ราชาพ่อมดพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เงียบไป
หัวใจของทุกคนหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
รีบพูดมาเร็ว!
สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น? พลังของหลัวช่าวิญญาณในร่างของคุณชายถูกขจัดไปแล้วหรือยัง?
ถ้าหากถูกขจัดไปแล้ว แล้วคุณชายจะมีเวลาอีกเท่าใด
ราชาพ่อมดเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาหวังว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่อาจทนดูเยี่ยนจิ่วเฉามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการเป็นหลัวช่าวิญญาณได้ นั่นต่างอะไรกับผีดิบกัน?
ข้าบอกเองก็แล้วกัน โจวจิ่นถอนหายใจด้วยท่าทางราวกับผู้ใหญ่ ในร่างของเขาไม่มีกลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณแล้ว พวกท่านเข้าไปบอกลาเขาเถิด
ไม่มีกลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณ ก็หมายความว่าเขาจะไม่กลายเป็นร่างของหลัวช่าวิญญาณ และก็หมายความว่าเขาก็จะทนรับพลังของเหล่ายอดฝีมือที่หลัวช่าวิญญาณกลืนกินไปไม่ได้
เขาอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ โจวจิ่นบอก
ทั้งสามคนหน้าถอดสีในทันใด
ผิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปก็หน้าถอดสีเช่นกัน นางเห็นว่าทั้งสามมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงเดาว่าคุณชายอาการไม่ดี แต่ไม่คิดว่าจะแย่ถึงเพียงนี้ คุณชายเหลือเวลาแค่คืนนี้ เหตุใดสวรรค์ถึงใจร้ายกับเขานัก?
เขายังอายุน้อย
เขาตายไป แล้วฮูหยินน้อยจะทำอย่างไร คุณชายน้อยทั้งสามจะทำอย่างไร แล้วลูกในท้องของฮูหยินน้อยเล่า?
ผิงเอ๋อร์ไม่อยากร้องไห้ แต่ทันทีที่เห็นอวี๋หวั่นน้ำตาไหลอาบข้างแก้ม นางก็ทนไม่ไหว น้ำตาหยด ‘แปะๆ’ ลงบนพื้นเช่นกัน
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปในห้องทั้งน้ำตา
ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก ท่านพ่อก็จากไปเสียแล้ว เยี่ยนเสี่ยวซื่อที่อยู่ในท้องคงจะเสียใจน่าดู
ที่นี่คือห้องของโจวจิ่น
หลังจากที่อวี๋หวั่นเข้าไป เธอก็จับมือของเยี่ยนจิ่วเฉาสักพัก แล้วหันไปบอกกับอิ่งสือซันว่า ช่วยข้าพาเขากลับห้องหน่อยได้ไหม?
อิ่งสือซันอุ้มเยี่ยนจิ่วเฉากลับไปยังห้องของอวี๋หวั่น
พ่อครัวเทพเป้านั่งพิงเสาหัวเตียงหลับไป
อิ่งลิ่วค่อยๆ อุ้มพ่อครัวเทพเป้ากลับห้อง
อิ่งสือซันวางเยี่ยนจิ่วเฉาลงบนเตียงซึ่งมีเด็กอ้วนจ้ำม่ำสามคนนอนระเกะระกะอยู่
เด็กทั้งสามยังไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อ พวกเขากำลังหลับสบาย อวี๋หวั่นจับเด็กทั้งสามจัดวางให้เข้าที่เข้าทาง เธอวางลูกสองคนไว้ในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉา อีกคนหนึ่งวางไว้บนลำตัวของเยี่ยนจิ่วเฉา
