“ปีศาจกินคน!”
“นั่นมันปีศาจหรือ? กัดคนด้วย!”
“…แม้แต่เด็กก็ยังไม่ปล่อย!”
ฝูงชนต่างตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจ!
คอของเสี่ยวเป่ามีรอยเลือด ทั้งยังสลบไปอีก
อวี๋หวั่นยังไม่ลืมครั้งแรกที่ตนเห็นเจ้าตัวเล็กนี้ มันมองเธอพลางน้ำลายหยดแปะๆ เดิมทีเธอคิดว่ามันเป็นเด็กจริงๆ ทั้งยังให้เขากินลูกกวาด ภายหลังจึงได้รู้ว่ามันต้องการกินเลือดของเธอ
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล เธออุ้มเสี่ยวเป่าเข้ามา โซ่เหล็กนิลเหวี่ยงออกมาจากปลายนิ้ว สีหน้าของเธอเย็นเยียบ “อย่าเข้ามา!”
หลัวช่าน้อยชะงักฝีเท้าในทันใด
หลัวช่าน้อยตัวเล็กนิดเดียว เล็กกว่าเสี่ยวเป่าเสียอีก เงยหน้ามองไปยังอวี๋หวั่น
ร่างกายของเขาอ่อนแอกว่าเด็กทั่วไป อีกทั้งยังมีดวงตาที่ใหญ่กว่าเด็กทั่วไป ยิ่งมีเลือดไหลหยดมาจากปากก็ยิ่งดูน่าเวทนาและน่ากลัวเหลือเกิน
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าตนเองไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ถ้าหากมันต้องการสู้ เช่นนั้นหนทางเดียวที่เธอต้องทำก็คือสู้…
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังวางแผนในใจว่าจะพาเสี่ยวเป่าออกไปอย่างไร ก็ได้ยินเสียง ‘โป๊ะ’ ดังขึ้น มีคนปาไข่เน่าใส่หลัวช่าน้อย
ทว่า หลัวช่าน้อยกระโดดหลบได้ทัน ไข่เน่าจึงปาไม่โดนมัน แต่กลับไปโดนรอยเลือดซึ่งหยดอยู่บนพื้นถนน นี่เป็นการเปิดฉากโจมตีหลัวช่าน้อย หลังจากเปิดประเดิมด้วยไข่เน่าใบแรก ไม่นานไข่เน่าใบที่สอง ใบที่สาม…ก็ตามมา จากนั้นน้ำเน่าก็สาดใส่หลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยโมโหจนแยกเขี้ยว แลดูน่าสยดสยอง
“ไสหัวไป!”
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน ไสหัวไป!”
ไม่มีผู้ใดเห็นภาพเหตุการณ์ที่หัวขโมยเข้ามาจับเสี่ยวเป่า และไม่มีใครเห็นว่าเขาสลบไป ทุกคนเห็นเพียงว่าเจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ดูดเลือดบุรุษผู้นั้นจนร่างของเขาซูบซีด ทั้งยังลากเด็กในอ้อมอกของเขาออกมาอีก ดูท่าแล้วมันคิดจะกินเลือดเด็กเป็นแน่
บ้านไหนเลี้ยงปีศาจตัวนี้ไว้กัน? นับว่าเป็นหายนะของหมิงตูแล้วกระมัง?
หลัวช่าน้อยจ้องผู้คนเขม็ง มันกำลังเดือดดาล
อวี๋หวั่นมองมันอย่างเคลือบแคลงใจ
สุดท้ายแล้วมันก็เหลือบมองอวี๋หวั่น กัดฟันกรอด แล้วหายวับไปทันที!
เมื่อแน่ใจว่ามันหนีไปแล้ว อวี๋หวั่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เจ้าตัวเล็กนั่นถูกขังไว้ในวิหารเจาหยาง แต่กลับหนีตามออกมาได้อย่างง่ายดาย พลังของหลัวช่าโลหิตน่ากลัวเกินไปแล้ว
“เด็กไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชายชราคนหนึ่งเข้ามาถามด้วยความหวังดี
“ข้ายังไม่รู้ ต้องดูก่อน” อวี๋หวั่นพูดพลางใช้ปลายนิ้วตรวจดูลำคอของเสี่ยวเป่า และต้องตกใจเพราะเลือดนั้นไม่ใช่ของเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าไม่มีบาดแผล! จากนั้นเธอจึงจับชีพจรของเสี่ยวเป่า พร้อมตั้งใจตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน เสี่ยวเป่าไม่มีบาดแผลภายนอก และไม่มีบาดแผลภายใน เขาเพียงถูกยาสลบก็เท่านั้น
เป็นไปไม่ได้ที่หลัวช่าโลหิตจะวางยาเสี่ยวเป่า เหตุผลหนึ่งก็คือมันไม่มียาชนิดนี้ สองก็คือมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้
มันสังหารราชาซิวหลัวได้เพียงกระดิกปลายนิ้ว นับประสาอะไรกับเด็กเล็กอย่างเสี่ยวเป่า
อวี๋หวั่นจำได้ว่าเสี่ยวเป่าถูกผู้ชายซึ่งเป็นผู้ใหญ่จับไป เธอรีบตามไปติดๆ แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ผู้ชายคนนั้นก็หายวับไปราวกับอากาศ หาอย่างไรก็หาไม่พบ
หรือว่า…
“ไอ้หยา อย่าสนใจแต่เด็กคนเดียวสิ ดูบุรุษคนนั้นด้วย! เขาเป็นบ่าวบ้านเจ้าหรือเปล่านั่น?” ชายชราเอ่ย
ถาม
บ่าว?
