สถานะของต๋าหว่าในตำหนักทมิฬนั้นนับว่าสูงมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางซื้อเรือนที่ใหญ่ถึงเพียง
นี้ได้ ใหญ่พอให้พวกเขาเข้าพักห้องละคนได้ ห้องของอิ่งลิ่วและอิ่งสือซันอยู่ฝั่งตะวันตก ส่วนอวี๋เซ่าชิง อาม่า และชุยเฒ่าพักฝั่งตะวันออก มู่ชิงคอยดูแลศิษย์น้องเล็ก จึงอยู่ห้องเดียวกับโจวจิ่นในห้องฝั่งตะวันตกเช่นกัน
ปีกเรือนฝั่งตะวันตกมีทั้งหมดสามห้อง ทุกห้องล้วนแต่เต็มแล้ว ทว่าห้องทางทิศใต้ยังว่างอยู่หนึ่งห้อง โจวอวี่เยี่ยนจึงขนของไปที่นั่น
พวกเขาต่างคนต่างแยกย้ายกันจัดข้าวของ ย่างเข้าใกล้ยามสนธยา ต๋าหว่าไปรายงานภารกิจที่ตำหนักทมิฬ เขาพาพ่อมดระดับเทียนเข้ามาในตลาดมืด ย่อมต้องแจ้งให้ตำหนักทมิฬรับรู้ ตามข้อกำหนดแล้ว เขาต้องไปบอกตำหนักทมิฬ ว่าตนเองพบโจวจิ่นและศิษย์พี่ร่วมสำนักของเขา เพราะฉะนั้นต๋าหว่าจึงมาพาทุกคนไป
“พวกเราก็ไปเดินดูกันสักหน่อยเถิด” อวี๋หวั่นบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉา
“ยังเดินไหวอยู่หรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังท้องของอวี๋หวั่น
เธอตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว
อวี๋หวั่นพยักหน้า “เดินไหวสิ ยิ่งไปกว่านั้นชุยเฒ่าไม่ได้พูดแล้วหรอกหรือว่าข้าต้องเดินเยอะๆ ต่อไปจะได้คลอดง่ายๆ”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังหน้าท้องกลมของเธอ ยังเหลืออีกสามเดือน เจ้าตัวเล็กก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว…
“ตกลงจะไปไหม?” อวี๋หวั่นดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉา
“อืม” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ แล้วจูงมืออวี๋หวั่นออกจากเรือนไป
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วตามมา
อวี๋เซ่าชิงรออยู่ในเรือน เพื่อป้องกันคนฉวยโอกาสบุกโจมตี ต๋าหว่าไม่ได้บอกเองหรือว่าเหล่าพ่อมดในตลาดมืดนั้นอันตราย อาจถูกแย่งชิงพลังไปได้
อวี๋หวั่นปล่อยให้สัตว์พิษตัวน้อยอยู่ด้วย
“นั่งรถม้าไหม?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เดินไปก็ได้”
ที่พักของต๋าหว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน มาตลาดมืดทั้งที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปสัมผัสชีวิตของผู้คนที่นี่สักหน่อย
ทั้งสี่คนเดินออกไปจากเรือน
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาสายหนึ่งไล่ตามมา “รอข้าก่อน ข้าไปด้วย!”
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อวี๋หวั่นหันไปตามเสียงเรียก แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “หืม? แม่นางโจว? เจ้าก็จะออกไปหรือ?”
โจวอวี่เยี่ยนกระแอม “ขะ…ข้าก็อยากไปเดินเที่ยวบ้าง!”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว “เจ้าไม่อยู่ดูศิษย์น้องแล้วหรือ?” เด็กคนนี้ ปกติตามติดศิษย์น้องของนางตลอดเวลา ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว!
โจวอวี่เยี่ยนเหลือบมองอิ่งลิ่ว แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เสื้อผ้าของศิษย์น้องของข้าไม่พอ ข้าอยากซื้อเสื้อผ้าให้เขาสักสองสามชุด”
อวี๋หวั่นร้อง ‘โอ้’ ไม่ได้สงสัยอะไร หันหน้าไป แล้วเดินจูงมือไปกับเยี่ยนจิ่วเฉา
โจวอวี่เยี่ยนเดินไปข้างอิ่งลิ่วอย่างแนบเนียน แล้วเอ่ยขึ้นเสียงค่อยว่า “อิ่งลิ่ว!”
