หลังจากเดินทางมาร่วมครึ่งเดือน ทุกคนล้วนแต่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ อวี๋หวั่นหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า เก็บไปได้เพียงครึ่งเดียวก็เงียบไป เยี่ยนจิ่วเฉาจึงหันหน้าไปมอง และพบว่าอวี๋หวั่นฟุบหน้าลงไปกับกองเสื้อผ้า คงจะเหนื่อยน่าดู
แม้ว่าจะมีสาวใช้ แต่เรื่องบางเรื่องอวี๋หวั่นก็ชอบทำเองมากกว่า ขณะที่เธอทำงาน เยี่ยนจิ่วเฉามักจะไม่เอ่ยปากพูด สีหน้าไร้อารมณ์ของเขาทำให้แลดูเย็นชา แต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วในใจของเยี่ยนจิ่วเฉานั้นมีความสุขเพียงใด
เขาชอบความรู้สึกยามที่เงยหน้าไปมองแล้วเห็นเธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดกันมากนัก แต่เมื่อเห็นเธอหยิบนั่นหยิบนี่ พลิกนั่นพลิกนี่แล้ว ก็ทำให้โลกสีเทาหม่นของเขามีชีวิตชีวาขึ้นมา
ดูจากภายนอกแล้ว เธออาจดูคล้ายกับคนที่ตามติดเขาตลอด แต่เมื่อใดที่จริงจังขึ้นมา เธอก็สามารถปล่อยเขาไว้ แล้วไปคุยกับอิ่งสือซัน คุยกับอิ่งลิ่ว คุยกับต๋าหว่าหรือคนอื่นๆ ได้อย่างมีความสุข
ไม่เหมือนกับเขา เขาอยากคุยกับเธอเพียงคนเดียว
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปนั่งข้างเตียง มองไปยังอวี๋หวั่นซึ่งกำลังหลับสนิท
อายุครรภ์ของอวี๋หวั่นมากแล้ว เดิมทีควรบำรุงร่างกายให้มาก แต่เพราะต้องรีบร้อนเดินทาง อวี๋หวั่นจึงผอมลงกว่าครั้นอยู่ที่หมิงตูเสียอีก เพียงแต่ใบหน้านั้นยังคงเจ้าเนื้อ ขาวผ่องประดับสีแดงระเรื่อ น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน
อยากกัด
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองอวี๋หวั่น จนลืมไปเสียสนิทว่าเขายังไม่ได้ลงกลอนประตู
ชุยเฒ่าตั้งใจจะมาจับชีพจรให้เยี่ยนจิ่วเฉา ตรวจดูสักหน่อยว่าพิษในร่างกายของเขายังไม่แพร่กระจาย ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่เปิดประตูไป ก็เห็นว่าเจ้าเบื๊อกนั่นปีนอยู่บนเตียง ทำก้นโก่ง จ้องมองไปยังอวี๋หวั่น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชุยเฒ่านึกถึงลูกสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้หลังบ้าน มันทั้งโง่งมและน่ารัก เมื่อเห็นกระดูกชิ้นที่ตนเองชอบ ก็จะมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้เหมือนกัน
ทันทีที่ชุยเฒ่าผลักประตูเข้าไป เยี่ยนจิ่วเฉาได้ยินเสียง เขาลุกพรวดขึ้นมาทันใด แล้วรีบเปลี่ยนท่าทางเป็นเย่อหยิ่งและเย็นชาดังเดิม
ชุยเฒ่าอ้าปากค้าง “…”
“ไม่มีอะไร” ชุยเฒ่ารีบพูด “เจ้าทำต่อไปเถอะ พรุ่งนี้ข้ามาใหม่”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
ย่างเข้ากลางดึก ทุกคนล้วนอยู่ในห้วงนิทรา เยี่ยนจิ่วเฉากอดอวี๋อาหวั่นซึ่งกำลังหลับสนิท แม้ว่าเขาจะดันเธอออกก่อนฟ้าสาง ถ้าหากดันไม่ออก นั่นก็เป็นเพราะท่านอนของเธอเอง
อวี๋หวั่นรู้สึกร้อน จึงขยับออกจากอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉายื่นแขนออกไปดึงเธอกลับมากอด
ยื่นขายาวออกมา
มัดไว้แล้ว!
คืนนี้ ทุกคนล้วนแต่หลับสบาย ยกเว้นต๋าหว่า
เป็นครั้งแรกในชีวิตของต๋าหว่าที่ได้นอนร่วมเตียงกับสตรี ทั้งสตรีคนนั้นยังเป็นภรรยาของคนอื่น เขารู้สึกผิดจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว
เตียงนี้กว้างนัก ต๋าหว่านอนติดกับขอบข้างหนึ่งของเตียง หากทำได้เขาก็คงแปะตัวเองติดกับกำแพงไปแล้ว
ฮูหยินรองนอนอยู่ข้างกายเขา ห่างจากเขาเป็นระยะประมาณสองสามคนนอนเห็นจะได้
นางไม่โกรธหรือ?
