ตำหนักราชินีแม่มด
ราชินีแม่มดนั่งอยู่หน้าบานหน้าต่าง บีบเชือกร้อยหินโมราวงหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอย แสงสีส้มแดงยามสนธยาที่ตัดกันตกกระทบหินโมราระยิบระยับพร่างพราว
“องค์ราชินี องค์ราชินี องค์ราชินี!”
หงหลวนเรียกหานาง
ราชินีแม่มดได้สติกลับมา นางเก็บสร้อยหินโมราในมือลงอย่างแนบเนียน สลัดใบหน้าอันไร้สติ หันกลับมาถามอย่างเยือกเย็นและสง่างาม “มีเรื่องอันใด?”
หงหลวนกล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่มาถึงแล้วเพคะ”
“ให้เขาเข้ามา” ราชินีแม่มดกล่าว
“เพคะ” หงหลวนถอยออกไป เชิญผู้อาวุโสใหญ่เข้ามาในห้องโถง
ราชินีแม่มดเก็บสร้อยหินโมราลงในกล่องเครื่องประทินผิว และลุกขึ้นเดินไปกลางโถง
“องค์ราชินีแม่มด” ผู้อาวุโสใหญ่ยกมือคำนับ
“ท่านปู่ไม่ต้องมากพิธี ท่านมาที่นี่ในเวลานี้มีเรื่องอันใด? ท่านพบเบาะแสของหวั่นโหรวแล้วหรือ?” ราชินีแม่มดถาม
ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหัว “คนที่ส่งไปยังไม่มีผู้ใดกลับมา”
ราชินีแม่มดขมวดคิ้วอันเมื่อยล้า “ล้วนต้องโทษคนพวกนั้นที่ไม่ดูให้ดี ข้าให้พวกเขายิงเวินซวี่ตัวปลอม ผู้ใดให้พวกเขายิงหวั่นโหรวละ?”
หวั่นโหรวไม่ได้เป็นเพียงสะใภ้สกุลเวิน แต่ยังเป็นบุตรีอันเป็นที่รักของผู้อาวุโสสามด้วย ผู้อาวุโสสามมีบุตรีจากภรรยาเอกเพียงคนเดียว ยามนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เข้าจวนสกุลเวิน บัดนี้สำเร็จแต่กลับมาถูกองครักษ์ยิงตาย!
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสสามช่วยเหลือเรามากมาย ผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสเจ็ดก็ต้องดูสีหน้าเขา ถึงได้มาเข้าร่วมกับเรา หาก…” ราชินีแม่มดขมวดคิ้วไม่พูดอะไรต่อ
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว “พวกเขาสังหารพลาด เดิมทีตั้งใจจะยิงเวินซวี่ตัวปลอม ผู้ใดจะรู้ว่าหวั่นโหรวจะผลักเขาออก แล้ว…”
“แล้วอันใด?” ราชินีแม่มดเอามือที่จับคิ้วออกอย่างเย็นชา “นางยังรับลูกธนูแทนเวินซวี่อีกหรือ? ความสัมพันธ์ของนางกับซวี่เอ๋อร์ ท่านไม่รู้หรือ? แปดส่วนนางคงรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายนานแล้ว ยังคบหาช่วยเหลืออีกฝ่ายปิดบัง! ช่างกล้านัก! สมควรแล้วที่ชีวิตจบลงเช่นนี้!”
แม้เวินซวี่จะชั่วช้า แต่ก็เป็นเลือดเนื้อสกุลเวิน ผู้อาวุโสใหญ่และราชินีรักเขามาก ดูจากสถานการณ์ยามนี้ เวินซวี่คงถูกพวกนั้นสังหารอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานีไปแล้ว พวกเขาเพียงต้องการถอดหลังแล่กระดูกคนพวกนั้นให้สาสม!
เนี่ยหวั่นโหรวเป็นภรรยาของเวินซวี่ ไม่เพียงแต่ไม่เปิดโปง ยังไปกับพวกเขาด้วย ไม่ต้องพูดถึงว่านางถูกยิงตาย ต่อให้ไม่ตาย ราชินีแม่มดจะมอบความตายให้นางเอง!