อวี๋หวั่นขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แล้วมองตามไปยังทิศที่ชายชราชี้ ก็เห็นศพศพหนึ่งนอนอยู่ เป็นศพถูกสิงโตหินด้านหน้าโรงแลกเงินบังไว้ อวี๋หวั่นจึงไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรก
อวี๋หวั่นอุ้มเสี่ยวเป่าซึ่งยังคงไม่ได้สติเดินเข้าไป
คนผู้นั้นนอนคว่ำอยู่บนพื้น ศีรษะเอียงไปด้านข้าง ดวงตายังคงเบิกโพลง เลือดในร่างถูกดูดจนแห้ง
แม้ว่าจะเห็นภาพเหตุการณ์นี้ในตอนกลางวันแสกๆ แต่กลับทำให้ผู้คนอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้
ไม่นาน อวี๋หวั่นก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
นี่ไม่ใช่จิงหง และไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่จิงเฉินอย่างแน่นอน แต่แขนเสื้อของผู้ชายคนนี้พองออกมา ราวกับว่าใส่บางอย่างไว้ข้างใน
อวี๋หวั่นดึงของในแขนเสื้อของเขาออกมา และพบว่าของเหล่านั้นมีทั้งชุดที่คุ้นเคยและผ้าที่ทายาสลบเอาไว้
ผู้ชายคนนี้นี่เอง!
เขาคือคนที่จับเสี่ยวเป่าไป!
ชายชราตะโกนว่า “ไอ้หยา เจ้าไม่เห็นเจ้าปีศาจร้ายนั่นหรือไง มันเข้ามากัดบ่าวของเจ้าตาย!”
หลัวช่าโลหิตกัดหัวขโมยที่มาลักพาตัวเสี่ยวเป่า…
เธอเข้าใจหลัวช่าน้อยผิดไป หลัวช่าน้อยไม่ได้ทำร้ายเสี่ยวเป่า มันช่วยเสี่ยวเป่า…
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
หลัวช่าน้อยละ?
มันไปไหนแล้ว?
อันที่จริงหลัวช่าน้อยยังไม่ได้หนีไปไกล มันยังเกาะอยู่บนหลังคาของเรือนแห่งหนึ่ง เหยียดขาออก สายตามองไปยังอวี๋หวั่นและฝูงชน
อวี๋หวั่นมองหาอยู่นานก็ยังหาหลัวช่าน้อยไม่พบ จึงคิดว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เธอทำได้เพียงขึ้นไปนั่งบนรถม้า และพาลูกๆ ออกไปจากที่นั่น
ในครั้งนี้ หลัวช่าน้อยไม่ได้ตามมาด้วย
หลังจากที่รถม้าเคลื่อนออกไปไกล และหายลับไปที่หัวมุมถนน หลัวช่าน้อยก็หันหลังกลับมา และกระ
โดดลงบนพื้น
มันคอตก หยิบลูกกวาดออกมาจากกระเป๋า กวาดสายตาไป แล้วโยนลูกกวาดทิ้งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มันวิ่งผ่านตรอกนั้น ตรงไปยังถนนใหญ่ที่คึกคัก และปะปนเข้าไปกับฝูงชน
เสื้อผ้าของมันเดิมทีก็ใหญ่อยู่แล้ว กระนั้นเมื่อวันนี้วิ่งถูไปไถมา จึงทำให้เสื้อผ้าหลวมโพรกยิ่งกว่าเดิม
ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงของมันกลืนกินไปกับความมืด ไม่มีใครสังเกตเห็นร่างเล็กผ่ายผอมใน
ฝูงชน
“ท่านแม่ ข้าหิว!” ในร้านขายข้าวแห่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงอายุประมาณสี่ขวบสวมกระโปรงคนหนึ่งก็เดินมายังหน้าประตู พร้อมกับดึงแขนเสื้อสตรีผู้เป็นมารดา
“ทั้งหมดสิบอีแปะ” นางคิดเงินลูกค้า จากนั้นก็หันมาจูงมือบุตรสาวตัวน้อย “ได้ แม่จะยกข้าวมาให้เจ้า!”
เด็กหญิงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความดีใจ มารดาเข้าไปยกอาหารร้อนๆ ในครัวมาให้ เมื่อเห็นว่ามีขอทานตัวผอมโซมายืนมอง นางก็วางชามลง แล้วคว้าไม้กวาดมา “ขอทานจากไหนกัน? ออกไป! ไป!”
