หลีชั่วกังวลว่าในรถม้าจะมีกลไกลับซ่อนอยู่ จึงตรวจค้นทั้งด้านในและด้านนอกไม่ยอมปล่อยไป ทว่าก็ยังไม่พบสิ่งใด
หงหลวนประหลาดใจยิ่งกว่าหลีชั่ว นางอุ้มเด็กเหล่านั้นเข้ามา ทั้งสามนั่งอยู่ตรงนี้อย่างเชื่อฟัง เหตุใดในชั่วพริบตากลับหายไป?
แปลกเสียจริง!
ทว่าขณะที่ประหลาดใจนั้น หงหลวนก็โล่งใจกับตนเอง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังดีกว่าตกไปอยู่ในมือของหลีชั่วมิใช่หรือ?
หลีชั่วกวาดตามองหงหลวนขึ้นลง ขาดเพียงไม่ได้ถามว่านางซ่อนคนไว้ที่ใด
หงหลวนกล่าวอย่างเฉยเมย “เป็นอย่างไรละ? ทำราวกับข้าซ่อนผู้ใดไว้ เจ้าค้นแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีผู้ใด ยามนี้ข้าออกจากวังไปค้นหาได้หรือยัง?”
หลีชั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กลับไม่พบหลักฐานใด หากกล่าวว่าหงหลวนมีใจคิดทรยศต่อราชินีแม่มด นางก็ไม่เชื่อ แต่ไม่อาจมั่นใจในความรักที่นางมีต่อใต้เท้าเวินซวี่ ใต้เท้าเวินซวี่ไปตามนางปีศาจจิ้งจอกนั่นแล้วมิใช่หรือ? ไม่แน่ว่าปีศาจจิ้งจอกนั่นอาจขอให้ใต้เท้าเวินซวี่ช่วยพาตัวประกันหญิงและเด็กทั้งสามออกมา เวินซวี่จัดการเองไม่ได้ จึงหลอกล่อหงหลวน…
หลีชั่วพูดถูกเพียงครึ่งหนึ่ง หงหลวนตั้งใจส่งตัวประกันออกไป แต่หาใช่เพื่อเวินซวี่
เมื่อแสดงแล้วก็แสดงให้จบ หงหลวนขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนสกุลเวิน
หลีชั่วมองรถม้าที่หายไปในความมืดมิดยามราตรี ขมวดคิ้วหันกลับไปค้นหาภายในวังหลวงต่อ
ด้านในรถม้าอีกคันหนึ่งที่ดูไม่โดดเด่นสะดุดตาจอดใกล้กับวังหลวง เยี่ยนจิ่วเฉานั่งสีหน้าเรียบเฉย ไข่ดำน้อยทั้งสามโค้งเอว มุ่ยก้นเล็กๆ เอาหัวซุกเข้าไปกับเก้าอี้ คิดว่าทำเช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดเห็นพวกเขาแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉามองก้นเล็กๆ ทั้งสาม ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นสีดำถ่าน
ไม่เชื่อฟังไม่เท่าไร ยังโง่เขลาเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?
บิดากลัดกลุ้มแทบสิ้นใจ!
ยามที่อวี๋หวั่นและชุยเฒ่าเสร็จจากการกลั่นยาออกมา อวี๋เซ่าชิงและเยี่ยนจิ่วเฉาก็พาเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์และไข่ดำทั้งสามคนกลับมาถึงจวนสกุลเวินแล้ว
อวี๋หวั่นย่อมได้ยินเรื่องที่ท่านแม่และบุตรของเธอมายังเผ่าพ่อมด แต่หากเทียบกับเหตุใดพวกเขาถึงถูกราชินีแม่มดจับตัวไป เธอสงสัยเรื่องนี้มากกว่า? ท่านแม่และบุตรชายของเธอมิได้ไปหนานจ้าวกับท่านตาทวดหรอกหรือ?
คำนวณแล้ว กลุ่มนี้ควรอยู่กับอวิ๋นเฟยที่วังหลวงแห่งหนานจ้าวสิ!
