฮัด ถอยไปด้านข้าง “ไอ้ตัวจ้อยไร้สำนึก!”
ยามที่อวี๋หวั่นมาถอดเสื้อผ้าหลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยก็แยกเขี้ยว เพียงแต่ไม่ดุร้ายเลยแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นถอดเสื้อผ้าและผ้าพันแผลของหลัวช่าน้อยออก บาดแผลทั้งหมดมีสามจุด สะบักหลังสองจุด บาดแผลจากตะขอเหล็กไม่ใหญ่ ทว่ากลับลึกแทบทะลุหน้าอกของมัน นี่เป็นสิ่งที่เปราะบางและติดเชื้อง่ายที่สุด แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ บาดแผลนั้นเริ่มสมานแล้ว
“นี่ นี่ นี่…” ชุยเฒ่าตกใจพูดไม่ออก เขาเป็นหมอเทวดามาหลายปี มิใช่ไม่เคยเห็นร่างกายที่แข็งแรง แต่มิใช่แข็งแรงเช่นนี้ ยาที่พวกเขามีในยามนี้ อาการบาดเจ็บเช่นนี้คงบวมแดงและติดเชื้อเป็นแน่ ทว่าเจ้านี่กลับใกล้หายดีเสียอย่างนั้น!
“ด้าน…ด้าน ด้าน…ด้านหลังละ?” ชุยเฒ่าเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
อวี๋หวั่นอุ้มหลัวช่าน้อยหันหลัง เผยให้เห็นด้านหลังของมัน บาดแผลที่ฉีกขาดเมื่อเช้า ก็คือจุดนี้ เพราะปากแผลค่อนข้างกว้าง จึงฉีกขาดได้ง่ายกว่า เพียงแต่มันก็ตกสะเก็ดหมดแล้ว
“นี่มันหลัวช่าน้อยมหัศจรรย์อันใดกัน…” ชุยเฒ่าประหลาดใจที่สุดในชีวิต เขารู้สึกว่าตนได้ค้นพบปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์การแพทย์ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปจับชีพจรของมัน
แต่ตอนนี้ หลัวช่าน้อยกลับไม่สนใจจะทำแล้ว
ตื่นมานานขนาดนี้ ยังไม่ได้กินอะไรเลย มันหิวจะแย่แล้ว
ภายในห้องนี้มีขนมสำเร็จรูป อวี๋หวั่นหยิบจานให้มัน มันกัดกินคำหนึ่งก็อาเจียนออกมา อวี๋หวั่นจึงหยิบขวดยาโลหิตยื่นให้ มันถึงอุ้มขวด ตั้งใจกินอย่างจริงจัง
ยามที่มันกินอาหาร ระดับความร่วมมือก็เพิ่มขึ้นมาก ชุยเฒ่าจึงใช้โอกาสนี้จับชีพจรของมัน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นถาม
“เจ้าลองดูเอง” ชุยเฒ่ากล่าว
อวี๋หวั่นจับชีพจรของมัน และกล่าวอย่างประหลาดใจ “ไม่เป็นไรมากแล้วจริงๆ ด้วย”
ชุยเฒ่ากล่าวว่า “เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วไปนัก มันฟื้นตัวเร็วเช่นนี้ หลัวช่าสกุลซางอีกตัวก็ต้องฟื้นตัวเร็วยิ่งกว่า หากวันหน้าต่อสู้กันขึ้นมา เราจะบาดเจ็บไม่ได้ หากบาดเจ็บก็คือจบ” เมื่อเทียบกันแล้ว ความเร็วในการฟื้นตัวของหลัวช่าใหญ่นั้นอัศจรรย์จนน่ากลัวเล็กน้อย
อวี๋หวั่นเก็บเส้นผมฟูยุ่งของหลัวช่าน้อยทัดหลังใบหู “รอถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที”
“เฮ้อ เจ้าเด็กนี่” ชุยเฒ่าส่ายหัว ไม่รู้ควรบอกว่าเธอใจกว้าง หรือบอกว่าเธอจิตใจดี “เอาละ มันฟื้นตัวเร็วเช่นนี้ ครึ่งหนึ่งก็เป็นความดีความชอบของข้า ยังต้องใช้ยาต่อไป!”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างขบขัน “รู้แล้ว ท่านเป็นหมอเทวดาอย่างไรละ! ยาถึง โรคหาย กระปรี้กระเปร่าเยาว์วัย!”
