หลัวช่าทหารแข็งแกร่งทนทาน ล้มลงนับครั้งไม่ถ้วนก็ลุกขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ไม่เพียงแต่มีร่างดั่งกายวัชระ กำลังภายในยังดูคล้ายมีมากมายไม่ขาดสาย เพียงแต่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่ามาเนิ่นนานเช่นนั้น ทั้งสี่ขวัญกำลังใจลดลงอย่างมาก เมื่อไร้ความกล้าหาญในยามแรกเริ่ม แน่นอนว่าจะให้พวกเขาคุกเข่าขอความเมตตาก็คงเป็นไปไม่ได้
นี่คือความตั้งใจแน่วแน่ของหลัวช่าทหาร!
แต่ทว่า…
ที่พวกเขาตั้งใจมั่นถึงเพียงนี้ เพราะเป็นหลัวช่าทหาร แต่สตรีผู้นี้มันเรื่องใดกัน?
“มาสิ!” หลังจากเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ถูกปล่อยพลังใส่เสียกระเด็น ก็บินกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“เข้ามา!”
“เข้ามาอีก!”
“มาเลย!”
แม้ไม่เต็มใจยอมรับ แต่พวกเขาก็ถูกทุบตีเสียเกือบลืมว่าตนคือหลัวช่าทหาร
ทว่าทันใดนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้น ขณะที่สตรีผู้นั้นปล่อยหมัดเล็กมาทางคนทั้งสี่อีกครั้ง จู่ๆ กลับหยุดลงกลางอากาศ
นางหันมองไปทางประตูวังหลวง ไม่รู้เพราะเห็นสิ่งใด ดวงตาปรากฏประกายเย็นวาบ ไอปราณอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมาราวกับลูกธนูที่ถูกยิงจากสาย
ทิศตะวันออก!
ทิศตะวันตก!
ทิศใต้!
ดวงตาของนางกวาดมองรอบทิศ ปัดเป่าไอปราณน่าสะพรึงกลัว
หลัวช่าทหารตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกเขาล้วนถูกโจมตีจนไม่มีเวลาแยกร่าง แต่ทันทีที่สงบลงก็รับรู้ถึงความแปลกประหลาดของวังหลวง มีคนบุกรุกเข้ามาในวังหลวงแล้ว องครักษ์วังหลวงไม่ทันสังเกตเห็น แต่เมื่อบรรดาหลัวช่าที่เข้าใกล้อาณาเขตของหลัวช่าทหารนั้นต่างรับรู้แล้วก็มุ่งหน้าไปจัดการกับผู้บุกรุกทันที
สตรีผู้นี้กำลังสกัดกั้นหลัวช่ากลุ่มนี้
ความแข็งแกร่งช่างน่ากลัวเสียจริง
อวี๋เซ่าชิงลอบเข้าวังหลวง เดินตามทางที่ต๋าหว่าพรรณนาไปยังเรือนที่อาซูถูกกักขัง เมื่อนึกถึงอาซูที่กำลังลำบาก เขาก็ใช้วิชาตัวเบาไปสู่จุดสูงสุด
ในที่ที่เขาไม่สังเกตเห็น มีหลัวช่าตนหนึ่งไล่ตามเขามาอย่างเงียบๆ และง้างมีดใหญ่ในมือหมายจะฟันอวี๋เซ่าชิงเต็มแรง แต่ไหนเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ลงมือ กลับถูกพลังมหาศาลโค่นลงเสียก่อน
เขารู้สึกว่าแรงนั้นบีบคอของตน เขาดิ้นพล่านสองที กลิ้งเข้าพงหญ้า ดวงตาดำมืดก่อนจะหมดสติไป
อวี๋เซ่าชิงรู้สึกว่าด้านหลังมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง ทว่าเมื่อหันกลับไปก็ไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น หลัวช่าเจ็ดแปดตนที่คิดโจมตีอวี๋เชาชิงก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นควบคุม
อวี๋เซ่าชิงมาถึงเรือนโดยไร้อุปสรรค
“เข้ามาถึงวังหลวงของเผ่าพ่อมดที่ห้อมล้อมไปด้วยยอดฝีมือราวกับเข้าเขตไร้ผู้คน! ข้าช่างเป็นยอดฝีมือตัวจริง!” อวี๋เซ่าชิงยืดอกอย่างมั่นใจ “อาซู! ข้ามาแล้ว!”
