หลังจากที่โจวจิ่นหมดสติไป เขาก็ถูกอุ้มเข้าไปยังห้องฝั่งตะวันตกสุดบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม มู่ถิงก็อยู่ในห้องเช่นกัน
เมื่อเห็นศิษย์น้องเล็กซึ่งหลับไม่ได้สติ มู่ถิงก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน “นี่มัน…”
คนชุดดำมิได้สนใจมู่ถิง เขาเดินเข้าไปคำนับบุรุษซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมู่ถิง “ท่านพ่อมด”
พ่อมดเหลียงพยักหน้าน้อยๆ “วางลงเถิด”
“ขอรับ!” คนชุดดำวางโจวจิ่นซึ่งกำลังสลบไสลลงบนเตียง
มู่ถิงขมวดคิ้ว มองไปทางพ่อมดเหลียง “ท่านลุงเหลียง เหตุใดท่านต้องให้คนไปจับศิษย์น้องของข้ามาด้วยเล่า?
พวกท่านทำอะไรกับเขา”
มือของพ่อมดเหลียงซึ่งกำลังยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มก็หยุดชะงักในทันใด เขาหันมามองมู่ถิงด้วยรอยยิ้ม “ถิงเอ๋อร์ พวกข้าไม่ได้ทำอะไรจิ่นเอ๋อร์ เพียงแต่ให้ยาสลบเขาก็เท่านั้น เจ้าวางใจเถิด ยาสลบไม่ได้เป็นอันตรายกับเขา เพียงแต่ทำให้เขาหลับไปสักพักก็เท่านั้น กว่าเขาจะตื่นขึ้นมา พวกเราก็คงอยู่ระหว่างทางแล้ว”
มู่ถิงขมวดคิ้ว “ข้ายังไม่เข้าใจ ไม่ได้คุยกันแล้วหรือว่าข้าจะไปพาพวกเขาออกมา?”
พ่อมดเหลียงวางถ้วยชาลง ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน ข้าให้เจ้าไปตามชิงเอ๋อร์และอวี่เยี่ยนมา แต่ศิษย์น้องเล็กของเจ้าไม่สนิทสนมกับเจ้า ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ฟังเจ้า”
นี่เป็นความจริง โจวจิ่นมีนิสัยค่อนข้างเย็นชา ไม่ค่อยเข้าใกล้ผู้คน แม้ว่าเขาจะเฉยเมยกับโจวอวี่เยี่ยน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือเขาไม่เคยปฏิเสธความหวังดีของโจวอวี่เยี่ยน ส่วนคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนั้น
เหตุผลก็คือเหตุผล กระนั้นในใจของมู่ถิงกลับเต็มไปด้วยความอัดอั้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกมา “แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ข้าก็ให้ศิษย์น้องหญิงพาเขาออกมาได้ ไม่จำเป็นต้องทำให้เขาสลบเลยนี่ขอรับ ก่อนหน้านี้เขาถูกหนอนพิษไป ร่างกายยังไม่ทันฟื้นฟู ทั้งยังตากลมเย็น หลายวันมานี้เขาต้องกินยา”
พ่อมดเหลียงหัวเราะ แล้วตบไหล่เขา “แล้วข้าไม่กังวลว่ามากคนจะมากความ ทำให้เรื่องแพร่งพรายไปหรือ? เอาเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่รอบคอบเอง คิดว่าเจ้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อย”
“ข้า…” มู่ถิงอ้าปากพะงาบ พูดไม่ออก
พ่อมดเหลียงกล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้ไม่เชื่อใจลุงเหลียงหรอกกระมัง?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ?” มู่ถิงพยายามระงับความรู้สึกเคลือบแคลงใจ “ท่านลุงเหลียงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอาจารย์ หากข้าไม่เชื่อใจแม้แต่ท่านลุงเหลียง ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครที่เชื่อใจได้อีกแล้วขอรับ”
ด้านหนึ่งคือคนแปลกหน้าที่สังหารคนไม่เลือกหน้า อีกด้านหนึ่งคือสหายที่รู้จักกันมาหลายปี ต่อให้เป็นใครก็ย่อมไม่มีทางเลือกคนกลุ่มแรก มู่ถิงย้ำเตือนตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดกับพ่อมดเหลียงว่า “เช่นนั้นข้าจะไปเรียกศิษย์น้องกับศิษย์น้องหญิงมานะขอรับ พวกเราจะได้ออกเดินทางภายในคืนนี้!”