หลัวช่าน้อยถูกไล่ออกมา
ทันใดนั้นเอง หลัวช่าน้อยก็วิ่งกลับเข้าไป แล้วแยกเขี้ยวขู่เด็กหญิงตัวน้อยจนนางร้องไห้ออกมา!
“เจ้าบ้า ออกไปนะ!” มารดายกไม้กวาดขึ้นมาไล่ตีหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยหนีออกมาอย่างว่องไว
“ท่านพ่อ ข้าอยากกินถังหูลู่!” เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังขี่คอบุรุษเอ่ยขึ้น
“ได้สิ!” บุรุษผู้นั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วเดินไปยังแผงขายถังหูลู่ ซื้อถังหูลู่ลูกกลมใสมาไม้หนึ่ง จากนั้นก็ส่งขึ้นไปเหนือศีรษะ “เอ้านี่”
เด็กชายตัวน้อยรับถังหูลู่มา ขณะที่กำลังจะกัดเข้าปากนั้นเอง ทันใดนั้นก็มีลมสายหนึ่งพัดผ่าน ผมของเด็กชายตัวน้อยถูกพัดจนยุ่งเหยิงไม่ต่างอะไรจากรังนก กว่าเขาจะตั้งสติได้ ถังหูลู่ในมือก็หายไปเสียแล้ว
เด็กชายร้องไห้เสียงดังลั่น
หลัวช่าน้อยแย่งถังหูลู่จากเด็กชาย แล้วจึงเดินจากไปอย่างไม่สนใครหน้าไหนเช่นเดียวกับต้าเป่า
มันเดินไป กัดถังหูลู่ไป
“แหวะๆๆ!”
มันบ้วนออกมาด้วยท่าทางรังเกียจ จากนั้นก็โยนถังหูลู่ทิ้งไป!
“พี่สี่ เขานั่นละ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กของเด็กดังขึ้นจากด้านหลังของหลัวช่าโลหิต ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเด็กอายุประมาณเจ็ดแปดขวบ ทว่าบุรุษหนุ่มที่เขาเรียกว่าพี่สี่นั้นน่าจะอายุสักยี่สิบสองยี่สิบสามเห็นจะได้
พวกเขาเป็นขอทานในหมิงตู และผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่สี่นั้นก็คือลูกพี่ของพวกเขา
พี่สี่สาวเท้าเข้ามาอย่างว่องไว “เฮ้ย! เจ้าเด็กบ้าที่ไหนกัน? ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นเขตของใคร? ถ้าจะขอทาน ก็ไปที่อื่นโน่น!”
หลัวช่าน้อยฟังไม่เข้าใจ มันก้มหน้าเดินต่อไป
บุรุษหนุ่มเกิดโทสะขึ้นทันใด “เอ๊ะ? ข้าพูดกับเจ้าอยู่! เจ้าหูหนวกหรือปัญญาอ่อนกัน? ผู้ใดพาเจ้ามา ที่นี่เป็นเขตของข้า!”
หลัวช่าน้อยยังคงเดินคอตกต่อไป
เมื่อถูกขอทานตัวน้อยหักหน้า เขาก็รู้สึกอับอายจนโมโห เขายกเท้าขึ้นหมายถีบหลัวช้าน้อย เขากำลังจะถีบเข้าที่หลัง ทว่าเจ้าขอทานน้อยนั้นกลับอันตรธานหายวับไปกับตา!
บุรุษหนุ่มตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง!
ในตอนนั้นเอง เงาเล็กก็พุ่งเข้าใส่เขา จนเขาล้มลงไปกับพื้น
ทันทีที่ขอทานน้อยที่ติดตามมาเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกันเสียยกใหญ่!
บุรุษหนุ่มถูกกดไว้กับพื้น ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ เขามองเห็นใบหน้าของหลัวช่าน้อยในที่สุด ใบหน้าของมันซูบตอบจนน่ากลัว กอปรกับดวงตาโตผิดปกติราวกับกระดิ่งทองแดง ปากเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ใบหน้าดุร้าย ดูเหมือนผีที่กำลังจะกินเลือดเขาไม่มีผิด!
“เจ้า เจ้าจะทำอะไร” บุรุษหนุ่มถาม เนื้อตัวของเขาสั่นเทิ้ม
หลัวช่าน้อยอ้าปากกว้างจนมองเห็นเขี้ยว แล้วก้มลงหมายขย้ำคอของบุรุษหนุ่ม
“น้องชาย!”
รถม้าเคลื่อนมาจอดด้านหน้าตรอก เสี่ยวเป่าลงจากรถม้า วิ่งเตาะแตะเข้ามาหาหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยมองเสี่ยวเป่า จากนั้นก็มองบุรุษหนุ่มซึ่งกำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น มันหายไปในพริบตา!
……………………