ความสงสัยมากมายผุดขึ้นในหัวของอวี๋หวั่น บังเอิญที่เวลานี้ อวี๋เซ่าชิงพยุงนางเจียงที่อ่อนแอราวกับกิ่งต้นหลิวปลิวไหวในสายลมเข้ามาในห้อง อวี๋หวั่นเข้าไปต้อนรับ มองท่านแม่ที่ป่วยไข้และถามอย่างกังวลว่า “ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ขณะกล่าว ก็เห็นบางอย่างเดินคอตกตามหลังบิดามาอย่างช้าๆ ไข่ดำน้อยทั้งสามที่ท่าทางราวกับทำผิดแล้วถูกจับได้ ก็ถามต่อว่า “ท่านแม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกท่านมาที่เผ่าพ่อมดได้อย่างไร? ท่านตาทวดเล่า?”
“แค่กๆ…” เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ซุกอยู่ในอ้อมแขนอวี๋เซ่าชิง หยิบผ้าเช็ดหน้ากุมหัวใจไอแค่กๆ ออกมา
อวี๋เซ่าชิงพูดอย่างเจ็บปวด “อย่าเพิ่งถามเลย ท่านแม่ของเจ้าขวัญเสีย ต้องการพักผ่อน”
อวี๋หวั่นอ้าปากพะง้าบ “แต่…”
อวี๋เซ่าชิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ไม่ต้องแต่แล้ว ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็นโจรลักพาตัวนั้นแน่ ยามอยู่ที่หนานจ้าวเขาก็จับตัวอาซูไป เดิมทีในหมิงตูก็คิดว่ากำจัดเขาไปได้แล้ว หารู้ไม่ว่าเขายังไม่ตาย ยังตามมาที่เผ่าพ่อมดอีก! เขาจับอาซูและตามเรามาตลอดทาง ต้องคิดข่มขู่เราเป็นแน่! อย่าให้ข้าจับได้นะ! ไม่เช่นนั้นได้เห็นดีแน่!”
“ฮัดชิ้ว!” เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์จามด้วยความรู้สึกผิด
อวี๋เซ่าชิงรีบถอดเสื้อคลุมมาคลุมตัวนาง “อาซู เจ้าเป็นหวัดแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
บิดามารดาจากไปแล้ว อวี๋หวั่นยังคงงวยงงอยู่ที่เดิมสามวินาที
“มานี่” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวกับเด็กน้อยสามคนที่อยู่ข้างหลังเขา
เด็กน้อยสามคนไม่กล้าเดินเข้ามา
อวี๋หวันเดินเข้ามา
ไอ้หยาๆ! ท่านแม่จะเห็นพวกเขาแล้ว!
เด็กน้อยทั้งสามรีบเอามืออวบอ้วนปิดบังใบหน้าเล็กๆ ของพวกเขาทันที
อวี๋หวั่นหัวเราะคิกๆ นั่งยองๆ ดึงเอามือเล็กๆ ของพวกเขาออก “ไม่ได้เจอแม่มานานเช่นนี้ ก็เขินแล้วหรือ? มาให้แม่ดูซิ พวกเจ้าผอมไปหรือไม่?”
ถูกคนลักพาตัวมาตลอดทาง คิดแล้วคงทุกข์ทรมานไม่น้อย ต้อง…
เอ่อ…
ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นกว่าเดิม…
เด็กน้อยทั้งสามซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดา เขินอายอย่างยิ่ง!
อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ติดตามเธอมาโดยตลอด เดิมทีเธอคิดถึงพวกเขามาก ยามนี้ได้พบหน้า ทั้งยังปลอดภัยดี ช่างเป็นความโชคดีในความโชคร้ายเสียจริง อวี๋หวั่นกอดเด็กน้อยทั้งสามแน่น สูดดมกลิ่นนมจางๆ ที่ติดตัวพวกเขา “ไม่เป็นไรก็ดีๆ”
ท่านแม่ดีที่สุด!