ผู้ที่อยากหนีจากการร่วมเตียงเคียงหมอนในครั้งนี้มีแค่เขาคนเดียวหรือ?
ฮูหยินคนนี้ถูกหมางเมินมานับสิบปี สิ่งที่ควรจะมองออก นางก็มองออกแล้ว ย่อมไม่มีทางขุ่นเคืองเพียงเพราะการเสแสร้งเช่นนี้ เรื่องที่น่าเศร้ากว่านี้นางยังเผชิญมาแล้ว ในใจนางเฉยชาไปแล้ว ต่อให้จะไปสะกิดใจนางอีก ก็คงทำอะไรนางไม่ได้
ฮูหยินรองหลับตาลง จิตใจล่องลอยไปในดินแดนแห่งความฝัน
ต๋าหว่านอนไม่หลับสักที ร่างของเขาแข็งทื่อ เขากัดผ้าห่ม นึกอยากร่ำไห้แต่ก็ไร้น้ำตา
เขาอยากจะบ้าตาย…
นางตัวหอมเหลือเกิน!
……
วันต่อมา เมื่อต๋าหว่าตื่นขึ้น ฮูหยินรองก็ออกไปแล้ว
เพียงล้มตัวลงนอนบนเตียงกับเวินซวี่นับว่าแตะขีดจำกัดของฮูหยินรองแล้ว มากกว่านี้นางไม่อยากทำ และทำไม่ได้ด้วย ท่านปู่กับพ่อสามีรู้ว่านางนอนร่วมห้องกับเวินซวี่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
“ไปสักที ไปได้สักที ทำเอาข้ากลัวแทบแย่…” ต๋าหว่ากดหน้าอก ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
สาวใช้ที่เข้ามาในห้องมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ
ท่าทางของนายท่านรอง…แปลกๆ อยู่นะ?
นายท่านรองรังเกียจฮูหยินรองนั้นเป็นเรื่องจริง เขาร่วมห้องกับฮูหยินรองก็คงเป็นเพราะคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดและนายท่าน แต่เหตุใดท่าทางของนายท่านรอง…ดูเหมือนตื่นตระหนกมาทั้งคืนเช่นนั้นเล่า?
ไม่ว่าอย่างไรสาวใช้ก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายนางจึงเลิกขบคิดไป
สาวใช้คงจะคาดไม่ถึงว่านายท่านรองเป็นตัวปลอม ขณะที่นายท่านรองตัวจริงนั้นไปเข้าเฝ้าเทพเจ้าเสียแล้ว
ต๋าหว่าบอกกับสาวใช้ว่า “ข้าเดินทางมาหลายวัน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว นำความไปแจ้งให้ทุกคนรู้ วันนี้ข้าจะพักผ่อน ไม่พบใคร!”
“อ๊ากกก! แย่แล้วๆ! ข้าจะตายแล้ว!” หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ต๋าหว่าก็กระวีกระวาดไปยังห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น
ทั้งสองกินอาหารเช้าไปแล้ว แต่อวี๋หวั่นก็เริ่มหิวอีก ในตอนนี้จึงกำลังกินขนมกุหลาบที่พ่อครัวทำให้ เยี่ยนจิ่วเฉากำลังขะมักเขม้นอยู่กับแม่กุญแจขงเบ้ง สายตาไม่ได้เหลือบมองเธอแม้แต่น้อย
ในตอนที่ต๋าหว่าเข้ามาในห้อง อวี๋หวั่นก็กินขนมกุหลาบไปแล้วห้าชิ้น และกำลังกินชิ้นที่หก
“มีอะไรหรือ ทำไมหน้าตาตื่นอย่างกับฟ้าจะถล่มเช่นนั้นละ” อวี๋หวั่นเอ่ยถาม
“ฟ้าไม่ได้ถล่ม แต่ก็จวนจะถล่มแล้ว!” ต๋าหว่าไม่อาจวางมาดเป็นยอดฝีมือผู้เปล่าเปลี่ยวได้อีกต่อไป ตั้งแต่ที่เข้ามาในเผ่าพ่อมด จิตใจของเขาก็อยู่ไม่สุข ว้าวุ่นสั่นเทิ้มอยู่ตลอดเวลา!
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองอวี๋หวั่น เมื่อเห็นว่าแม้อวี๋หวั่นจะพูดอยู่กับต๋าหว่า แต่เธอดูจริงจังกับขนมในมือเสียมากกว่า สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วก้มหน้าก้มตาเล่นแม่กุญแจขงเบ้งต่อไป
เมื่อเห็นว่าทั้งสองมีท่าทีเฉยเมย ต๋าหว่าก็ยิ่งร้อนรน “ผู้อาวุโสสูงสุดกลับจวนมาแล้ว! เขาอยากพบข้า!”
“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?” อวี๋หวั่นชะงัก
คิ้วโก่งของเยี่ยนจิ่วเฉาขมวดแน่น
สีหน้าของต๋าหว่าราวกับจะร้องไห้ “ใช่น่ะสิ ทำอย่างไรดี ข้ายังคิดเสียอีกว่าอีกหลายวันกว่าเขาจะกลับจวน ครานี้จบกัน ข้าถูกจับได้แน่! ข้าถูกจับได้แน่!”
อวี๋หวั่นครุ่นคิด แล้ววางขนมกุหลาบลง “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน วิชาปลอมตัวของสกุลหลานนั้นแยบยล ไม่ผู้ใดรู้หรอกว่าเจ้าไม่ใช่เวินซวี่ตัวจริง วิธีและท่าทางการพูดทำให้แนบเนียนเท่านั้นก็พอ อิ่งลิ่วไปสืบมาแล้ว เวินซวี่อยู่ข้างนอกวางท่าบ้าอำนาจ แต่กลับเกรงกลัวผู้ใหญ่สองคนนี้มาก โดยเฉพาะปู่ของเขา ขอเพียงเจ้าแสดงเป็นหลานชายของเขาก็พอแล้ว”
ต๋าหว่ากำหมัดแน่น ถึงเวลาควักจิตวิญญาณแห่งการแสดงออกมาอีกแล้วหรือ?!
อวี๋หวั่นพูดต่อว่า “อีกอย่าง ข้าเดาว่าที่ผู้อาวุโสสูงสุดรีบกลับจวนมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะได้ยินว่าเจ้ากลับมา
แล้ว เขาอาจรู้ว่าเจ้ากำลังปฏิบัติภารกิจ จึงอยากจะถามเจ้าว่าภารกิจคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เจ้าก็พูดไปตามที่พวกเราตกลงกันไว้”
ต๋าหว่าพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “ข้า…ข้ากลัว ทำอย่างไรดี”
อวี๋หวั่นจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา “เจ้ามั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าต้องเชื่อว่าตนเองคือเวินซวี่ เวินซวี่ก็คือเจ้า ไม่มีผู้ใดมองออก!”
ศรที่ขึงอยู่บนสายธนูไม่อาจไม่ยิงออกไป หลังจากที่ถูกเจ้าคนพวกนี้ลักพาตัวมา ก็ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก!
ต๋าหว่าหายใจเข้าลึกๆ เดินอกผายไหล่ผึ่งออกไปด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
ไม่ได้แค่แสดงเป็นหลานหรอกหรือ?
แม้แต่กับคนใกล้ชิดของเวินซวี่อย่างฮูหยินรองยังหลอกมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง จะหลอกไม่ได้
เชียวหรือ?
……
ทันทีที่เห็นผู้เฒ่าสูงสุด ต๋าหว่าก็ทรุดลงไปคุกเข่า
นึกว่าจะเป็นตาแก่หนวดขาวเสียอีก? บุรุษร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน ท่าทางน่าเกรงขามราวกับมีพลังแผ่ออกมารอบตัวนี่ใครกัน?
“หึ เจ้าสร้างเรื่องให้ข้าอีกแล้วหรือ?” เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเห็นว่าหลานชายมีท่าทีตื่นตระหนก ก็อดเคลือบแคลงใจไม่ได้ และรู้ได้ทันทีว่าเขาสร้างปัญหาอีกแล้ว
ต๋าหว่าแข้งขาอ่อนยวบ เขาต้องจับเก้าอี้ด้านข้างเพื่อประคองตนเองอยู่หลายครั้ง กว่าจะยืนนิ่งๆ ได้
โชคดีที่เวินซวี่มักสร้างปัญหาอยู่เป็นนิจ ทุกครั้งที่ถูกจับได้ก็จะแสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่าย มิเช่นนั้น ต๋าหว่าคงจะถูกจับได้ไปตั้งแต่แรกแล้ว
ต๋า-นักแสดงยอดฝีมือ-หว่า จะทำการแสดง ณ บัดนี้!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เด็กในท้องสตรีคนนั้นเป็นลูกของเจ้า?”
ต๋าหว่าชะงักไป
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่า “ข้าว่าแล้ว เหตุใดอยู่ๆ เจ้าถึงกลับตัวกลับใจ ดีต่อหวั่นโหรวเช่นนี้”
ใครคือหวั่นโหรวอีก?
ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างเหลืออดว่า “เจ้ากล้าไปสร้างเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ข้างนอก! กลับมาบ้านก็เรื่องหนึ่ง แต่ยังไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกอีกรึ ทำไม เจ้าอยากให้หวั่นโหรวยอมรับเด็กนั่นรึ?”
“อ่า…” คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดทำให้สมองของต๋าหว่าหยุดทำงานไปชั่วขณะ
ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ไม่ใช่จริงๆ
เขาพอจะเดาได้แล้วว่าหวั่นโหรวคือใคร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง ฮูหยินน้อยเยี่ยนไม่ใช่คนรักของเขา เด็กในท้องนางก็ไม่ใช่ลูกของเขา ข…ข…เขา…
เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วเนี่ย!