วินาทีที่หลัวช่าทหารกระเด็นออกไป แม้แต่เขาเองก็ยังคงไม่กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น
หลัวช่าทหารผู้ไร้พ่าย แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ เขาลอยออกไปกระแทกกับหลังคาราวกับว่าวตัวหนึ่ง
หลังคาถล่มลงมา ทำให้เขาหล่นลงไปอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
เหล่าองครักษ์ที่เห็นเหตุการณ์ล้วนแต่ตะลึงงัน
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกัน? หลัวช่าทหารถูกสตรีคนหนึ่งโจมตีจนกระเด็นออกไปอย่างนั้นหรือ?
สตรีคนนั้นท่าทางอ่อนแอ ไร้แม้แต่แรงเชือดไก่ ไฉนจึงมีพลังภายในที่น่ากลัวถึงเพียงนั้น
ไม่สิ นั่นดูไม่ยักเหมือนกับพลังภายใน แต่เป็นกลิ่นอายรุนแรงที่พวกเขาไม่คุ้นเคยต่างหาก
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร…ร้ายกาจถึงเพียงนั้น…” โจวอวี่เยี่ยนตกใจจนกระอักเลือดไม่ออก นางทำตาโต แทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง
อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ มองไปยังหลัวช่าทหารซึ่งถูกทับอยู่ใต้ซากปรักหักพัง จากนั้นก็มองไปยังมืออวบของเธอ แล้วพึมพำอย่างเหลือเชื่อว่า “ข้า…ข้าเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ…”
อวี๋หวั่นก้มหน้าลง ยกมือขึ้นมาลูบท้อง ถ้าเดาไม่ผิด เมื่อครู่เป็นช่วงเวลาที่อันตรายถึงชีวิต เจ้าตัวเล็กในท้องจึงขยับ ต้องเป็นเพราะอวี๋หวั่นตกใจกลัวจนลูกในท้องสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธอ จึงตกใจกลัวตามไปด้วย
เมื่อลูกตกใจกลัวจนตัวสั่น ก็ปล่อยพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ออกมา
ที่แท้ก็ลุกขึ้นสู้เพื่อแม่!
อวี๋หวั่นพยักหน้า “อย่ากลัวไป แม่จะปกป้องเจ้าเอง!”
หลัวช่าทหารปีนขึ้นมาจากกองซากปรักหักพัง สำหรับเขาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพราะเขาไม่ทันตั้งตัว จึงถูกอวี๋หวั่นเล่นงานเข้า บัดนี้เขาจะคอยตั้งรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าอย่างไรก็จะสังหารผู้หญิงคนนี้ให้ได้!
อวี๋หวั่นสะบัดมือครั้งหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งจับหน้าท้องไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชี้เขา “หากยังรักตัวกลัวตายก็รีบๆ ไปจากที่นี่! ไม่อย่างนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจ!”
หลัวช่าทหารยกกำปั้นขึ้น กัดฟันกรอดพร้อมกับพุ่งหมัดเข้าใส่อวี๋หวั่น
“มีหมัดแล้วเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าจะอัดเจ้าให้เละเลย!” อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าลึก สองมือประสาน เหวี่ยงเป็นวงกลมกลางอากาศแล้วต่อยเข้าใส่หลัวช่าทหาร “ย่า!”
พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ถาโถมออกมา โจมตีไปยังแขนของหลัวช่าทหาร กดเส้นลมปราณข้างขวาของเขาไว้ แรงมหาศาลนี้ทำให้เขาสติหลุดไปชั่วขณะ
“ว้าว!” อวี๋หวั่นร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ กะพริบตาปริบๆ แล้วต่อยออกไปอีกหมัดหนึ่ง
ก็ได้ยินเสียงดัง ‘แกร็กๆ’ กระดูกซี่โครงของหลัวช่าทหารถูกยึดไว้แน่น
อวี๋หวั่นเกาศีรษะ “เอ๋? ข้าเล็งไปที่มือข้างซ้ายของเขานี่นา”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์ก็พรั่้งพรูออกมาอีก มือข้างซ้ายของเขาก็ถูกยึดไว้เช่นกัน
กลัวช่าทหาร “…”
อวี๋หวั่น “…”
หลัวช่าทหารมีร่างกายที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า คิดจะทำให้เขาบาดเจ็บนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์สามารถกดลมปราณของเขาไว้ได้ เมื่อหลายครั้งเข้า อวี๋หวั่นจะชี้ตรงไหน พลังก็โจมตีตรงนั้น หลัวช่าทหารคล้ายกับเป็นดักแด้ซึ่งลอกคราบทีละชั้นๆ ไม่อาจสำแดงวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งได้ ทำได้เพียงล้มลงกับพื้น
หลังจากที่เขาล้มลงไป พลังของหลัวช่าทหารซึ่งกดทุกคนเอาไว้ก็อันตรธานหายไปทันที
ในที่สุดอวี๋เซ่าชิงและอิ่งสือซันก็เคลื่อนไหวได้สักที
อิ่งสือซันกำกระบี่แน่น “นายท่าน! ท่านพาฮูหยินน้อยกับโจวจิ่นไปก่อนเถิดขอรับ! ข้ากับอิ่งลิ่วจะหยุดพวกเขาไว้! แม่นางโจว รบกวนพาเยี่ยยางไปที!”
“เข้าใจแล้ว!” โจวอวี่เยี่ยนพยักหน้า นางพยายามกดความเจ็บปวดไว้ และอุ้มเยี่ยยางซึ่งนอนอยู่ด้านข้างขึ้นมา
“จะไปก็ไปด้วยกัน! ข้าสู้ได้แม้แต่หลัวช่าทหาร เจ้าองครักษ์พวกพวกนี้ ข้าจัดการได้!” อวี๋หวั่นพูดพลางก้าวขึ้นไปด้านหน้า เข้าไปขวางด้านหน้าของอิ่งสือซันและคนอื่นๆ เธอทำท่าทางปล่อยพลังภายในที่มีอยู่จริง แล้วปล่อยใส่พวกเขา!
องครักษ์ล้วนแต่เคยเห็นพลังของเธอ แม้แต่หลัวช่าทหารยังจัดการได้ นับประสาอะไรกับองครักษ์ธรรมดาอย่างพวกเขา?
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยกมือขึ้นมากำบังไว้ข้างหน้าของตนตามสัญชาตญาณ
ทว่าผ่านไปเนินนาน รอแล้วรอเล่า…
เอ๋?
พวกเขาไม่เป็นไรนี่!
องครักษ์มองหน้ากัน
อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ “โอ้? เมื่อครู่ข้าพลาดไปหรือ? ขออีกรอบ!”
อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ ย่อเข่าลง รวบรวมพลังไปยังจุดตันเถียน “ย่า!”
เธอปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง
ท้องถนนที่อลหม่านกลับกลายเป็นเงียบเชียบด้วยความหวาดกลัว
แม้แต่ขนนกเส้นเดียวก็ยังไม่ปลิว
“กาาา” บนหลังคา นกกาสีดำตัวหนึ่งส่งเสียงร้อง
เหล่าองครักษ์ยกมือขึ้นกำบังใบหน้าของตนเองอีกครั้ง แล้วมองตนเอง จากนั้นก็มองไปยังเพื่อนร่วมชะตากรรมซึ่งไร้รอยขีดข่วนเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาล้วนแต่สับสน
สตรีคนนี้ไม่มีพลังเหลือแล้วหรือ?
ทำไมหมดเร็วถึงเพียงนั้น?
ในท้องอุ่นๆ เยี่ยนเสี่ยวซื่อเริ่มง่วง และผล็อยหลับไป…
“นางไม่มีพลังแล้ว! พวกเรา! รีบจัดการเร็ว!” หัวหน้าองครักษ์ตะโกนลั่น ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นมาในทันใด และบุกเข้าไปหาอวี๋หวั่นทันที
อวี๋หวั่นตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด “ไอ้หยา!!!”
“อาหวั่นนน”
“ฮูหยินน้อยขอรับ!”
เมื่อเห็นว่าหอกยาวกำลังจะพุ่งเข้ามาปลิดขั้วหัวใจของอวี๋หวั่น อวี๋เซ่าชิงและอิ่งสือซันก็พุ่งเข้ามาพร้อมกัน แล้วเข้ามาขวางหน้า จากนั้นก็เปิดฉากปะทะกับเหล่าองครักษ์
ตื่นสิ ตื่นๆๆๆๆ!
สัตว์พิษตัวน้อยเขย่า มันจะเป็นลมอยู่แล้ว! ยังสู้กันไม่จบเลย จะหลับไม่ได้นะ!
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งก็พุ่งออกมาตัดหอกยาวราวเป็นดาบคมซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ จากนั้นหอกหันไปอีกด้านหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปกระแทกกับเหล่าองครักษ์
องครักษ์หนีไม่ทัน จึงล้มหัวทิ่มหัวตำไปตามกัน!
องครักษ์ที่เหลือต่างตะลึงงัน หรืออาจเรียกได้ว่าตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นอะไรกัน? แสร้งทำเป็นไม่มีพลังภายในแล้ว แต่ที่จริงกำลังหลอกพวกเขาอยู่หรือ?
เจ้ามีพลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่กลับเอามาเล่นอะไรไม่เข้าท่าอย่างนั้นรึ?! ไม่คิดจะเหลือหนทางรอดให้พวกเขาเลยใช่ไหม?!
องครักษ์ไม่กล้าก้าวเข้าไปด้านหน้า ทำได้เพียงมองอวี๋หวั่น แล้วถอยออกไป!
