หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 543 เป็นพ่อคนแล้ว

บทที่ 543 เป็นพ่อคนแล้ว

ทำไมอยู่ๆ เธอถึงมีพ่อเพิ่มมาอีกคนซะแล้วละ

กลิ่นอายรุนแรงของหลัวช่าวิญญาณแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเยี่ยนจิ่วเฉา ถ้าหากไม่ใช่เพราะสีหน้าจริงจังของเขา อวี๋หวั่นก็คงคิดว่าเธอฟังผิดไป

ทันทีที่กลายเป็นหลัวช่าวิญญาณ เยี่ยนจิ่วเฉาควรจะฆ่าเธอไม่ใช่หรือ? ทำไมอยู่ๆ ถึงกลายมาเป็นพ่อเธอได้

อวี๋หวั่นยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ไม่ใช่สิ คงไม่ใช่หรอก

ทุกคนซึ่งเมื่อครู่ถูกหลัวช่าวิญญาณคนใหม่กำราบต่างก็ตะลึงงันไปตามกัน

ไหนบอกว่าหลัวช่าวิญญาณฆ่าไม่เลือกหน้า? แต่กลับจำลูกของตนเองได้?

เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังอวี๋หวั่นซึ่งกำลังยืนนิ่งด้วยความสับสน เขาหรี่ตา แล้วพูดว่า  เป็นอะไร พ่อทำให้เจ้ากลัวหรือ? 

อวี๋หวั่นพยักหน้า เมื่อเห็นว่าทันใดนั้นจิตสังหารก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉา เธอก็รีบส่ายหัว!

คิดไม่ถึงว่าจิตสังหารของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่เพียงไม่ลดลง แต่ยังปะทุเพิ่มขึ้นด้วย อวี๋หวั่นคิดว่าถ้าหากเธอพูดผิดไปอีกคำเดียว หมอนี่คงไม่ปล่อยให้เธอรอดอย่างแน่นอน

เพราะท่านพ่อคนนี้ก็ดูเป็นคนที่ดุสุดๆ

เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองอิ่งสือซันและคนอื่นๆ  เจ้าอยากไปกับพวกเขาหรือ? 

 ตอนนี้ไม่อยากแล้ว  อวี๋หวั่นตอบอย่างสัตย์จริง

 แสดงว่าเมื่อครู่อยากไป?  เยี่ยนจิ่วเฉาถามด้วยความเคลือบแคลงใจ

อ๋า!

เจ้าพ่อบ้า เอาใจยากจริงๆ!

แต่ว่าสิ่งที่เธอควรสนใจตอนนี้คือทำไมเขาถึงกลายเป็นท่านพ่อของเธอได้ไม่ใช่หรือ?

อวี๋หวั่นพูดตะกุกตะกักว่า  ข้าคิดว่า… 

 หืม?  เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังอวี๋หวั่นด้วยสายตาแข็งกร้าวราวกับพญามัจจุราช

อวี๋หวั่นยอมแพ้ และตัดสินใจจะโน้มน้าวให้เขาเข้าไปในห้อง

อวี๋หวั่นเข้าไปกอดแขนเขา ยิ้มกว้าง แล้วบอกเขาว่า  เอาละสามี ท่านเข้าไปในห้องก่อนเถิด 

 เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ  เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถาม

อวี๋หวั่นตัวแข็งไป สีหน้าของเธอแลดูลนลาน แล้วจึงตอบไปว่า  ท่านพ่อ…ท่านพ่อเข้าไปรอในห้องก่อนนะเจ้าคะ ลูก… ลูกจะไปชงชาให้! 

สีหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาจึงดีขึ้นมาสักหน่อย จากนั้นก็ถูกอวี๋หวั่นดันจนเดินเข้าไปในห้องของตน

หลังจากที่อวี๋หวั่นส่งเขาเข้าไปข้างใน เธอก็ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง

ใต้เท้า ‘หลัวช่าวิญญาณ’ เยี่ยนเห็นว่าลูกสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างประจบประแจง ก็แค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วเดินเข้าไปด้านใน

อวี๋หวั่นปิดประตูให้เขาเบาๆ จากนั้นก็รีบสาวเท้าออกมานอกห้อง แล้วพยุงราชาพ่อมดและอิ่งสือซันขึ้นมา  พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง 

ทั้งสามคนได้สติ อิ่งสือซันยกมือกดลงบนหน้าอกซึ่งรู้สึกปวดหนึบ  ข้าไม่เป็นไร อิ่งลิ่วละขอรับ? 