เธอนอนอยู่ข้างพวกเขา มองสี่พ่อลูกเงียบๆ
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน เมื่อผ่านคืนนี้ไป ท่านพ่อของพวกเขาก็จะไม่อยู่แล้ว
อวี๋หวั่นจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉา เธอขยับเข้าใกล้เขา ดึงฝ่ามือใหญ่ของเขาเข้ามาวางลงบนหน้าท้องนูนของเธอ
ที่อดทนมาได้ตลอดนั้นเป็นเพราะยังไม่เจ็บปวดมากพอ น้ำตาที่เหลือพอให้ใช้ในทั้งสองชีวิตคล้ายกับจะแห้งเหือดไปภายในเวลาชั่วข้ามคืน ดวงตาของอวี๋หวั่นบวมเป่ง ทว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ เพียงแค่คิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะมีชีวิตอยู่ภายในคืนนี้ หัวใจของเธอก็แทบแหลกสลายลงในพริบตา
ไม่เคยรู้สึกเสียใจเช่นนี้มาก่อน
เขาเคยทำให้เธอโมโหแทบตาย แต่ตอนนี้เธอกลับยอมให้เขายั่วโมโหอีกสักพันครั้งหมื่นครั้ง ยอมใช้ชีวิตของเธอเข้าแลกเพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ
เมื่อสูญเสียไปจึงจะรู้คุณค่า แต่แม้ว่าจะเห็นคุณค่ามาตลอดก็ยังไม่อาจแบกรับความทุกข์ยามที่ต้องลาจาก
เยี่ยนจิ่วเฉา…เจ้าบ้า…
เธอยังมีสิ่งที่อยากบอก แต่ไม่ทันได้บอกกับเขา ยังมีอีกหลายคำ ที่เธอยังไม่ได้ยินเขาพูด
แค่บอกชอบข้าก็ยังไม่เคยพูดสักครั้ง เจ้าบ้า!
อวี๋หวั่นซบศีรษะกับไหล่ของเขา ร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ
เยี่ยนจิ่วเฉา…ข้าเสียใจ…
เสียใจที่ไม่ตัดสินใจให้ท่านกลายเป็นหลัวช่าวิญญาญ…
ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นหลัวช่าวิญญาณก็คงไม่เป็นไรกระมัง?
……
ยามแสงส่องเรืองรองบนเส้นของฟ้า ราชาพ่อมดก็มาถึงห้องของอวี๋หวั่น อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าระเบียงทั้งคืน พวกเขาตาบวมเป่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ราชาพ่อมดไม่ได้พูดอะไร
โจวจิ่นเดิมตามอยู่ด้านหลังเขา
ราชาพ่อมดเหลือบมองโจวจิ่ว เขายกมือขึ้นมาพลางทอดถอนใจ แล้วเคาะประตูเบาๆ
ชีพจรของเยี่ยนจิ่วเฉาหายไปตั้งแต่ยามจื่อ
อวี๋หวั่นและลูกๆ อยู่กับเขาจนวาระสุดท้ายของชีวิต
เมื่อประตูห้องเปิดออก อวี๋หวั่นได้เปลี่ยนเป็นชุดสีขาว เขากับโจวจิ่นก็เปลี่ยนแล้วเช่นกัน ชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉาคงยื้อไว้ไม่ได้ สามารถมีชีวิตอยู่ถึงยามจื่อได้ก็นับว่ามหัศจรรย์มากแล้ว อีกทั้งอากาศร้อนเช่นนี้ เขากังวลว่าศพจะเน่า แต่ก็ไม่อยากให้ทั้งสองพรากจากกันเร็วนัก จึงทำได้เพียงรอจนถึงเช้า
ข้าเข้าไปได้หรือยัง? ราชาพ่อมดถาม
เขาเป็นพ่อมด เขาสามารถส่งวิญญาณผู้วายชนม์ เพื่อให้วิญญาณจากไปอย่างสงบ
อวี๋หวั่นพยักหน้า ใบหน้าของเธอซีดเผือด
ราชาพ่อมดก้าวข้ามธรณีประตูมา เมื่อนึกเรื่องหนึ่งออก จึงหันไปบอกกับโจวจิ่นว่า เจ้าไม่ต้องมาก็ได้ เรื่องบาง
เรื่อง ข้าจะสอนให้เจ้าภายหลัง
โจวจิ่นพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นว่า ข้าอยากอยู่ส่งพี่ใหญ่เยี่ยนเป็นครั้งสุดท้าย
เข้าใจแล้ว
หากเป็นคนอื่น ราชาพ่อมดคงไม่ยินยอม แต่เขาเข้าใจความรู้สึกที่โจวจิ่นมีต่อเยี่ยนจิ่วเฉาดี
ราชาพ่อมดและโจวจิ่นเข้าไปในห้อง
อวี๋หวั่นพบว่าอาการของเยี่ยนจิ่วเฉาผิดปกตั้งแต่ยามจื่อแล้ว เธอกอดเขาไว้ตลอด ใช้ความอบอุ่นของร่างกายเธอและเด็กทั้งสามทำให้เขาอุ่นขึ้น แต่แม้ว่าจะทำเช่นนั้น หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตัวของเยี่ยนจิ่วเฉาก็เย็นลง
อวี๋หวั่นรู้ดีว่าสถานการณ์ไม่อาจหวนคืนแล้ว
เอ๋? ทันใดนั้นโจวจิ่นก็ร้องขึ้นมา
มีอะไรหรือ อวี๋หวั่นถาม
พวกท่านดูสิ! โจวจิ่นจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นมา แล้วพูดกับอวี๋หวั่น
ในห้องแสงไฟรำไร อวี๋หวั่นหยิบศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ก้อนหนึ่งขึ้นมา ใช้แสงของศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์เพื่อส่องไป และทั้งสองก็ต้องตะลึงงัน
เยี่ยนจิ่วเฉาตกลงมาจากเนินเขา ร่างกายของเขาถลอกปอกเปิกจนเห็นกระดูก มือของเขามีบาดแผลมากมาย กระนั้นแล้ว ในตอนนี้มือของเขากลับเรียบเนียน ไม่เห็นแม้แต่รอยแผล!
อวี๋หวั่นรีบจับมืออีกข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาดู ก็พบว่าบาดแผลบนมืออีกข้างหนึ่งหายไปแล้ว!
อวี๋หวั่นจึงเปิดเสื้อผ้าของเขา แล้วแกะดูบาดแผลซึ่งใช้ผ้าพันไว้ รอยแผลที่หน้าอกของเขาก็หายไปแล้ว!
ปะ…เป็นไปได้อย่างไร
เธอเป็นคนทำแผลให้เขากับมือ ทั้งหมดมีกี่แผล แต่ละแผลลึก ยาว และอยู่ตรงไหน เธอล้วนจำได้! ทำไมภายในเวลาชั่วข้ามคืน แผลทั้งหมดก็หายไปแล้วละ
เมื่อคืนเธอตาฝาด? หรือว่า…
สือซัน! เสี่ยวลิ่ว!
ขอรับฮูหยินน้อย!
ทั้งสองเข้ามาในห้อง
ตอนที่พวกเจ้าพบคุณชาย บนตัวเขามีแผลใช่ไหม? อวี๋หวั่นถามด้วยความตื่นตระหนก
ใช่ขอรับ มีอะไรหรือขอรับ อิ่งสือซันถาม
อิ่งลิ่วเดินเข้าไปมอง หา! สือซัน! เจ้ามาดูนี่เร็ว!
อิ่งสือซันรีบเดินเข้าไป เขามองดูอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็ถึงกับตะลึงงัน
เขาเป็นคนแรกที่พบตัวคุณชาย ตอนที่เขาขุดคุณชายขึ้นมาจากบ่อโคลน กระดูกของคุณชายโผล่ออกมา ในตอนนั้นเขายังรู้สึกสงสารคุณชายจับใจ เขาไม่มีทางลืม!
เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ราชาพ่อมดถาม
ข้าไม่รู้… อวี๋หวั่นสายหน้า เธอไม่รู้จริงๆ เธอคอยเฝ้าเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ตลอด แต่…ไม่ได้เปิดเสื้อผ้าของเยี่ยนจิ่วเฉาดูสักหน่อย!