สอพลอเข้าไว้แล้วจะได้ดี ชุยเฒ่าไปจัดยาด้วยหัวใจที่พองโต “หนูหวั่น เจ้าก็มานี่สักหน่อย”
“อื้อ!” อวี๋หวั่นตอบรับ และกล่าวกับหลัวช่าน้อยที่กำลังเคาะขวดยาโลหิตอย่างจริงจังว่า “เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อย่าวิ่งไปที่ใดรู้หรือไม่?”
หลัวช่าน้อยไม่รู้ มันไม่เข้าใจภาษามนุษย์
อวี๋หวั่นถือว่ามันเข้าใจแล้ว จึงเดินไปช่วยชุยเฒ่าจัดยาที่ห้องข้าง
ด้านนอกประตู ชิงเหยียนและอิ่งลิ่วที่แอบดูอยู่นาน ส่งสายตาแลกเปลี่ยนกัน ต่างมองเห็นความตื่นตะลึงที่ยากจะระงับจากก้นบึ้งดวงตาของอีกฝ่าย
ทั้งสองถือโซ่เหล็กนิลไว้ในมือ
อิ่งลิ่วกระซิบ “ฮูหยินทำเช่นนี้จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ? หากไม่ผูกมันไว้ จะไม่เกิดเรื่องจริงๆ หรือ?”
ชิงเหยียนกลอกตา “ยามนั้นมิใช่เจ้าที่บอกว่าไม่อาจลงมือกับเด็กนี่เองหรอกรึ?”
“เอ่อ ข้าก็นึกไม่ถึงว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนี้นี่” อิ่งลิ่วเห็นมันคล้ายเด็ก จึงกระทำต่อมันเช่นเด็กคนหนึ่ง แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่านี่มิใช่เด็ก หากแต่เป็นนักฆ่าตัวน้อยแสนดุร้าย! ศพนั้นแม้อิ่งลิ่วยังไม่เห็นด้วยตา แต่ก็ไม่ยากที่จะจินตนาการ
“ไม่เช่นนั้นเรามัดมันไว้ดีหรือไม่…” อิ่งลิ่วกล่าวอย่างระแวดระวัง
ชิงเหยียนพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งสองทำสัญญาณมือ ยืนขึ้นอย่างเข้าใจกัน คว้าโซ่เหล็กนิลเดินเข้าไปในห้องทีละก้าว ขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้หลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยก็ยังคงกินสิ่งที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง ทั้งสองยกมุมปากได้ใจ โยนโซ่มัดตัวหลัวช่าน้อย—
อวี๋หวั่นกำลังจัดยาอยู่ในห้อง จู่ๆ ก็มีเสียงโซ่เหล็กและบางอย่างที่คล้ายกับล้มลงบนพื้น เธอรีบวางยาในมือ เปิดม่านมองไปนอกห้อง เห็นชิงเหยียนและอิ่งลิ่วที่ถูกโซ่เหล็กนิลมัดนอนอยู่บนพื้น หลัวช่าน้อยขี่อยู่บนตัวชิงเหยียน แยกเขี้ยวสองตาส่องฉายแววดุร้าย!
อวี๋หวั่นมองโซ่เหล็กบนพื้น ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเดินเข้าไป โค้งกายอุ้มหลัวช่าน้อยขึ้นมา
ว่าไปแล้วก็ประหลาด หลัวช่าน้อยที่มีพละกำลังมหาศาล ที่แม้แต่เนินเขาเล็กๆ ก็สามารถเจาะทะลวงเป็นรู กลับให้อวี๋หวั่นอุ้มอย่างง่ายดายเช่นนี้
ชิงเหยียนที่เนื้อและกระดูกแทบแหลกสลายตกตะลึงตาค้าง
“อย่าเอาโซ่มัดมันอีก” อวี๋หวั่นกล่าวกับชิงเหยียนและอิ่งลิ่ว ก่อนจะมองไปที่หลัวช่าน้อยอีกครั้ง “เจ้าก็อย่าขู่พวกเขาอีก”
หลัวช่าน้อยไม่เข้าใจ
หลัวช่าน้อยหยุดชะงัก และแยกเขี้ยวใส่อวี๋หวั่น!
อวี๋หวั่นส่ายหัว
หลัวช่าน้อยได้รับไอสังหาร กระโดดกลับไปนั่งที่เตียง และกินยาโลหิตต่อไป
ชิงเหยียนและอิ่งลิ่วมองหน้ากัน มัน…มันเข้าใจหรือไม่ว่าต่อไปไม่สามารถขู่ๆๆ พวกเขาอีก?