 แค่ปวดหัวนิดหน่อย  อิ่งลิ่วเดินกุมศีรษะเข้ามา

อวี๋หวั่นมองไปยังราชาพ่อมดอีกครั้ง ราชาพ่อมดกดขมับ แล้วบอกว่า  ข้าไม่เป็นไร 

ทันทีที่พูดจบ ขาสองข้างของเขาก็อ่อนยวบ ล้มลงกับพื้น โชคดีที่อิ่งสือซันเข้ามาพยุงเขาได้ทันเวลา

อิ่งสือซันประคองเขาไปนั่งบนม้าหิน

อวี๋หวั่นพาโจวจิ่นมา อาจเป็นเพราะเยี่ยนจิ่วเฉามิเห็นเด็กคนหนึ่งอยู่ในสายตา อาการบาดเจ็บของโจวจิ่นจึงดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย เพียงแต่…เมื่อครู่ยืนอยู่กับที่นานไปหน่อย ตอนนี้เท้าจึงชาไปหมด

อวี๋หวั่นจับชีพจรให้พวกเขา พวกเขาทุกคนบาดเจ็บภายในเล็กน้อย

 กินยาก่อนเถิด  อวี๋หวั่นหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา

ทุกคนกินยาเข้าไป

โจวจิ่นก็ยื่นมือออกมารอรับยา

อวี๋หวั่นจึงบอกว่า  เจ้าไม่จำเป็นต้องกิน ยานี่เด็กไม่ควรกิน ประเดี๋ยวข้าจะไปต้มยาให้เจ้าดื่ม 

โจวจิ่นพยักหน้า

แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะเข้าไปในห้องแล้ว ทว่าความรู้สึกในใจของพวกเขายังคงซับซ้อน เดิมทีคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่รอด สุดท้ายเขากลับมีชีวิตรอดมาได้ พวกเขาควรจะดีใจ แต่ว่า…เขากลายเป็นหลัวช่าวิญญาณนี่สิ

อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะกลายเป็นหลัวช่าวิญญาณแล้ว ก็ไม่ยักเหมือนกับที่จินตนาการไว้

อิ่งลิ่วจับลำคอของตนเอง แล้วพูดด้วยท่าทางเซ่อซ่าว่า  ข้ายังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม? 

โจวจิ่นเหลือบมองเขาด้วยสายตาประหนึ่งกำลังมองคนติงต๊อง

อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว แล้วถามว่า  จะว่าไป เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เขาเป็นหลัวช่าวิญญาณหรือ? 

 ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด  ราชาพ่อมดตอบ

 หมายความว่าอย่างไร  อวี๋หวั่นถามเขา

ราชาพ่อมดอธิบายว่า  ในตัวของเขามีพลังของหลัวช่าวิญญาณ แต่เขาไม่ได้มีจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณ 

เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ถ้าหากเยี่ยนจิ่วเฉามีจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณจริง เช่นนั้นสิ่งแรกที่เขาทำก็ย่อมต้องเป็นการเปิดฉากสังหารหมู่และกลืนกินราชาพ่อมดกับโจวจิ่นอย่างแน่นอน

 ข้าว่าพลังเวทของข้ากับโจวจิ่นนั้นได้ผล เพียงแต่ว่าพวกมันขจัดจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณ แต่กลับไม่ได้ทำลายพลังไป พลังของมัน…คงจะถูกร่างของเยี่ยนจิ่วเฉาดูดซับเอาไว้  กล่าวมาถึงตรงนี้ ราชาพ่อมดก็ชะงักไป แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อว่า  หรือจะพูดอีกอย่างว่า เขากลืนกินหลัวช่าวิญญาณไปแล้ว แต่กลืนกินเพียงพลัง ไม่ได้กลืนกินความทรงจำ เพราะฉะนั้นข้ากับโจวจิ่นจึงกำจัดไปเพียงจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณ 

ดูจากพลังของเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขายินยอม ราชาพ่อมดและโจวจิ่นย่อมไม่มีทางกำจัดสิ่งใดออกไปจากสมองของเขาได้ ราชาพ่อมดคิดว่า ต่อให้ตนกับโจวจิ่นไม่ได้ลงมือ เยี่ยนจิ่วเฉาก็ต้องหาวิธีกำจัดจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณด้วยตัวเอง เพียงแต่หากทำเช่นนั้นก็ต้องเปลืองแรงสักหน่อย

ราชาพ่อมดกล่าวว่า  หลัวช่าวิญญาณเชี่ยวชาญวิชาคุมวิญญาณ ไม่รู้ว่ากลืนกินวิญญาณของยอดฝีมือไปแล้วกี่คน ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะมาถูกกลืนกินเสียเอง 

เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนแรกที่กลืนกินหลัวช่าวิญญาณ ถ้าหากไม่เห็นด้วยตาของตนเอง ราชาพ่อมดก็คงไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง

อวี๋หวั่นและคนอื่นๆ ยอมรับเรื่องนี้ได้มากกว่าราชาพ่อมด อย่างไรเสียก่อนที่จะกลืนกินหลัวช่าวิญญาณ ใครบางคนก็เคยดูดซับพลังของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจมาแล้ว ดังภาษิตที่ว่าแรกพบเป็นคนแปลกหน้า พบกันครั้งที่สองเป็นคนรู้จัก…ครั้งที่สามสี่อาจถูกกิน

อวี๋หวั่นร่ำไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก เมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ จึงถามราชาพ่อมดว่า  แล้วเกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของเขาหรือ 

 นั่นสิ คุณชายจำพวกเราไม่ได้ จำได้แค่ฮูหยินน้อยคนเดียว แต่ว่า…  อิ่งลิ่วพูดมาถึงตรงนี้ก็กระแอมด้วยสีหน้ากระดากใจ

 แต่คิดว่าตัวเองเป็นท่านพ่อของข้า!  อวี๋หวั่นต่อประโยคของอิ่งลิ่วจนจบ กล่าวตามตรง อันที่จริงเธอเองก็ยังสับสน อยู่ดีๆ ทำไมเยี่ยนจิ่วเฉาถึงได้กลายเป็นท่านพ่อของเธอไปได้ เรื่องนี้น่าประหลาดใจเสียยิ่งกว่าเขากลายเป็นหลัวช่าวิญญาณเสียอีก

ราชาพ่อมดเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า  ข้าคิดว่า…เรื่องนี้เกิดจากผลข้างเคียงของการกำจัดจิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณ 

เยี่ยนจิ่วเฉากลืนกินหลัวช่าวิญญาณ แต่หลัวช่าวิญญาณก็กลืนกินยอดฝีมือไปนับไม่ถ้วน จิตสำนึกของหลัวช่าวิญญาณถูกขจัดไป แต่จิตสำนึกของยอดฝีมือเหล่านั้นไม่ได้หายไปด้วย ทำให้ความทรงจำของเยี่ยนจิ่วเฉาเริ่มยุ่งเหยิง เขาอาจคิดว่าตนเองเป็นยอดฝีมือคนไหนสักคนที่ถูกหลัวช่าวิญญาณกลืนกินไป

ราชาพ่อมดถอนหายใจ  หลัวช่าวิญญาณกลืนกินเหล่ายอดฝีมือไปมาก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนไหน 

อวี๋หวั่นจึงถามว่า  พวกเราบอกเรื่องนี้กับเขาได้หรือไม่? 

ราชาพ่อมดส่ายหน้า  ด้วยอาการของเขาในตอนนี้ ไม่ควรมีสิ่งใดไปกระตุ้น 

ดวงตากลมรูปผลซิ่งของอวี๋หวั่นเบิกกว้าง  เขาจะคลุ้มคลั่งหรือ? 