พ่อมดเหลียงจับมือของเขา “ได้ อย่าลืมจุดนัดพบที่ตกลงกันไว้ อย่าหลงทางเสียเล่า”
“ขอรับ!” มู่ถิงพูดจบ ก็หันหลังเดินออกไป
เขามีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก มู่ชิงและโจวอวี่เยี่ยนอยู่ในห้องโถงใหญ่ ส่วนคนอื่นๆ อยู่ในห้องของอวี๋หวั่น ผู้หญิงคนนี้ไม่อาจหลอกได้ง่าย เขาต้องคิดให้รอบคอบว่าจะพาพวกโจวอวี่เยี่ยนออกไปโดยเร็วที่สุดอย่างไร
ทว่า สิ่งที่มู่ถิงไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาเดินไปไกลแล้ว พ่อมดเหลียงในห้องก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“ใต้เท้านอนแล้วหรือ?” เขาถือถ้วยชามา แล้วเดินไปยังบุรุษชุดดำด้านข้าง
บุรุษชุดดำตอบว่า “ยังขอรับ”
พ่อมดเหลียงสั่งว่า “เจ้าอยู่เฝ้าที่นี่ เผื่อเจ้าเด็กนั่นกลับมา ข้าจะไปหานายท่าน”
“ขอรับ” บุรุษชุดดำตอบ
พ่อมดเหลียงยกชาขึ้นดื่มอีกครั้ง จากนั้นก็วางถ้วยชาลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องปีกอันหรูหราด้านในสุดของระเบียงทางเดิน หน้าห้องมีคำว่า ‘สวรรค์’ เขียนไว้
“ใต้เท้า ข้าเอง เหลียงหง” พ่อมดเหลียงพูดเสียงค่อยจากหน้าห้อง
แกร็ก
ประตูห้องถูกเปิดจากด้านใน บ่าวหนุ่มคนหนึ่งเดินมาต้อนรับพ่อมดเหลียงเข้าไปในห้อง
พ่อมดเหลียงเดินมายังเบื้องหน้าของบุรุษซึ่งสวมผ้าคลุมสีแดงดำ เขาเปลี่ยนท่าทีในทันใด คำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม “ใต้เท้า”
บุรุษสวมผ้าคลุมซึ่งถูกเรียกว่าใต้เท้าโบกมือเบาๆ เพื่อบอกให้เขาไม่ต้องมากพิธี
“เป็นอย่างไรบ้าง” บุรุษสวมผ้าคลุมเอ่ยถาม
พ่อมดเหลียงยิ้ม “ใต้เท้าได้โปรดวางใจ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ผนึกพลังเวทในร่างของเด็กคนนั้นถูกทำลายแล้ว พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก อยู่ในระดับเทียนขั้นสูงสุดแล้วขอรับ”
“ระดับเทียนขั้นสูงสุด?” บุรุษสวมผ้าคลุมมีน้ำเสียงประหลาดใจ
ใบหน้าของพ่อมดเหลียงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่า เขาคงจะเป็นเด็กที่ใต้เท้ากำลังตามหาอยู่ขอรับ พอจะหาเจอก็แสนจะง่ายดาย ไม่เสียเวลา เดิมทีข้าคิดว่าจะต้องไปประเทศมรกตสักหน่อย ไม่คิดเลยว่ายังไปไม่ถึงครึ่งทางก็หาพบเสียแล้ว หลังจากนี้ ใต้เท้าก็จะสามารถนำตัวเขากลับไปยังเผ่าพ่อมด และรับรางวัลเสียทีนะขอรับ”
บุรุษสวมผ้าคลุมเอ่ยขึ้นว่า “ไปเก็บของ เดินทางเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ!” พ่อมดเหลียงตอบด้วยความดีใจ ลงแรงเพื่อใต้เท้ามานาน ในที่สุดก็มีโอกาสได้เดินทางเข้าไปในเผ่าพ่อมดสักที หลังจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตามสังหารแล้ว
ส่วนเจ้ามู่ถิงและคนอื่นๆ เขาย่อมพาไปด้วยไม่ได้
เจ้าโง่มู่ถิง คิดจริงๆ หรือว่าเขาเป็นท่านลุงแสนดี? ถ้าหากไม่มีโจวจิ่น มีหรือที่เขาจะสนใจเจ้านั่น?