หลัวช่าน้อยเปลี่ยนยาอย่างว่าง่าย ไม่ร้องไห้ ไม่อาละวาด แม้การฟื้นตัวจะยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายก็ยังเจ็บปวด มันกลับทำราวไม่สนใจแม้แต่น้อย กระทั่งคิ้วก็ไม่ขมวดสักนิด
หรือความเจ็บปวดเช่นนี้ มันเคยชินเสียแล้ว
“อิ่มแล้วหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
หลัวช่าน้อยมองอวี๋หวั่นนิ่งงัน
อวี๋หวั่นก้มลงลูบท้องอ้วนกลมของมัน “อิ่มแล้ว”
หลัวช่าน้อยชะงัก แล้วก็ลูบท้องของอวี๋หวั่น
ท้องของอวี๋หวั่นขยับ
เป็นครั้งที่สองที่ครรภ์เคลื่อนไหว หลัวช่าน้อยไม่ตอบสนองมากเช่นก่อนหน้านี้ มันเพียงมองท้องของอวี๋หวั่น แล้วก้มมองท้องของตน
อวี๋หวั่นเขี่ยท้องของมันและกล่าวว่า “ในท้องข้ามีน้องชายหรือน้องสาวอยู่ ท้องของเจ้าไม่มี”
หลัวช่าน้อยเริ่มสังเกตท้องของตน
อวี๋หวั่นหัวเราะตัวโยน เมื่อหัวเราะจนพอ ก็อุ้มหลัวช่าน้อยกลับห้อง และตัดผมหยิกยุ่งราวกับถูกสุนัขแทะของมัน ตัดเสร็จ มันดูคล้ายกับไม่พอใจ จับหัว สีหน้าหงุดหงิด
อวี๋หวั่นเกิดความคิด โกนหัวให้มัน ในที่สุดมันก็เลิกงอแง
ไข่ดำน้อยทั้งสามก็ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ทำเมื่อลืมตามิใช่ตามหามารดา แต่เป็นน้องชาย เมื่อเห็นว่าน้องชายโกนหัวเช่นทั้งสาม พวกเขาก็มีความสุขอย่างเหลือล้น
หลังอาหารเช้า ทั้งสามพาหลัวช่าน้อยไปเล่น
“น้องชายๆ เจ้าเป็นคนสุดท้อง เจ้าเริ่มก่อน” เสี่ยวเป่านำผ้าสีแดงสดผูกตาหลัวช่าน้อยอย่างแผ่วเบา เมื่อแน่ใจว่าหลัวช่าน้อยมองไม่เห็น จึงกล่าวกับมันว่า “เอาละ มาจับพวกเราได้! หากจับไม่ได้ เจ้าจะ—”
ไม่ทันจะกล่าวจบ หลัวช่าน้อยก็จับไข่ดำทั้งสามที่ซ่อนตัวตามที่ต่างๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว!
ไข่ดำน้อยทั้งสามที่ไม่รู้ว่าถูกจับได้อย่างไร “…”
“ข้า ข้า ข้า… ข้าเห็นรังนกบนต้นไม้” เสี่ยวเป่ากล่าวพลางชี้ต้นอู๋ถงที่ทั้งสูงทั้งใหญ่
ไข่ดำทั้งสามรีบแสดงฝีมือการปีนต้นไม้ แต่ปีนไม่ถึงสองก้าว หลัวช่าน้อยก็แวบกายขึ้นไปบนกิ่งไม้ นำรังนกเจ็ดแปดรังทั้งหมดลงมา!
ไข่ดำทั้งสาม “……!!!”
แล้วทั้งสามก็ไปตกปลา
เอ้อร์เป่านอนคว่ำอยู่บนฝั่ง มือเล็กเหยียดลงควานน้ำ “โอ้ะ! ข้าจับได้แล้ว! อ๊ะ! มันหนีไปแล้ว!”
ปลาอ้วนตัวน้อยสะบัดหางน้ำกระเด็นใส่หน้าเอ้อร์เป่า หันก้นว่ายจากไป
หลัวช่าน้อยแยกเขี้ยวดุร้าย กระโดดลุกขึ้น กวาดไปบนผิวน้ำ มือเล็กๆ รัวกวัก ปลาทั้งสระถูกโยนขึ้นฝั่ง!
ปลาอ้วนน้อยตัวสั่นระริก : ข้าทำให้พี่ชายเจ้าขุ่นเคือง เจ้าถึงกับต้องประหารเก้าชั่วโคตรข้า…
………