ไข่ดำทั้งสามยื่นมือเล็กๆ ออกมากอดคอมารดา ถูไปมาอย่างเชื่อฟัง
เสี่ยวเป่ากล่าวอย่างร่าเริง “เสี่ยวเป่าคิดถึงท่านแม่”
เอ้อร์เป่าก็พูดเบาๆ ว่า “เอ้อร์เป่าก็คิดถึงท่านแม่ คิดถึงทั้งวันทั้งคืน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว!”
ต้าเป่าพยักหน้า ต้าเป่าก็คิดถึงเหมือนกัน! คิดถึงมากๆๆ!
“ฮึ” คุณชายผู้หนึ่งทำเสียงฮึดฮัด คิดถึงก็ไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะออกมา เจ้าเด็กช่างประจบ!
เรื่องที่เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์กับไข่ดำทั้งสามอาศัยอยู่ที่จวนสกุลเวินไม่อาจปิดบังฮูหยินรองได้ อวี๋หวั่นขอให้ฮูหยินรองไปตามหาวัตถุดิบยามาสองสามอย่าง ยามที่ฮูหยินรองกลับมาพร้อมกับวัตถุดิบยา บังเอิญพบไข่ดำทั้งสามนั่งบนธรณีประตู สองมือยกขวดนมเล็กดื่มพอดี
นี่ก็ดึกมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะแสงเทียน นางก็เกือบคิดว่าขวดนมลอยอยู่กลางอากาศในความมืด ไม่แปลกที่นางจะคิดเช่นนั้น เพราะทั้งสามก็…ก็…ดำไปจริงๆ
ทว่าดำก็ดำขึ้นเล็กน้อย แต่รูปลักษณ์กลับเป็นเลิศ ดวงตาสีดำกลมโตราวกับองุ่น เรียวคิ้วเล็กๆ ที่กล้าหาญนั้น ช่างงดงามเกินกว่าจะบรรยาย
ทั้งยัง…เป็นแฝดสามอีก ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน!
“เป็นบุตรของอาหวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉา”
ต๋าหว่าเดินมาด้านหลังฮูหยินรอง
ฮูหยินรองหันตัวกลับไปมอง ลดตาลง ก้มหัวเล็กน้อย นับเป็นการทักทาย
“ยาของอาหวั่นหรือ? เอามาให้ข้าเถอะ เจ้าเหนื่อยแล้ว” ต๋าหว่ายื่นมือไปหยิบยาในมือของนาง
ฮูหยินรองมอบวัตถุดิบยาแก่เขา ตามหลักเหตุผล เมื่อมอบของแล้วก็ควรจากไป แต่นางก็อดที่จะเหลือบมองเด็กๆ อีกไม่ได้ และกล่าวด้วยความอิจฉาที่ยากจะระงับ “อาหวั่นมีบุตรแล้ว บุตรสามคนหาได้น้อยนัก ทั้งยังเติบโตได้ดูดีเช่นนี้”
ไข่ดำน้อยทั้งสาม อวบอ้วน แข็งแรง ราวกับจามรีน้อย ช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก
ต๋าหว่าก็เพิ่งทราบว่าตัวประกันที่ราชินีแม่มดจับตัวไปนั้น เป็นมารดากับบุตรของอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา บุตรชายสามคน กล่าวตามตรง แม้แต่บุรุษโสดอย่างเขาก็ยังอดอิจฉาไม่ได้
ฮูหยินรองไม่ใช่คนที่ชอบการแสดงสีหน้าสุขทุกข์ ทว่าคราวนี้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาที่ไม่อาจปกปิด
ฮูหยินรองเอ่ยแผ่วเบา “นายท่านรองคงรู้ว่า ข้าก็เคยมีบุตรมาก่อน”
“หือ? อื้อ” เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ฮูหยินรองเนี่ยหวั่นโหรว ตั้งครรภ์เลือดเนื้อของเวินซวี่ตั้งแต่ปีแรกที่แต่งเข้าจวนสกุลเวิน น่าเสียดายที่ครรภ์นั้นถูกอนุภรรยาคนหนึ่งของเวินซวี่ทำร้าย จนกระทั่งชีพจรในครรภ์ไม่อาจหวนกลับ ถึงได้พบว่ามิใช่เพียงหนึ่ง แต่มีถึงสาม
ไม่แปลกที่นางมีสีหน้าเศร้าหมองยามเห็นเด็กน้อยทั้งสาม หากบุตรของนางยังมีชีวิตอยู่ นางจะเลี้ยงดูพวกเขาเป็นอย่างดีแน่
บุตรในครรภ์จากไป ทว่าเวินซวี่ก็ไม่ได้ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างรุนแรง ฮูหยินรองผิดหวังกับเวินซวี่ แต่หากกล่าวว่าหมดสิ้นเยื่อใยก็ยังไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ไม่นานหลังจากนั้น อนุภรรยาผู้นั้นก็ลื่นล้มตกบันไดลงมาในวันที่ฝนตก ศีรษะกระแทกจนสิ้นใจ ทว่าเวินซวี่เชื่อว่าฮูหยินรองจงใจฆ่านางเพราะต้องการแก้แค้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยายามนี้จึงมาถึงจุดสิ้นสุด
“ไอ้สารเลวนั่น!” เมื่อต๋าหว่าตะโกนด่าจบ ก็เห็นฮูหยินรองมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงรีบร้อนเปลี่ยนคำพูด “ข้าหมายถึง…ข้ามันไอ้สารเลว! ยามนั้นข้าช่างโง่เขลาเบาปัญญา!”
ฮูหยินรองยิ้มอย่างขมขื่น หันกลับไปมองไข่ดำทั้งสามที่กำลังดื่มนมต่อไป
ต๋าหว่ามองตามสายตาของนาง กระแอมเล็กน้อย “ที่จริงแล้วเจ้าไม่ต้องอิจฉาหรอก เจ้ายังเด็ก ตั้งครรภ์อีกครั้งก็ได้!”
ทันทีที่พูดจบ ต๋าหว่าก็รู้สึกเสียใจ
เวินซวี่ตัวจริงตายไปแล้ว ฮูหยินรองจะไปมีบุตรกับผู้ใดละ?
นางคงไม่คิดว่าคำพูดเมื่อครู่ หมายถึงมีบุตรกับเขากระมัง?
ฟ้าดินเป็นพยาน! เขาไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลย!
เสี่ยวเป่าดื่มนมเสร็จ ก็หยิบขวดนมลุกขึ้น กลับไม่ระวังสะดุดล้มเข้า
ฮูหยินรองตกใจใบหน้าถอดสี ยื่นมือออกไปหาเสี่ยวเป่าด้วยสัญชาตญาณ อวี๋หวั่นเดินออกมาแล้วกล่าวกับเสี่ยวเป่าที่หกล้ม “ลุกขึ้นมาเอง”
เสี่ยวเป่าลุกขึ้นด้วยตนเองและเดินไปหาอวี๋หวั่น เขาชูขวดนมเล็กๆ ที่ดื่มจนหมดให้อวี๋หวั่นดู
ไม่บอบบางเลยแม้แต่น้อย!
ฮูหยินรองหลับตาเผยรอยยิ้มโดดเดี่ยว ถอนมือกลับ “นายท่านรอง ข้าขอตัวกลับก่อน”
“ข้าไปส่งเจ้าเอง!” ต๋าหว่าเดินตามไป ส่งนางกลับห้องของตน
ฮูหยินรองเข้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ภายในห้อง
ต๋าหว่าลังเลครู่หนึ่ง คิดจะจากไป ทันใดนั้น หงอวี้ก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดขนม เมื่อเห็นเขาก็รีบคุกเข่าลงและกล่าวว่า “นายท่านรองมาแล้ว คืนนี้นายท่านรองจะพักที่นี่หรือไม่?”
ต๋าหว่าตผงะ
หงอวี้คลี่ยิ้ม “ข้าจะไปเตรียมน้ำ”
ต๋าหว่าตื่นตระหนกลนลาน “ไม่ใช่ ข้า…ข้า…”
…………………………………………