“สวรรค์…” พ่อมดเหลียงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ แล้วเดินกลับไปยังห้องของตน
หลังจากที่เด็กทั้งสามถูกพี่ชายคนนั้นพูดแทงใจดำแล้ว พวกเขาก็เดินกลับห้องไป ในครั้งนี้พวกเขาเปลี่ยนไปสวมชุดลายดอกไม้ ประดับดอกไม้ดอกใหญ่บนศีรษะ เขียนคิ้วโก่ง พร้อมทั้งทาชาดสีแดงจนงามจับใจ!!!
เด็กทั้งสามไม่ใช่เด็กตัวดำมิดหมีตัวอ้วนจ้ำม่ำอีกต่อไป พวกเขากลายเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดูอันดับหนึ่งในใต้หล้า!
เด็กน้อยทั้งสามไม่ได้กลับไปหาโจวจิ่นในลานด้านหลังโรงเตี๊ยม
เสี่ยวเป่า “ข้าปล่อยหนอนพิษใส่พี่ชายคนนั้น”
เอ้อร์เป่า “ข้าก็เหมือนกัน”
ต้าเป่า ‘บวกหนึ่ง!’
ทั้งสามคน “…”
ไฉนจึงชอบปล่อยหนอนพิษใส่คนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้…
เด็กทั้งสามตามหนอนพิษไปจนถึงห้องของพ่อมดเหลียง บุรุษชุดดำกำลังหากระสอบป่าน หมายจะจับโจวจิ่นใส่ลงไป แต่หาไปได้เพียงไม่เท่าไร เขาก็สัมผัสได้ว่าคล้ายกับมีลมพัดผ่านด้านหลัง ต้องมีตัวอะไรเข้ามาในห้องเป็นแน่
เขาเสียวสันหลังวาบ จึงรีบหันไปมอง
เด็กทั้งสามถอดชุดลายดอก เก็บดอกไม้บนศีรษะ พร้อมทั้งเม้มริมฝีปากสีแดงแปร๊ด สีผิวของพวกเขาจึงกลืนเป็นเนื้อเดียวกับความมืดได้พอดิบพอดี
บุรุษชุดดำคิดในใจว่าตนเองคงคิดมากไป จะมีใครเข้ามาในห้องนี้ได้?
เขายังคงก้มหน้าก้มตาหาถุงกระสอบต่อไป เมื่อนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงหันหน้าไปมองโจวจิ่นซึ่งนอนอยู่บนเตียง!
โจวจิ่นยังอยู่บนเตียง
เด็กทั้งสามยืนอย่างผึ่งผายอยู่ข้างเตียง ตัวของพวกเขายังคงกลมกลืนกับความมืด!
บุรุษชุดดำหันหน้ากลับไปค้นหาถุงกระสอบ เขาหาเจอเพียงถุงใบเล็ก จับโจวจิ่นใส่ไม่ได้ด้วยซ้ำไป เขารื้อไปค้นมาอยู่อีกสักพัก ในที่สุดก็หาถุงกระสอบใบใหญ่เจอ แต่ครั้นเขาเดินไปยังเตียง คนบนเตียงก็อันตรธานหายไปแล้ว!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ หายไปไหนแล้วเล่า?”
บุรุษชุดดำยืนตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ไม่มีใครเข้ามา เห็นใครออกไป คนเป็นๆ ทั้งคน อยู่ๆ หายไปได้อย่างไรกัน
หายวับไปราวกับวิญญาณ?!