ราชาพ่อมดมีสีหน้าเคร่งขรึม  เขาจะฆ่าคน 

อวี๋หวั่น  … 

……

อวี๋หวั่นกลับห้องไปอีกครั้ง พร้อมกับโจ๊กลำไยและพุทราที่เธอลงมือต้มด้วยตัวเอง

 เอ…จะต้องนำไปให้คุณชายจริงๆ หรือขอรับ?  อิ่งสือซันถามด้วยความลังเล

อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วมองหน้ากัน พวกข้าไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำร้ายท่าน แค่กลัวว่าโจ๊กของท่านจะไปทำร้ายเขาต่างหาก…

อวี๋หวั่นยกโจ๊กเข้าไปในห้อง

ดูเอาก็แล้วกัน ขนาดเขากลายเป็นปีศาจร้าย เธอยังคอยดูแลเขาไม่มีขาดตกบกพร่อง เธอนี่ช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียจริง!

เยี่ยนจิ่วเฉาต่อสู้มาทั้งคืน เขาเหนื่อยล้าเต็มที แต่ก็นอนไม่หลับ จึงลุกมานั่งที่เก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

 อะแฮ่ม  อวี๋หวั่นกระแอมแรงๆ ครั้งหนึ่ง

ทันทีที่เยี่ยนจิ่วเฉาเห็นเธอ สีหน้าเย็นชาก็หายไปชั่วขณะ แต่ไม่ทันไรก็กลับมาเป็นดังเดิม  ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ไม่คิดจะเรียกพ่อเลยหรือ? 

ท่านป่วยท่านก็พูดได้สิ!

อวี๋หวั่นกัดฟันกรอด เธออยากจะตบกะโหลกตัวเองจริงๆ ที่เมื่อคืนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร!

 ท่านพ่อ~  อวี๋หวั่นฝืนยิ้มเดินเข้าไปวางถาดลงบนโต๊ะ  ท่านคงหิวแล้วใช่ไหมละ? 

 หืม?  เยี่ยนจิ่วเฉาลากเสียงยาว

อวี๋หวั่นกัดฟัน แล้วยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวานว่า  ท่านคงหิวแล้วใช่ไหมเจ้าคะ? ข้า…ลูกเลยต้มโจ๊กมาให้ ท่านพ่อกินตอนร้อนๆ สิเจ้าคะ 

เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ ‘อืม’ แล้วจึงยกโจ๊กขึ้นมาชิม

อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันยืนรออยู่ด้วยความวิตก เผื่อว่าโจ๊กรสชาติแย่จนคุณชายเกิดโทสะ คิดฆ่าคนขึ้นมา พวกเขาจะได้ช่วยฮูหยินน้อยออกมาได้ทัน

ไหนเลยจะรู้ว่าคุณชายไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากินโจ๊กปริมาณสำหรับห้าคนจนหมดราวกับไม่มีอะไรตกถึงท้องมาแปดชาติ

 อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?  อิ่งลิ่วเดินไปตักโจ๊กซึ่งเหลืออยู่ในหม้อมาจากห้องครัว ทันทีที่กินเข้าไป เขาแทบเป็นลม จนต้องบ้วนออกมา และทรุดลงไปบนพื้น…

เยี่ยนจิ่วเฉาวางชามโจ๊กกลับใส่ถาด อวี๋หวั่นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอก้มหน้ามองหน้าท้องนูน เมื่อสัมผัสได้ว่าสายตาของเยี่ยนจิ่วเฉามาหยุดอยู่ที่ท้องของตน อวี๋หวั่นก็เงยหน้าขึ้นมา เธอกำลังลังเลว่าจะบอกเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไรเรื่องลูกในท้องโดยที่ไม่กระตุ้นโทสะของเขา  ข้า… 

เยี่ยนจิ่วเฉาโบกมืออย่างไม่ยี่หระ  ไม่ต้องพูดหรอก ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ได้ท้อง เจ้าแค่อ้วน 

อวี๋หวั่น  …!! 

…………………….

 

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท