ราชาหลัวช่าขู่คำรามหลัวช่าน้อย ใช้กำลังภายในผูกโซ่เหล็กนิลกับร่างหลัวช่าน้อยแขวนบนกิ่งไม้
หลัวช่าน้อยที่ทำได้เพียงห้อยหัวอยู่แบบนั้น ในที่สุดก็ไม่อาจแผลงฤทธิ์ได้อีก
หลัวช่าน้อยไม่สามารถออกมาขัดขวางสร้างความวุ่นวาย เปิดทางให้ราชาหลัวช่าจัดการกับหมิงซานได้อย่างเต็มที่
ก่อนกลายเป็นราชาหลัวช่า ซางชิวหานก็ไม่ใช่คนดีอะไร ผ่านการฝึกฝนแปลกประหลาดผิดมนุษย์มานานหลายปี จนกลายเป็นปีศาจ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ในจิตใจของเขา ไหนเลยจะมีความเห็นอกเห็นใจแม้เพียงน้อยนิด?
ทุกคนรู้สึกถึงไอสังหารจากดวงตาของเขา ความแค้นระหว่างซางชิวหานกับซือคงเย่ เหล่ายอดฝีมือสกุลซือคงและศิษย์วิหารเจาหยางต่างรับรู้ไม่มากก็น้อย เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าราชาหลัวช่าก็คือซางชิวหานในยามนั้น กลุ่มของอวี๋หวั่นรู้เรื่องนี้ดี เหตุนี้จึงยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง
ชิงเหยียนกล่าวสาปแช่ง “เขาคิดจะนองเลือดหมิงซาน…บ้าไปแล้ว!”
การนองเลือดหมิงซานเป็นก้าวที่สอง การได้ราชาศักดิ์สิทธิ์มาต่างหาก ถึงเป็นก้าวแรกในยามนี้
ราชาหลัวช่ายกมือข้างหนึ่งขึ้นเบาๆ ร่างกายของอวี๋หวั่นก็ลอยไปหาเขา
อิ่งสือซันหยิบโซ่เหล็กนิลพันข้อเท้าของอวี๋หวั่น และจับปลายโซ่อีกด้านไว้แน่น เมื่ออิ่งลิ่วเห็นเช่นนั้น ก็รีบโผเข้าไปคว้าโซ่เหล็กนิลไว้กับเขาเช่นกัน
ชิงเหยียนและเยว่โกวก็รีบวิ่งเข้าไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ศิษย์วิหารเจาหยางทั้งหมดต่างก็พยายามดึงโซ่เหล็กนิลสุดกำลัง
ชุยเฒ่าโผล่หัวออกจากใต้โต๊ะ “นี่ นี่ นี่… นี่ดึงไหวด้วยหรือ?”
อาม่ายืนอยู่ที่หน้าต่าง ส่ายหัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หากดึงไหว เขาก็ไม่ใช่ราชาหลัวช่าแล้ว
ราชาหลัวช่าและหลัวช่าโลหิต แตกต่างเพียงคำเดียว ทว่าระดับพลังกลับห่างไกลเป็นพันหลี่ ไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยที่ยังด้อยประสบการณ์พวกนี้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ซือคงผู้มีวรยุทธ์แก่กล้า ก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ราชาหลัวช่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายยาก มีเพียงราชาหลัวช่าอีกตนเท่านั้น ที่จะสามารถเอาชนะราชาหลัวช่าได้ แต่หมิงตูมีราชาหลัวช่าคนที่สองหรือ? คำตอบนั้นคือไม่
“นี่! เจ้าอย่าเอาแต่เงียบ แล้วก็ทำหน้าเช่นคนหมดทางสู้เช่นนี้!” ชุยเฒ่ามองดูท่าทางสิ้นหวังของอาม่าจนใจคอไม่ดี “พวก พวก พวก…พวกเรามิใช่ว่า ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนหรอกหรือ?”
อาม่ากล่าวว่า “เจ้าหมายถึงที่กำลังทำพิธี หรือไม่ได้กำลังทำพิธีอยู่?”
คำพูดของอาม่าทำให้ชุยเฒ่าปิดปากสนิท
พลังที่กล้าหาญที่สุดของพวกเขา ทำพิธีจนข้ามขั้นไปหมดแล้ว และหลัวช่าโลหิตแห่งสกุลซางก็อาจเลือกช่วงเวลาความเป็นความตายนี้เพื่อเลื่อนระดับพลัง
โซ่เหล็กนิลเส้นหนึ่งไม่มีความหมายใดต่อราชาหลัวช่า เขาพ่นลมหายใจฮึดฮัดด้วยความดูถูก ทันทีที่ปลายนิ้วขยับ โซ่เหล็กนิลก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อ๊า——” อวี๋หวั่นที่ไม่เหลือสิ่งใดเหนี่ยวรั้ง เธอลอยไปหาราชาหลัวช่าอย่างรวดเร็ว
ทุกคนหมายจะพุ่งเข้าไปช่วยอวี๋หวั่น แต่กลับไม่มีใครขยับได้
พลังของราชาหลัวช่านั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!
กรงเล็บของราชาหลัวช่าเล็งไปที่ท้องของอวี๋หวั่น
หลัวช่าน้อยเอามือปิดตา!
อวี๋หวั่นก็ปิดตาเช่นกัน!
…ไม่สิ เธอจะปิดตาด้วยเหตุใด? เห็นๆ ว่าคนผู้นี้จะเอาบุตรในครรภ์ของเธอออกมา เธอควรจะปิดท้องสิ!
อวี๋หวั่นกุมท้องไว้ ทว่าก็หาได้มีประโยชน์ใดนัก กรงเล็บมารของราชาหลัวช่า ไม่ใช่สิ่งที่สตรีอ่อนแอคนหนึ่งจะสามารถต่อต้านขัดขืน
พวกเธอสองแม่ลูกจะต้องตายด้วยน้ำมือไอ้สารเลวนี่จริงๆ น่ะหรือ?
ทันใดนั้นลมหายใจของราชาหลัวช่าก็พุ่งเข้าห่อหุ้มตัวของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และตะโกนครั้งสุดท้ายออกมา “เยี่ยนจิ่วเฉา——”
ลมหายใจเย็นเยียบแหวกอากาศเข้ามาราวกับใบมีดแหลมคม โจมตีหว่างคิ้วของราชาหลัวช่าตรงๆ พลังกดดันของเขาถูกเฉือนเกิดเป็นช่องโหว่!
หว่างคิ้วราชาหลัวช่าขยับ รีบคว้าข้อมืออวี๋หวั่น แล้วใช้ปลายนิ้วร่างพลังปัดเป่าลมหายใจนั้น เขามิได้ใช้แรงมากนัก เพียงแค่พลังกังฟูเล็กน้อย ทว่าอวี๋หวั่นก็ถูกกำลังภายในอันทรงพลังอีกแรงหนึ่งดูดไป
อวี๋หวั่นตกลงสู่อ้อมแขนที่คุ้นเคย ลมหายใจของบุรุษซึ่งมีเพียงเขาที่เป็นเจ้าของ ผสมกับกลิ่นหอมของกล้วยไม้อ่อนๆ และกลิ่นสมุนไพรที่คล้ายมีแต่ไม่มี หัวใจของอวี๋หวั่นพลันสงบลง
“เยี่ยนจิ่วเฉา…” เธอมองเขา ฉากเมื่อครู่อันตรายยิ่งนัก ไม่ว่าเธอจะสงบเยือกเย็นเพียงใด ก็ยังตกใจกลัว จนร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น แต่ทันทีที่เห็นเขา ทุกอย่างกลับเป็นเช่นหมอกควันจางหาย ขอเพียงเขาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ไม่กลัวอีกแล้ว
“ท่านออกจากพิธีแล้ว” น้ำเสียงแฝงความโอดครวญเล็กๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ร้องดังเช่นนั้น ถึงไม่ออกมา ก็ฝึกฝนต่อไม่ได้แล้ว”
อวี๋หวั่นเปลี่ยนน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอวี๋หวั่นกลับลงสู่พื้นเบื้องล่าง ภายใต้พลังกดดันอันทรงพลังของราชาหลัวช่า การเคลื่อนไหวของเขายังคงพลิ้วไหวดั่งสายน้ำ สง่างามราวกับเทพเซียน
“รอข้าอยู่ที่นี่” เยี่ยนจิ่วเฉาวางอวี๋หวั่นลง
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อกว้าง ใช้ปลายเท้ากระโดดเหาะขึ้นไปบนหลังคา ยืนอยู่บนมุมชายคาที่ยกสูง มองดูราชาหลัวช่าที่กระโดดลงบนชายคาฝั่งตรงข้าม
เมื่อสี่ดวงตาสบกัน ไอสังหารที่ชวนให้คนหวาดหวั่นก็ระเบิดออกมา
สายตาของราชาหลัวช่าตกกระทบใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉา ร่างกายของเยี่ยนจิ่วเฉาส่งกลิ่นอายวิชาอายุวัฒนะ ระดับพลังสูงไม่เลว แต่ราชาหลัวช่าถูกขังอยู่ในเขตต้องห้ามสกุลซางมาตลอด เขารู้ว่าสกุลซือคงมีเพียงซือคงเย่ที่ฝึกฝนวิชาอายุวัฒนะด้วยตนเอง ทว่าซือคงเย่ก็มิได้อ่อนเยาว์เช่นเด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ เช่นนี้แล้ว
“เจ้า…ไม่…ใช่…ซือ…คง…เย่?”
หลังจากเป็นใบ้มาหลายปี ความสามารถในการพูดของราชาหลัวช่าก็ลดลงอย่างมาก
“แน่นอน ข้าไม่ใช่” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย
ต่อหน้าราชาหลัวช่าผู้สามารถกวาดล้างหมิงตูทั้งเมืองได้ด้วยการขยับหมัดเพียงไม่กี่ครั้ง ปฏิกิริยาของเยี่ยนจิ่วเฉาสงบนิ่งเกินไป แม้แต่ราชาหลัวช่าเองก็ยังแปลกใจ
เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยนจิ่วเฉา หลัวช่าน้อยก็เอามือเล็กที่ปิดตาตนออก แล้วร้องเรียกราชาหลัวช่าด้วยภาษาที่คนฟังไม่ออก!
ราชาหลัวช่าไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงใช้หลังฝ่ามือปล่อยกำลังภายใน สะกดจุดใบ้ของหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยยังคงพูดต่อไป ทว่าไม่มีเสียงออกมาแล้ว
ราชาหลัวช่ากล่าวอย่างเชื่องช้า “ซือ…คง…เย่…”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ผ่านมาหลายปี พลังของเจ้าก็ไม่ได้พัฒนาไปไกลสักเท่าใด ซือคงเย่ไม่อยากพบเจ้า!”
ราชาหลัวช่าฉุนเฉียว ปล่อยพลังกดดันน่าเกรงกลัวใส่เยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉากระตุ้นพลังอายุวัฒนะ ดันกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คุณ…คุณชายเขา…” อิ่งลิ่วเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ
อาม่ากล่าวว่า “เขาไปถึงระดับแปดแล้ว”
นี่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด อ๋องเผ่าปีศาจใช้เวลากว่าครึ่งชีวิต เพื่อฝึกฝนวิชาอายุวัฒนะมาถึงระดับหก แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับข้ามมาถึงสองระดับ ในระยะเวลาเพียงสิบวัน ช่างเป็นปาฏิหาริย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขายังอายุน้อยเช่นนี้ ต่อให้เป็นซือคงเย่ในยามนั้น ก็ยังใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะก้าวสู่ระดับแปด อาม่าเชื่อว่าอีกสองสามปี ไม่แน่ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาอาจกลายเป็นผู้พิชิตราชาหลัวช่าได้จริงๆ
เส้นเอ็นและหลอดเลือดของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกคลื่นพลังทำลายล้างครั้งใหญ่ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงความแปลกใจใดๆ
เขากล่าวอย่างทรงพลัง “เจ้าตั้งรับสามฝ่ามือของข้า เมื่อครบแล้ว หากเจ้ายังยืนอยู่ได้โดยไม่เป็นไร ข้าจะให้เจ้าพบกับซือคงเย่”
ชิงเหยียนกล่าวอย่างกังวล “เยี่ยนจิ่วเฉาคิดจะทำอะไรกันแน่? อย่าว่าแต่สามฝ่ามือเลย แม้จะสามสิบฝ่ามือ ราชาหลัวช่าก็ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก…”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวต่อ “เป็นถึงราชาหลัวช่า คงมิใช่สามฝ่ามือของข้าก็รับไม่ไหวกระมัง? กลัวแพ้ก็กล่าวมาตรงๆ!”