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์เปลี่ยนใบหน้าอย่างฉับพลัน นอนลงกับพื้นด้วยท่าทางอ่อนแอ ดอกไม้พิษกลิ่นอายสูงใหญ่ กลับกลายเป็นดอกไม้น้อยๆ ที่สั่นระริกในชั่วพริบตา
นางยังไม่ลืมที่จะใช้กำลังภายในเสกกลีบดอกไม้เต็มท้องฟ้าราวกับหยาดฝนที่ร่วงลงมา
เมื่ออวี๋เซ่าชิงเข้ามาในเรือน ฝนกลีบดอกไม้ก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ในทิวทัศน์ที่สวยงาม เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ มือหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้า อีกมือหนึ่งก็กุมหัวใจ กล่าวกับเขาเยี่ยงดอกสาลี่ต้องหยาดฝน “สามี ข้ากลัวยิ่งนัก!”
หลัวช่าทหารกลายเป็นหินอยู่กับที่ “…!!!”
…
ตำหนักราชินีแม่มด
ราชินีแม่มดถูกหลีชั่วกับหงหลวนส่งกลับไปที่ห้องบรรทม ยามพวกนางเห็นราชินีแม่มด ก็รู้แล้วว่าอาการบาดเจ็บของนางไม่สู้ดีนัก รอกระทั่งถอดอาภรณ์เพื่อรักษานางถึงรู้ว่าอาการไม่ดีรึ? เกือบจะตายแล้วมากกว่า
“เหตุใดราชินีแม่มดถึงบาดเจ็บเช่นนี้?” พ่อมดใหญ่ที่มารักษาถึงกับตกตะลึง
หงหลวนกล่าวว่า “เรื่องมันยาว ท่านรักษาราชินีแม่มดก่อนเถิด!”
เผ่าพ่อมดมีหมอ แต่เชี่ยวชาญการแพทย์ที่สุดมักเป็นพ่อมดขาวของราชสำนัก
พ่อมดใหญ่ฝึกฝนศาสตร์ขาวและเชี่ยวชาญการแพทย์แขนงต่างๆ หลายปีมานี้ เขารับหน้าที่ดูแลพระวรกายราชินีแม่มดและองค์ชายเยี่ยยาง ความรู้ด้านการแพทย์ของเขาตามหลักแล้วไม่ต้องสงสัย ทว่าคราวนี้แม้แต่เขาก็ยังลำบาก
“มีอันใดหรือใต้เท้า?” หงหลวนถาม
“อาการบาดเจ็บของราชินีแม่มด…” เดิมทีพ่อมดใหญ่ต้องการบอกว่าอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไป แต่ตอนนี้มีที่ใดเพียงแค่บาดเจ็บรุนแรง หากแต่บาดเจ็บไม่เป็นที่แล้วมากกว่า เกิดอะไรขึ้นกับราชินีแม่มดกันแน่? การบาดเจ็บภายใน การบาดเจ็บภายนอก การบาดเจ็บของกระดูก ทั่วทั้งร่างกายแทบไม่มีที่ใดยังดีอยู่
หลีชั่วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ใต้เท้า ได้โปรดรักษาราชินีแม่มด!”
นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นการข่มขู่ หากชีวิตของราชินีแม่มดจนสิ้น ทั้งตระกูลของพ่อมดใหญ่ก็ถูกฝังไปพร้อมกับนาง!
พ่อมดใหญ่ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก “ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
พ่อมดใหญ่พยายามช่วยชีวิตสุดกำลัง
หลีชั่วกลับออกไปด้วยท่าทางเย็นชา
หงหลวนก้าวเท้าตามไป
หลังมาถึงนอกห้องตำหนัก หงหลวนก็เอ่ยถามนางว่า “หลีชั่วเจ้าจะไปที่ใด?”