อวี๋หวั่นพูดต่อว่า ข้าสนใจเพียงลมหายใจและชีพจรของเขา ไม่ได้ตรวจดูบาดแผล
เรื่องนี้… ราชาพ่อมดก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงตัดสินใจตรวจดูร่างกายของเยี่ยนจิ่วเฉาอีกครั้ง และพบว่าในตัวของเขาไม่มีกลิ่นอายที่น่ากลัวหลงเหลืออยู่แล้ว
อิ่งสือซันสีหน้าเคร่งขรึม หลัวช่าวิญญาณ!!!
อิ่งลิ่วหลุบตาลง พะ…พลังของหลัวช่าวิญญาณไม่ได้สลายไปแล้วหรอกหรือ?
กลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณบนร่างของเยี่ยนจิ่วเฉารุนแรงขึ้น
แย่แล้ว! เขากำลังจะกลายเป็นหลัวช่าวิญญาณ! รีบหนีเร็ว! ราชาพ่อมดมือหนึ่งจับอวี๋หวั่น อีกมือหนึ่งจับโจวจิ่น
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วรีบเขาไปอุ้มเด็กทั้งสาม แล้วพุ่งออกไปนอกห้อง
พวกเจ้าหนีไปก่อน! ราชาพ่อมดส่งโจวจิ่นให้อวี๋หวั่น พาโจวจิ่นออกไป! ผิงเอ๋อร์! ไปปลุกมู่ชิง! แล้วพาพ่อครัวเทพเป้าหนีไป!
อา…จะ…เจ้าค่ะ! ผิงเอ๋อร์กระวีกระวาดออกไปยังห้องของพ่อครัวเทพเป้า
อีกสามคนยังหลับไม่ได้สติ แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว
น่าเสียดาย ต่อให้ตัดสินใจเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็ช้าไปหนึ่งก้าว
จิตสังหารของหลัวช่าวิญญาณปกคลุมไปทั่วเรือนทั้งหลัง อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วรู้สึกราวกับมีสิ่วตอกลงในศีรษะของพวกเขา และแทงจนทะลุลูกตาพวกเขาออกมา
ราชาพ่อมดตั้งใจจะใช้พลังเวทกดกลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณ กระนั้นเขาก็ต้องผิดหวัง ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ถูกกระแทกจนกระเด็นไป
ผ้าคลุมสีดำปลิวไหวไปตามลม
เส้นผมดำขลับของเยี่ยนจิ่วเฉาปลิวไสว ราวกับจอมปีศาจ จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เขาลอยขึ้นกลางอากาศ มองลงมายังฝูงชนเบื้องล่างราวกับเป็นมดปลวก
ทันทีที่ทุกคนเห็นเขา ก็รู้ว่าเขาไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉาอีกต่อไป
โจวจิ่นดึงมือที่ถูกอวี๋หวั่นจับไว้กลับมา สาวเท้าเดินไปด้านหน้า พลังเวทอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าใส่เยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาหัวเราะแดกดัน ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย!
เขาเพียงขยับปลายนิ้ว โจวจิ่นก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
หลัวช่าวิญญาณคนนี้มีพลังแข็งแกร่งเหนือราชาพ่อมด!
อิ่งลิ่วกัดฟัน เขาคว้าแขนของอวี๋หวั่น หมายจะพาเธอหนีไปโดยเร็วที่สุด ไหนเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ก้าวออกไป ก็ถูกพลังสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างแรง
อวี๋หวั่นยืนอยู่ตรงนั้น สายตามองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าวๆ
เธอยกมือขึ้นจับท้องตามสัญชาตญาณ
เยี่ยนจิ่วเฉายื่นฝ่ามือเย็นเฉียบออกมายังคอของเธอ ขณะที่อวี๋หวั่นคิดว่าลำคอของเธอคงจะหลุดออกแล้ว มือของเขาก็จับลงบนศีรษะของเธอ
อวี๋หวั่นตะลึงงัน
เยี่ยนจิ่วเฉาลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน พ่อบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่มีใครมาพรากเจ้าไปจากพ่อได้
อวี๋หวั่น …?!
อะไรนะ?
พ่อ?
……………………..