บุรุษชุดดำไม่สนใจถุงกระสอบอีกต่อไป กระวีกระวาดออกไปตามหาโจวจิ่น
เป็นเพราะเด็กคนนี้ถูกลักพาตัว เขาจึงไม่กล้าร้องเอ็ดตะโร ด้วยกลัวว่าผู้ที่เดินทางมาพร้อมกับเขาจะรู้เรื่อง
เข้า บุรุษชุดดำพยายามหาอย่างเงียบเชียบ โชคดีที่โรงเตี๊ยมนี้ไม่ได้ใหญ่มาก นอกเสียจากว่า…เด็กคนนั้นกลับห้องของตนเองไปแล้ว แต่บุรุษชุดดำก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้
บุรุษชุดดำทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อค้นหาโจวจิ่น เขาเข้ามาใกล้เด็กทั้งสามมากขึ้นเรื่อยๆ
เด็กทั้งสามยืนเรียงเป็นแถว มือน้อยๆ อุ้มโจวจิ่นไว้ วิ่งเตาะแตะลงไปข้างล่าง เมื่อเห็นว่ากำลังจะถูกไล่ตาม เด็กทั้งสามก็โยนโจวจิ่นเข้าไปในพุ่มดอกไม้
บุรุษชุดดำตามมาจนถึงลานบ้าน เมื่อเห็นรูปสลักเล็กสีดำขลับกำลังอาบแสงจันทร์ รูปสลักแรกทำท่ามังกรท่องสวรรค์ รูปสลักที่สองทำท่ากรงเล็บมังกร ส่วนรูปสลักที่สามดูเหมือนพระอรหันต์เสียมากกว่า
“นี่มันรูปสลักอะไรกัน…” บุรุษชุดดำเกาศีรษะ เมื่อครู่ตำแหน่งที่จับตัวโจวจิ่นก็อยู่บริเวณนี้ เขารีบร้อนจนไม่ได้สังเกตว่าแถวนี้มีรูปสลักอย่างนั้นหรือ?
“สลักเหมือนจริงเหลือเกิน” บุรุษชุดดำพึมพำ และเดินหน้าค้นหาต่อไป
ทันทีที่เขาเดินออกไป รูปสลักทั้งสามก็กระโดดเข้าไปในพุ่มไม้ พวกเขาจับโจวจิ่นขึ้นมา แล้ววิ่งเตาะแตะไปอีกทางหนึ่ง!
บุรุษชุดดำหารอบหนึ่งแล้วไม่พบ เขาใช้วิชาตัวเบา กระโดดไปขวางทางของเด็กทั้งสาม
เด็กทั้งสามโยนโจวจิ่นเข้าไปในกองฟางทันที!
บุรุษชุดดำมองไปยังรูปสลักทั้งสาม รูปสลักที่หนึ่งทำท่าเมามายหลับใหลอยู่บนตัวสาวงาม รูปสลักที่สองทำท่าซีซือกุมหทัย ส่วนอีกรูปก็ยังคงเป็นพระอรหันต์!
บุรุษชุดดำงุนงงไปชั่วขณะ “…”
โรงเตี๊ยมที่นี่มีรูปสลักมากขนาดนี้เชียวรึ?!
อยู่ๆ บุรุษชุดดำคิดก็นึกสงสัยขึ้นมา เขายื่นมือออกมาหมายจะจับรูปสลักนั่น ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของพ่อมดเหลียงดังมาจากในห้อง พ่อมดเหลียงเรียกเขา บุรุษชุดดำนัยน์ตากระตุกวูบ และปราดออกไปอย่างรวดเร็ว
เด็กทั้งสามถอนหายใจอย่างโล่งอก เขานั่งยองลงบนพื้น แล้วดึงโจวจิ่นขึ้นมา
อาจเป็นเพราะหนอนพิษดูดยาสลบไปหมดแล้ว โจวจิ่นค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น
เด็กทั้งสามเห็นดังนั้น ก็สวมดอกไม้ดอกใหญ่ ปากสีแดงส่งยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูให้โจวจิ่น!
พวกเขาคือหนิ่วฮู่ลู่ ที่จะเอาชนะใจเขาด้วยความงาม!
โจวจิ่นจ้องเขม็ง เขามองไปยังคนงามตัวน้อยซึ่งทาปากแดง จากนั้นก็รู้สึกคล้ายจะเป็นลม “ผีหรือเนี่ยยยย”
โจวจิ่นผู้ซึ่งกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ ก็หมดสติไปอีกครั้ง!
เด็กน้อยทั้งสาม “…”
……………………..