“จับตัวคนร้าย!” หลีชั่วพูดอย่างเย็นชา “คนพวกนั้นทำร้ายราชินีแม่มดเช่นนี้ หากไม่ฆ่าพวกมันก็ยากจะระบายความแค้นในใจข้า!”
หงหลวนตกตะลึง คว้าแขนของนางแล้วกล่าว “ฆ่า? แต่ราชินีแม่มดไม่ได้บอกให้ฆ่าพวกเขานะ องค์ชายเยี่ยยางยังอยู่ในมือของคนพวกนั้น หากเราฆ่าตัวประกันเหล่านี้ แล้วพวกเขาทำร้ายองค์ชายเยี่ยยางจะทำอย่างไร?”
หลีชั่วกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “เจ้าไม่เข้าใจ ยิ่งเจ้าทำเหมือนไม่สนใจ ก็ยิ่งถูกคนข่มขู่ง่ายขึ้น ฆ่าก่อนหนึ่งคน ให้พวกเขาส่งองค์ชายคืนมา ไม่เช่นนั้น ก็หนึ่งวันหนึ่งชีวิต! ผู้ใดไม่สนใจชีวิตคนได้มากที่สุด! ผู้นั้นก็ชนะ!”
หงหลวนพูดอย่างลำบากใจ “แต่…แต่หากพวกเขาโกรธขึ้นมาแล้วสังหารองค์ชายเยี่ยยางเล่า?”
หลีชั่วชำเลืองมองนางอย่างเย็นชา “ขี้ขลาดเช่นนี้ จะทำการสำเร็จได้อย่างไร? หากพวกเขาปลิดชีพองค์ชายเยี่ยยาง ตัวประกันที่เหลือก็อย่าหวังจะมีชีวิตรอด! เจ้าคิดว่าพวกเขาจะล้างแค้นให้คนคนเดียวที่ตายไปแล้ว ด้วยชีวิตของคนที่เหลือทั้งหมดน่ะหรือ?”
ศึกครานี้ วัดกันที่ผู้ใดกล้าหาญกว่ากัน!
หลีชั่วมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่มีทางทำร้ายองค์ชายเยี่ยยาง!
หงหลวนกล่าวอย่างลังเล “ถึงเป็นเช่นนี้ไม่เลว แต่ทว่า…”
หลีชั่วขัดจังหวะนาง “ไม่ต้องแต่แล้ว เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินรึ ราชินีแม่มดจะตัดนิ้วของเด็กพวกนั้น? เจ้าไปจัดการ แล้วไปตามล่าตัวประกันกับข้า ข้าไม่เชื่อว่าวังหลวงมีองครักษ์เฝ้ายามเข้มงวดเช่นนี้ พวกมันจะบินหนีไปได้!”
หงหลวนมองดูเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด ยามพาราชินีแม่มดกลับไปส่งที่ห้องบรรทม และคิดว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนเสียที
หงหลวนกลับไปที่ห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดสะอาดออกมาชุดหนึ่ง เดินอ้อมฉากกั้น ขณะกำลังจะวางเสื้อผ้าบนเตียงเพื่อผลัดเปลี่ยน กลับได้ยินเสียงกรนเล็กๆ ที่ไม่ทราบที่มา คิ้วของนางดีดสะดุ้ง หันหลังขวับมองไปที่เตียง
นางเห็นอะไร?!
ไข่ดำที่อวบอ้วนทั้งสาม!!!
นี่ไม่ใช่ตัวประกันที่ราชินีแม่มดจับมาหรือ? เหตุใดมาอยู่ที่ห้องของนาง? ทั้งยังนอนบนเตียงของนาง?!
ไข่ดำน้อยเหนื่อยล้า อีกทั้งยังหาทางกลับไม่ได้ พวกเขาเตาะแตะพาตัวเองเข้ามายังวังราชินีแม่มด ปีนขึ้นเตียงนอนอันหอมหวนและผล็อยหลับไป
“หงหลวน เจ้าเรียบร้อยหรือยัง?”
เสียงเย็นชาของหลีชั่วดังขึ้นนอกประตู
หงหลวนตกใจ ร่างกายสั่นระริก นางหันกลับไปดึงผ้าห่มมาคลุมเด็กทั้งสาม และส่งเสียงตอบกลับไปทางประตูว่า “ข้ายังไม่เรียบร้อย! ตัวข้าเปื้อนเลือดเยอะมาก ข้าขอเช็ดตัวสักหน่อย!”
หลีชั่วกล่าว “เช่นนั้นเจ้ารีบหน่อย! ข้าไปก่อนละ!”
“อ้า… เข้าใจแล้ว!” หงหลวนตอบด้วยความรู้สึกผิด
เสียงฝีเท้านอกประตูค่อยๆ ห่างออกไป เมื่อรู้ว่าหลีชั่วจากไปแล้ว หงหลวนก็โล่งใจ
นี่นางเป็นอะไรไป? เมื่อครู่นางซ่อนเด็กพวกนี้จริงๆ? หากต่อไปมีคนพบเข้าจะทำอย่างไร?
ไม่ว่าอย่างไร นางก็เป็นคนของราชินีแม่มด นางไม่ควรซ่อนตัวประกันของราชินีแม่มด…
หงหลวนกัดฟันเปิดผ้าห่มออกช้าๆ และยื่นมือออกไป
ในเวลานี้ จู่ๆ เด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังหลับใหลก็ยกมือขึ้นขยี้ตา ไม่นานสองคนที่เหลือก็ขยี้ตาราวกับใจตรงกัน
เด็กน้อยทั้งสามหลับตา อ้าปากหาว บิดขี้เกียจอย่างน่ารัก
หงหลวนไม่อาจยื่นมือต่อได้ นางรู้สึกราวกับส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในหัวใจของตนถูกบางสิ่งพุ่งชน เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งยามที่อยู่กับเวินซวี่ก็ไม่เคยเป็นมาก่อน
ต้าเป่าลืมตาเป็นคนแรก ดวงตาสดใสดำขลับจ้องมองหงหลวนไม่กะพริบ ไม่เก้อเขิน ไม่หวาดกลัว
จากนั้นก็เป็นเสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่า
ทั้งสองก็จำนางได้
ทั้งสามมองนางด้วยดวงตาเบิกกว้าง คนทั้งสี่ในห้องต่างฝ่ายต่างสบตาไม่รู้จะทำอย่างไร
หงหลวนถูกมองจนเสียอาการ เอ่ยกระซิบเบาๆ “พวกเจ้าตื่นแล้วหรือ?”
“หิว” เสี่ยวเป่าพูดพลางตีพุงที่แบนราบ
“เอ้อร์เป่าก็หิว” เอ้อร์เป่าตีพุงกล่าว
ต้าเป่าพยักหน้า
เขาก็หิว
หงหลวนกระอักกระอ่วน “หิวหรือ…”
บทเกริ่นนำนี้ดูไม่ค่อยถูกต้องนักกระมัง?
“อยากกินอะไร?” หงหลวนอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตาย! ส่งกลับไปสิ ส่งกลับไป! ยังจะหาข้าวให้อีก?!
“ก๋วยเตี๋ยว” เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล
“ซาลาเปา” เสี่ยวเป่ากล่าวอย่างกระฉับกระเฉง
เอาหมดเลย! ต้าเป่ากล่าวในใจ
หงหลวนสูดหายใจ ซาลาเปา…ก๋วยเตี๋ยว…ซาลาเปา…ก๋วยเตี๋ยว…ได้ รอพวกเจ้ากินเสร็จ ข้าค่อยส่งตัวพวกเจ้ากลับไป!
หงหลวนพูดจริงทำจริง!
ฮึ!
…………………………………………