ราชินีแม่มดกล่าวอย่างเฉยเมย “นางตายไปก็ไม่น่าเสียดาย เพียงแต่ไม่ต้องการให้กระทบความสัมพันธ์ของเรากับผู้อาวุโสสาม”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว “เรื่องนี้เจ้าอย่าได้กังวล ข้าได้ให้คนอำพรางบอกว่าเป็นคนกลุ่มนั้นสังหารแล้ว”
“เขาเชื่อหรือ?” ราชินีแม่มดรู้สึกว่าผู้อาวุโสสามไม่ได้หลอกล่อง่ายดายเช่นนั้น
ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างมั่นใจ “ไม่เชื่อได้หรือ? เดิมทีเขาก็สงสัยสายสืบกลุ่มนั้นอยู่แล้ว มีหรือจะไม่เชื่อพันธมิตรที่ลงเรือลำเดียวกับเขามานานหลายปี? อีกอย่างเราก็เป็นบ้านเขย! ข้ากล้าเดิมพันว่าหวั่นโหรวไม่ได้บอกความจริงเรื่องเวินซวี่ตัวปลอมกับเขา เขาไม่มีทางรู้เรื่องราวของทั้งสองแน่”
ราชินีแม่มดกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นก็ดี ผู้อาวุโสสามรู้เรื่องของเรามากเกินไป ทั้งยังเกี่ยวกับผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสเจ็ด หากไม่ใช่หนทางสุดท้าย ข้าไม่อยากกำจัดเขา”
“เอาละ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ผู้อาวุโสสาม ข้าจะติดตามอย่างใกล้ชิด เรื่องของหลัวช่าวิญญาณเป็นเช่นไรแล้ว?” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
ราชินีแม่มดกระตุกคิ้ว พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ใกล้สำเร็จแล้ว”
“โอ้?” ผู้อาวุโสใหญ่มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย
ราชินีแม่มดยิ้มและกล่าวว่า “หลัวช่าวิญญาณอยู่ในช่วงสุดท้ายแห่งการตื่น ยาที่มันต้องการ ข้าได้ส่งคนไปหาแล้ว วันนี้ก็จะได้มาแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่คัดค้านราชินีในการปล่อยหลัวช่าวิญญาณ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ กลับอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอดูพลังของหลัวช่าวิญญาณ คงเป็นเพราะสัญชาตญาณการเคารพบูชาในผู้ที่แข็งแกร่ง
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว “เช่นนั้น…หลัวช่าวิญญาณก็จะเป็นจริงในไม่ช้าแล้ว?”
ราชินีแม่มดกล่าว “ใช่ หลังจากหลัวช่าวิญญาณออกจากการบำเพ็ญแล้ว ต่อให้ผู้อาวุโสสามจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเนี่ยหวั่นโหรว เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ก็แค่ผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คน ไม่พอจะหยิกหลัวช่าวิญญาณด้วยซ้ำ!”
…
“ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้”
ในเรือนเล็ก ผู้อาวุโสสามกางแผนที่เผ่าพ่อมด และวงกลมสีแดงสามจุดลงบนนั้นด้วยชาด
“พวกนี้คือร้านยาที่ราชินีแม่มดไปหรือ?” โจวอวี่เยี่ยนถาม
“ถูกต้อง” ผู้อาวุโสสามพยักหน้า เหลือบมองโจวอวี่เยี่ยนและต๋าหว่า ก่อนจะมองราชาพ่อมดที่กำลังกินผิงกั่ว(แอปเปิ้ล)อย่างใจเย็น ภายนอกราชาพ่อมดไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด แต่เขากลับรู้สึกว่าหูของราชาพ่อมดกำลังรับฟังอย่างตั้งใจ
เขาติดค้างราชาพ่อมดไว้มาก ราชาพ่อมดไม่ได้ตามเอาผิดกับเขา กลับยังช่วยเหลือบุตรีของเขาอีก เขาละอายใจอย่างยิ่ง การวางอุบายล้มราชินีแม่มดต่อหน้าราชาพ่อมด มีหรือจะมิใช่การแสดงความจริงใจและความซาบซึ้งของตนต่อราชาพ่อมด?