“หืม?” อิ่งลิ่วหันหน้าไปมอง “มีอะไรหรือ แม่นางโจว”
“อันนั้นสวยหรือไม่?” โจวอวี่เยี่ยนชี้ไปยังแผงขายดอกไม้ประดับผม
อิ่งลิ่วมองตามไป “อื้ม สวย”
โจวอวี่เยี่ยนดวงตาเป็นเป็นประกายขึ้นมาทันใด “เช่นนั้นเจ้าไปดูเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ!”
“หืม?” อิ่งลิ่วชะงักไป เขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ถูกโจวอวี่เยี่ยนดึงแขนเสื้อไปที่หน้าแผงขายดอกไม้เสียแล้ว
อิ่งสือซันถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เขามองไปยังอิ่งลิ่วซึ่งถูกลากไป จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
“อันนี้หรือว่าอันนี้งามกว่ากัน?” โจวอวี่เยี่ยนหยิบดอกไม้ประดับศีรษะสีม่วงกับสีชมพูขึ้นมา
สตรีในตลาดมืดประดับดอกไม้บนศีรษะ ทั้งดอกไม้จริงทั้งดอกไม้ปลอม เมื่อเทียบกับสตรีชาวจงหยวนแล้ว แลดูสดใสกว่าอยู่บ้าง
สิ่งที่โจวอวี่เยี่ยนหยิบขึ้นมาก็คือดอกไม้กำมะหยี่ช่อหนึ่ง คุณภาพไม่นับว่าดีนัก แต่โชคดีที่นางอ่อนเยาว์และหน้าตาสะสวย ต่อให้ของคุณภาพด้อยกว่านี้ก็ยังดูงดงาม
“งามทั้งคู่เลย” อิ่งลิ่วตอบ
“เช่นนั้นก็เอาทั้งสองอัน!” โจวอวี่เยี่ยนซื้อดอกไม้มาทั้งสองสี
“ท่านดูสิ” อวี๋หวั่นเขย่ามือของเยี่ยนจิ่วเฉาเบาๆ บุ้ยใบ้ให้เขาดูโจวอวี่เยี่ยนพาอิ่งลิ่ววิ่งไปทั่ว
สตรีนั้นเปิดเผยและสนอกสนใจ แต่เห็นได้ชัดว่าบุรุษกลับเยือกเย็นกว่า
ให้เยี่ยนจิ่วเฉามองดูสตรีอื่น มิสู้มองอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นเอ่ยถามขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า “อิ่งลิ่วอายุเท่าไรแล้ว”
“จะสิบเก้าแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ “อิ่งสือซันยี่สิบเอ็ด”
อวี๋หวั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ “ไม่ใช่เด็กแล้ว พูดเรื่องการแต่งงานได้แล้วสินะ แม่นางโจวแม้จะดูเย่อหยิ่งสักหน่อย แต่นางก็เป็นคนดี ถ้าหากนางรักใคร่ชอบพอกับอิ่งลิ่ว ก็ดีเหมือนกัน ท่านคงไม่คัดค้านอะไรกระมัง?”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วกล่าวว่า “คนที่คัดค้านน่าจะไม่ใช่ข้า”
“หืม?” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว พูดแบบนี้ หมายความว่าอะไร?
“อันนี้ๆ!” โจวอวี่เยี่ยนซื้อข้าวของมามากมาย จนอิ่งลิ่วเริ่มยกไม่ไหว แต่นางก็ยังพาอิ่งลิ่วไปตามแผงขายของอื่นๆ อีก
อิ่งลิ่วเอ่ยถามว่า “เจ้าจะซื้ออะไรอีกหรือ”
โจวอวี่เยี่ยนตอบว่า “ข้าไม่ได้จะซื้อให้ตัวเอง จะให้เจ้าต่างหาก!”
“ให้ข้าหรือ?” อิ่งลิ่วประหลาดใจ
“อื้ม!” โจวอวี่เยี่ยนหยิบฝักมีดสั้นขึ้นมา “ข้าเห็นว่าฝักมีดของเจ้าถลอกหมดแล้ว น่าจะเปลี่ยนใหม่”
อิ่งลิ่วได้ยินดังนั้น จึงจับมีดสั้นซึ่งเหน็บไว้ที่เอวของตน
“หยิบมาลองหน่อยสิ” โจวอวี่เยี่ยนบอก
อิ่งลิ่วหยิบมีดสั้นออกมา ปรากฏว่าสวมฝักได้พอดิบพอดี “เอาสองอัน!”
อิ่งลิ่วส่งเงินของตนเองให้
“เจ้าชอบกินอะไรหรือ” โจวอวี่เยี่ยนถาม
“ชอบกินทุกอย่าง” เรื่องกินอิ่งลิ่วไม่เคยเรื่องมาก คนที่เรื่องมากก็คือคุณชาย ส่วนเขากับอิ่งสือซันกินอะไรก็ได้
“แล้วเจ้าชอบกินอะไรที่สุด” โจวอวี่เยี่ยนถามต่อ
“อืม…” อิ่งลิ่วคิด “ขนมพุทราฟู[1]”
“ขนมพุทราฟู…” โจวอวี่เยี่ยนพึมพำ แล้วพยักหน้ากับตนเอง
เดินไปสักพัก อวี๋หวั่นเริ่มเหนื่อยแล้ว พวกเขาจึงเดินกลับที่พัก
โจวอวี่เยี่ยนตรงไปยังห้องครัวอย่างมีความสุข ส่วนอิ่งลิ่วเดินตรงไปยังห้องของอิ่งสือซัน
“สือซัน!” เขากระโดดโลดเต้นไปหาอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันกลับนั่งหันหลังเช็ดมีด ไม่ยอมสนใจเขา
อิ่งลิ่วกำลังลิงโลด ไม่ได้สังเกตเห็นว่าอิ่งสือซันมีท่าทีเย็นชา เขาหยิบฝักมีดสั้นออกมาจากอกเสื้อหนึ่งอัน แล้วส่งให้อิ่งสือซัน “ให้เจ้า!”
อิ่งสือซันก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่ง เป็นมีดสั้นที่เลือกมาจากคลังอาวุธของจวนเยี่ยนอ๋อง ฝักมีดของเขานั้นถลอกปอกเปิก แสดงว่าของอิ่งสือซันก็ต้องมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร
อิ่งสือซันไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ “เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถิด”
“มีตั้งสองอัน จะใช้อย่างไรไหว?” อิ่งลิ่วพูดพลางหยิบมีดสั้นของอิ่งสือซันมา แน่นอนว่าฝักมีดนี้ก็สวมเข้ากับมีดสั้นของอิ่งสือซันได้พอดีเช่นกัน “พอดีจริงๆ ด้วย”
อิ่งลิ่วมองดูมีดสั้นของอิ่งสือซันซึ่งเพิ่งเปลี่ยนฝักใหม่เอี่ยม นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย ราวกับเด็กซึ่งได้รับของล้ำค่ามา
อิ่งลิ่วยังเยาว์วัยนัก ทว่าเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มในวัยเดียวกัน เขานับว่ารูปร่างสูง ก่อนหน้านี้อาม่ามอบหมายภารกิจให้อิ่งลิ่วไปทำ จนผิวของเขาไหม้เกรียม ตอนนี้สีผิวของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ผิวขาวระคนสีเลือดฝาดบนใบหน้ายังคงมีไขมันอยู่บ้างเฉกเช่นวัยรุ่นทั่วไป ริมฝีปากแดง ฟันซี่ขาว ดวงตาเป็นประกาย เมื่อบวกกับท่าทางเงอะงะของเขาแล้ว…ยิ่งดูเหมือนกับเด็กไร้เดียงสาเข้าไปใหญ่
สายตาของอิ่งสือซันจับจ้องอิ่งลิ่ว ทันใดนั้นก็มีเสียงของโจวอวี่เยี่ยนดังขึ้น “อิ่งลิ่ว! อิ่งลิ่ว!”
“โอ้ แม่นางโจวเรียกข้า” อิ่งลิ่วส่งมีดสั้นกลับคืนให้อิ่งสือซัน แล้วเดินออกไป
อิ่งสือซันมองตามอิ่งลิ่วซึ่งเดินออกไป เขากำมีดสั้นในมือแน่นด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“ข้าทำขนมพุทราฟูมาให้ เจ้าลองชิมดูสิ!” โจวอวี่เยี่ยนพบหน้าอิ่งลิ่วที่ลานบ้าน
อิ่งลิ่วพูดไม่ออก “อ่า…ทำไมเจ้าถึงทำขนมพุทราฟูได้เร็วเช่นนี้เล่า”
“ก็เจ้าชอบกินไม่ใช่หรือ?” โจวอวี่เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“อันที่จริง…” อิ่งลิ่วเกาศีรษะ เขาไม่ได้ชอบกินหรอก แต่อิ่งสือซันชอบกิน เมื่อครู่โจวอวี่เยี่ยนเอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน เขานึกไม่ออกว่าตนเองชอบกินอะไร จึงนึกถึงขนมพุทราฟูที่อิ่งสือซันชอบกิน แล้วพูดออกไปก็เท่านั้น
“เจ้าลองชิมดูเร็ว! ข้าใช้เวลาบดพุทราตั้งนานแน่ะ! เจ้าดูสิ มือแดงไปหมดแล้ว!” โจวอวี่เยี่ยนพูด พลางแบมือข้างขวาสีแดงก่ำให้เขาดู
อิ่งลิ่วรู้สึกผิดเหลือเกิน
โจวอวี่เยี่ยนส่งจานในมือให้กับอิ่งลิ่ว “เอาละ เจ้าเอาไปกินเถิด อีกจานหนึ่งข้าจะนำไปให้ศิษย์น้องกับท่านพี่หวั่น!”
“อ้อ” อิ่งลิ่วรับจานมา เมื่อนึกเรื่องหนึ่งได้ เขาก็จึงตัดสินใจไม่เดินกลับห้องของตนเอง แต่เดินไปยังห้องของอิ่งสือซัน
“ขนมพุทราฟู กินไหม?” เขาส่งจานขนมไปด้านหน้าของอิ่งสือซัน
“ไม่กิน” อิ่งสือซันเก็บมีดสั้นและกระบี่ให้เข้าที่เข้าทางด้วยท่าทางหมางเมิน แล้วเดินออกจากห้องไป
“นี่ก็มืดแล้ว เจ้าจะไปไหน” อิ่งลิ่วถาม
“สำรวจพื้นที่ในตลาดมืด” อิ่งสือซันตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เช่นนั้นเจ้าก็รอก่อนสิ! ข้าไปด้วย!” อิ่งลิ่ววางขนมพุทราฟูลง กลับห้องไปหยิบกระบี่ แล้วเดินออกไปพร้อมกับอิ่งสือซัน
แต่ไม่รู้ว่าอิ่งลิ่วคิดไปเองหรือเปล่า วันนี้อิ่งสือซันเดินเร็วผิดปกติ เขาแทบจะตามไม่ทันอยู่แล้ว!
“สือซัน เจ้ารอข้าด้วยสิ!” อิ่งลิ่วไม่เพียงวรยุทธ์เป็นรองอิ่งสือซัน วิชาตัวเบาก็สู้ไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะหลังจากที่อิ่งสือซันได้รับบาดเจ็บบนเขาหมิงซาน พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นราชาหลัวช่า ก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้
อิ่งสือซันไม่รอ เขาเร่งฝีเท้าต่อไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
อิ่งลิ่วพยายามไล่ตามจนเหงื่อกาฬไหลท่วมใบหน้า และอาจเป็นเพราะวันนี้เขาโชคไม่ดีเท่าไร ขณะที่เดินผ่านปตรอกแห่งหนึ่ง ก็พบเข้ากับขุมกำลังของตลาดมืดสองกลุ่มกำลังชิงตัวพ่อมดคนหนึ่งอยู่ ทั้งสองฝ่ายสู้กันไม่เลิกรา อิ่งลิ่วไม่คิดจะเข้าไปสอดมือ จึงอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง กระนั้นอาวุธก็หาได้มีดวงตาไม่ เพราะทันใดนั้นเอง ลูกดอกยาพิษลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่อิ่งลิ่ว
กว่าที่อิ่งลิ่วจะรู้ตัว เขาก็หลบไม่พ้นเสียแล้ว
ในตอนนั้นเอง อิ่งสือซันก็พุ่งเข้ามาโอบเอวของอิ่งลิ่วไว้ ทั้งสองล้มลงไปบนพื้น หลังจากกลิ้งไปหลายตลบ ร่างของอิ่งสือซันก็กระแทกลงบนตัวของอิ่งลิ่ว
……………………..