“จะหนีหรือ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” เธอต่อยออกไปอีกครั้ง
แล้วก็…
เอ๊ะ…
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเหนื่อยเหลือเกิน ต่อให้ฟ้าผ่าก็ปลุกไม่ตื่นแล้ว!
“อะแฮ่ม!” อวี๋หวั่นกระแอม “ข้ายังไม่คุ้นชินกับพลังภายในสักเท่าไหร่”
อิ่งสือซันอยากจะบ้าตาย “…”
โจวอวี่เยี่ยนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “ข้าจำได้ว่าตอนที่พวกเราเข้ามาในเผ่าพ่อมดมีหลัวช่าทหารสี่คน ที่นี่
มีเพียงคนเดียว แล้วอีกสามคนเล่า?”
อวี๋หวั่นหน้าถอดสีในทันใด “แย่แล้ว! เยี่ยนจิ่วเฉา!”
คืนพระจันทร์เต็มดวงใกล้เข้ามาแล้ว พลังของเยี่ยนจิ่วเฉาลดลงเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวช่าถึงสามคน!
ทุกคนไม่สนจะหนีเอาชีวิตรอดอีกต่อไป ก่อนจะเอาชีวิตรอด พวกเขาจะต้องแน่ใจก่อนว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่ทิ้งชีวิตของตนไว้ที่นี่ เพราะถ้าหากเขาเป็นอันตราย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดจากที่นี่ได้
พวกเขารีบกลับไปยังเรือนร้าง การต่อสู้ที่นั่นจบลงแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉายืนตระหง่าน อาภรณ์สีดำขลับดุจน้ำหมึก ใบหน้างดงามปานฟ้าประทาน ทว่ากลับซีดเผือดไร้สีเลือดฝาด
ชุยเฒ่าอยู่ด้านหลังของเขา กำลังจัดยา
“เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” อวี๋หวั่นกระวีกระวาดเข้าไปหา
“ข้าไม่เป็นไร” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ แล้วถามต่อว่า “พวกเจ้ากลับมาได้อย่างไร”
อวี๋หวั่นกดแขนของเขาไว้ “พวกข้าเจอกับหลัวช่าทหาร จึงเป็นห่วงว่าท่านก็อาจเจอเหมือนกัน ถึงได้รีบตามมา เอ้อ แล้วหลัวช่าทหารพวกนั้นละ?”
“พวกเขาไปแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
“ไปแล้ว?” อวี๋หวั่นยังไม่เข้าใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ ‘อืม’ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ถึงกับประมือกับหลัวช่าทหารซึ่งมีพลังระดับสูง เดิมทีคิดว่าจะหนีไม่รอด แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหนีไป “พวกเขาน่าจะได้สัญญาณลับ จึงเปลี่ยนแผนชั่วคราว แล้วหลัวช่าทหารที่ไล่ตามพวกเจ้าละ?”
“เขาน่ะหรือ ถูกข้าจัดการไปแล้ว” อวี๋หวั่นพูดด้วยความภาคภูมิใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองไปยังท้องของเธอ เขามองออกแต่มิได้พูดออกมา
“เอาละ กินยานี่เข้าไปก่อนเถิด” ชุยเฒ่าจัดยาเสร็จเรียบร้อยก็ส่งให้อวี๋หวั่น
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่พูดอะไร แล้วกินยาเข้าไป
ทันใดนั้นก็มีองครักษ์คนหนึ่งขี่ม้าทะเล่อทะล่าเข้ามา
เยี่ยนจิ่วเฉาสายตาเย็นเยียบ เขาดึงกระบี่จากมือของอิ่งสือซัน แล้วตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย
“ข้าเอง!”
ต๋าหว่าพูดด้วยความตกใจ
เยี่ยนจิ่วเฉารีบเก็บกระบี่ลง
“ทำไมถึงเป็นเจ้า?” อวี๋หวั่นถอนหายใจอย่างโล่งอก
ต๋าหว่าพูดว่า “ราชินีแม่มดให้ข้ามาตามหาพวกเจ้า ข้าได้ยินเสียง จึงเดาว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วก็ตามมา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของต๋าหว่าก็ไปหยุดที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น เขาขมวดคิ้วด้วยความสับสน “แต่ว่า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว “หมายความว่าอะไร ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าตำหนักราชินีแม่มดจะขังข้าได้หรือ? ทันทีทีข้าเข้าไป เยี่ยนจิ่วเฉาก็มาช่วยข้าแล้ว!”
ต๋าหว่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ไม่ใช่! เรื่องที่เจ้าหนีออกมาจากตำหนักราชินีแม่มดข้ารู้แล้ว ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้! เมื่อครู่ข้าได้สัญญาณจากราชินีแม่มดว่าเจ้าถูกจับแล้ว!”
อวี๋หวั่นชี้ไปที่ตนเอง “ข้า? ถูกจับ?”
…………………………………………………