ราชาหลัวช่ากระดิกนิ้วให้เยี่ยนจิ่วเฉา ราวกับแสดงถึงการเชื้อเชิญ
“ฝ่ามือแรก!”
เยี่ยนจิ่วเฉาขยับแขนเสื้อกว้าง ตบฝ่ามือลมปราณที่ดุร้ายและทรงพลังออกไป
ราชาหลัวช่าไม่เห็นเด็กน้อยเช่นเขาอยู่ในสายตา จึงมิได้ใช้พลังต่อต้านมากนัก ทว่าทันทีที่ฝ่ามือลมปราณนั้นกระทบร่าง ดวงตาของราชาหลัวช่าก็เกิดร่องรอยความประหลาดใจ
ฝ่ามือนี้ แม้ไม่อาจทำให้เขาบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้
“ฝ่ามือที่สอง!” เยี่ยนจิ่วเฉาตบฝ่ามือที่สองออกไปอย่างไม่ลังเล ครั้งนี้ฝ่ามือลมปราณมีพลังมากกว่าเดิมถึงสามเท่า จนร่างของราชาหลัวช่าสั่นสะท้าน
เส้นเอ็นและหลอดเลือดเส้นหนึ่งฉีกขาด
แม้เป็นเพียงเส้นเอ็นและหลอดเลือดเล็กๆ แต่กลับเกินความคาดหมายของราชาหลัวช่า
เช่นเดียวกับที่มองว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ แต่กลับกลายเป็นนกอินทรีหนุ่ม ทั้งยังจิกเขาจนเสียเลือด
อยากจะฆ่าเขา ดูดเลือดเขาจนแห้งเหือด ทำให้เขาแหลกสลายเป็นยาเม็ดโลหิต!
เยี่ยนจิ่วเฉาถูข้อมือตนเอง และมองเขาอย่างเย็นชา “ฝ่ามือที่สาม ข้าจะไม่ปรานีเจ้าอีกแล้ว เจ้าต้องระวัง”
แม้ว่ามดจะกลายเป็นนกอินทรีหนุ่ม ทว่าก็ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านกอินทรีหนุ่มอีกแล้ว การทำให้ราชาหลัวช่าบาดเจ็บ ไม่ง่ายดายเช่นนั้น
ราชาหลัวช่ามองเยี่ยนจิ่วเฉาโดยไม่รู้สึกหวาดเกรงแม้แต่น้อย
เยี่ยนจิ่วเฉากางแขนทั้งสองข้าง เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้มมองราชาหลัวช่าจากด้านบน “ข้าบอกแล้ว ฝ่ามือนี้เป็นฝ่ามือที่ทรงพลังยิ่งนัก เจ้าควรจะตั้งรับให้ดี”
“หึ!” ราชาหลัวช่ามีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
เยี่ยนจิ่วเฉาโค้งมุมปาก ก้าวออกไปด้านข้าง เผยให้เห็นบุรุษชุดขาวที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังเขาเมื่อไร
ซืงคงเย่เหาะขึ้นมา ตบฝ่ามือไปที่หัวใจของราชาหลัวช่า!
……………………