ผู้อาวุโสสามเข้าใจผิด ราชาพ่อมดดูเหมือนไม่สนใจเขา แต่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้สนใจจริงๆ ราชาพ่อมดกำลังคิดว่าเย็นนี้จะให้ชายชราแซ่เป้านั้นทำสิ่งใดให้ดี ดูเหมือนบุตรชายจะชอบกินมันฝรั่งแผ่นผัดพริกหยวก แต่เขาชอบกินไข่ผัดพริกหยวก บุตรชายชอบแกงเต้าหู้ปลาจี้อวี๋ แต่เขาอยากกินปลาจี้อวี๋ราดน้ำปรุงรส…
เป็นบิดาที่แย่งอาหารบุตรชายช่างน่ากลัดกลุ้มนัก…
ราชาพ่อมดทอดถอนใจ
ผู้อาวุโสสามผุดเหงื่อเย็น สมแล้วที่เป็นราชาพ่อมด มองออกว่าเขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด ใช่ ราชินีแม่มดอยากจัดการพวกเขา นอกจากไปซื้อยาให้หลัวช่าวิญญาณที่ร้านยาแล้ว ก็ยังต้องไปหาวัตถุดิบยาจากร้านเครื่องเทศในหมู่บ้านด้านนอกด้วย
วัตถุดิบยานั้นไม่ใช่ของจากเผ่าพ่อมด แต่เป็นเหล้าขาวชนิดหนึ่งที่คนต่างถิ่นนำเข้ามา
พูดตามความจริง เขาก็ไม่ได้จงใจปิดบัง เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดเท่านั้น!
“แล้วก็ที่นี่” ในที่สุดผู้อาวุโสสามก็วงกลมระบุตำแหน่งร้านเครื่องเทศในหมู่บ้านด้านนอก
แต่หากไม่แย่งอาหารกับบุตรชาย แล้วท้องตนหิวจะทำอย่างไร?
ดูไปแล้วบุตรชายไม่ใช่คนจุกจิกเลือกกิน ไม่เช่นนั้นก็ขัดใจบุตรชายสักหน่อย?
แต่ข้าทำไม่ลง…
ราชาพ่อมดทอดถอนใจอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสามเหงื่อเย็นผุดทะลัก
ใช่แล้ว วัตถุดิบยาไม่ได้มีเพียงเหล้าขาว แต่ยังมีเครื่องเทศด้วย แม้แต่เรื่องนี้ ราชาพ่อมดก็ยังดูออก!
ผู้อาวุโสสามไม่กล้าลีลาอีก เขาเอ่ยชื่อเครื่องเทศ ราคาและปริมาณที่ต้องใช้ในหนึ่งลมหายใจ!
เอ๊ะ หรือว่าเป่ายิงฉุบกับบุตรชายดี! ผู้ใดชนะก็ต้องฟังผู้นั้น!
ใช่ เขาช่างมีไหวพริบจริงๆ!
ราชาพ่อมดผู้พบวิธีแก้ปัญหาในที่สุดกัดผิงกั่วต่อแล้วเดินออกไปอย่างพึงพอใจ
ผู้อาวุโสสามเหงื่อแตกพลั่ก มองตามทางที่ราชาพ่อมดจากไป
เขาเปิดเผยทุกอย่าง ราชาพ่อมดถึงได้จากไป ราชาพ่อมดเป็นบุคคลที่เลิศล้ำอย่างแท้จริง!
…
กลุ่มเยี่ยนจิ่วเฉาออกเดินทางไปวังหลวงแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาใดถึงจะกลับ แน่นอนว่าไม่อาจรอพวกเขากลับมาค่อยลงมือ นั่นจะสายเกินไป
“ข้าไปเอง!” โจวอวี่เยี่ยนพูด “ข้าจะแอบไปเปลี่ยนยาพวกนี้!”
“ข้าไปด้วย!” ต๋าหว่าบอก
“เรื่องขาดคุณธรรมเช่นนี้ พวกเจ้าก็ทำได้ลง! ยังเป็นคนอยู่หรือไม่?” ชุยเฒ่ามองพวกเขาด้วยสายตารังเกียจ หยิบขวดลายครามเล็กๆ สองสามขวดออกจากแขน โยนให้พวกเขา “หงอนกระเรียนแดง ขนาดยาสิบเท่า!”
โจวอวี่เยี่ยน “…”
ต๋าหว่า “…”
หลังจากทั้งสองรับยาพิษมาแล้ว ชุยเฒ่าก็เปลี่ยนโฉมหน้า ปลอมตัวให้ทั้งสองเป็นองครักษ์ของผู้อาวุโสใหญ่ นำเหรียญตรามาจากร่างขององครักษ์ เดินวางมาดไปตามทาง
เรื่องซื้อยาเป็นความลับ ราชินีแม่มดไม่มีทางให้คนไปอย่างเปิดเผย
ทั้งสองนั่งยองๆ หมอบอยู่นอกร้าน ส่วนผู้อาวุโสสามนั่งบนรถม้าที่ห่างไปไม่ไกล
เมื่อบุรุษหนุ่มที่แต่งตัวเป็นพ่อค้าเดินเข้าไปในร้าน ผู้อาวุโสสามก็ส่งสายตาให้ทั้งสอง
ทั้งสองเข้าใจ นี่คือสมุนของราชินีแม่มด!
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในความมืด ใช้โอกาสที่องครักษ์ไม่ทันระวัง เทยาพิษหงอนกระเรียนแดงลงในเหล้าขาว
ขนาดยาสิบเท่า ต่อให้เป็นหลัวช่าวิญญาณก็ไม่ปลอดภัย!
“ตายซะๆๆ!” โจวอวี่เยี่ยนหยดอีกสองสามหยด
“พอแล้วๆ หยุดได้แล้ว! เดี๋ยวคนรู้!” แม้ว่านี่จะเป็นยาพิษหงอนกระเรียนแดงที่ชุยเฒ่าปรับปรุงแล้ว ไร้สีไร้รส ทว่ากลิ่นไม่ดีนัก แม้ใช้ไม่กี่หยดจะไม่ได้กลิ่น แต่หากใช้มากเกินไปก็อาจทำให้เสียเรื่อง
โจวอวี่เยี่ยนกล่าว “เข้าใจแล้ว มิใช่เพราะข้ากังวลว่าจะฆ่ามันไม่ได้หรอกหรือ? ข้าเองก็หวังดีกับพี่เขย!”
“พี่เขย?” ต๋าหว่าตกตะลึง
โจวอวี่เยี่ยนเลิกคิ้ว “ใช่น่ะสิ! สามีของพี่หวั่นก็เป็นพี่เขยของข้าไง!”
มุมปากของต๋าหว่ากระตุก การรับญาตินี้ช่างรวดเร็วนัก!
บุรุษหนุ่มเดินไปพร้อมกับขวดสุรา ทั้งสองสบตากับผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสามเข้าใจลดม่านลง ไม่นานหลังจากบุรุษหนุ่มจากไป เขาก็นั่งรถม้าเข้าเมือง
ต๋าหว่าและโจวอวี่เยี่ยนเฝ้าอยู่ที่ประตูเมือง รอจนกว่าประตูจะปิด ถึงกลับไปที่พักอย่างวางใจ
เพียงแต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต บุรุษหนุ่มใกล้ถึงวังแล้ว กอดโถสุราหลับไป ไม่ระวังทำโถสุราตกแตกดังเพล้ง!
“ไอ้หยา แย่แล้ว เหล้าขาวไม่เหลือแล้ว! ราชินีแม่มดฆ่าข้าแน่!” บุรุษหนุ่มรีบบอกสารถีรถม้าให้เลี้ยวรถกลับไปที่ประตูเมือง
“ประตูเมืองปิดแล้ว จะออกจากเมืองค่อยมาพรุ่งนี้!”
บุรุษหนุ่มหยิบเหรียญตราออกมา
เมื่อองครักษ์เฝ้าเมืองเห็นป้ายคำสั่งของราชินีแม่มด ก็ตกใจรีบเปิดประตูเมือง
บุรุษหนุ่มกลับไปที่ร้านขายสุรา กังวลว่าระหว่างทางจะตกแตกอีก จึงสั่งมาทีเดียวถึงสามโถ
“กันไว้ดีกว่าแก้!” บุรุษตบโถสุรา หันกลับไปจ่ายเงิน
“ท่านแม่ ปวดฉี่!”
เสี่ยวเป่าพูดพร้อมเอามือกุมเป้า
เสี่ยวเป่าที่กินดื่มจนอิ่มหนำปวดฉี่ขึ้นมาระหว่างทาง
“แต่ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ” อวี๋หวั่นพูดอย่างลำบากใจ
เสี่ยวเป่ากุมเป้ากระโดด “เสี่ยวเป่าจะฉี่แล้ว! จะฉี่ราดแล้ว!”
“เอ่อ…ก็ได้ แม่จะพาเจ้าไปถามทางนั้นดู” อวี๋หวั่นพาเสี่ยวเป่าไปที่ร้านขายสุรา “เถ้าแก่ ขอเข้าห้องน้ำสักหน่อยได้หรือไม่?”
เจ้าของร้านชี้ไปอย่างไม่ใส่ใจ
อวี๋หวั่นพาเสี่ยวเป่าเดินไป
แต่ในห้องน้ำกลับมีคนอยู่
เสี่ยวเป่ากุมเป้ากระโดดอีกครั้ง “ข้าๆๆๆ…ข้าอั้นไม่ไหวแล้ว!”
………………………