ภัตตาคารของเขาเป็นภัตตาคารแรกที่ซื้อสุรารสเลิศจากพ่อครัวเทพเป้า
พ่อครัวเทพเป้าและเจ้าของภัตตาคารทำธุรกิจกันมานับปี แต่กลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าของภัตตาคารคือลูกของพ่อครัวเทพเป้า!
เจียงจิงเหนียนกล่าวว่า เสี่ยวเอ้อร์นำสุรามาให้ข้า ข้าลองชิมไปหนึ่งคำ รู้สึกว่าเป็นสุราที่ดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยดื่มมา
เพราะเป็นสุราที่พ่อของเขาหมักเอง
ขะ…ข้าก็ว่าเหตุใดข้าจึงทำใจกดราคาภัตตาคารนี้ไม่ลง… พ่อครัวเทพเป้าพึมพำ
อวี๋หวั่นหัวเราะ ที่กล่าวกันว่าทุกสิ่งในชีวิตมนุษย์ล้วนเป็นลิขิตสวรรค์นั้น ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
อวี๋หวั่นมองไปยังเจียงจิงเหนียน ท่านลุงเจียงเจ้าคะ ท่านบอกว่าท่านแต่งงานแล้ว แล้วป้าสะใภ้เจียงและหลานชายอยู่ไหนหรือเจ้าคะ
เจียงจิงเหนียนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า นางพาลูกกลับบ้านเดิมไปเยี่ยมญาติ อีกสองสามวันจะกลับมา
อวี๋หวั่นจับมือขาวซีดของพ่อครัวเทพเป้า และพูดเย้าหยอกเขาว่า ไม่เพียงได้พบลูกชาย แต่ยังได้พบลูกสะใภ้และหลานชาย ท่านปู่เป้า ท่านได้กำไรนะเจ้าคะ!
พ่อครัวเทพเป้าหัวเราะจนน้ำตาไหล
พเนจรมาครึ่งค่อนชีวิต ไปมาทั้งต้าโจวและหนานจ้าว จากหนานจ้าวเดินทางมายังเผ่าพ่อมด ความลำบากที่อวี๋หวั่นเคยพบมานั้นเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับพ่อครัวเทพเป้า ชายชราคนนี้ทุ่มเทแรงกายแรงใจออกตามหาลูก โชคดีที่ในวาระสุดท้ายของชีวิต พวกเขาก็ได้พบหน้ากันอีกครั้ง
จะกลับหรือไม่กลับต้าโจวไม่สำคัญอีกต่อไป ลูกอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือบ้านของเขา
แม่ของเจ้าก็อยากให้ข้าหาเจ้าจนพบ นางบอกว่าให้ข้าช่วยดู…ข้ากลัวว่าข้าจะตามหาเจ้าไม่พบ วันใดวันหนึ่งข้าอาจ… เรื่องอัปมงคล พ่อครัวเทพเป้าไม่ได้พูดออกมา เขาหัวเราะจนตัวโยน
เขาไม่ได้บอกผู้ใด ว่านี่เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้กับภรรยา ฮูหยินเลือกที่จะเผาศพ เพื่อให้เขาสามารถพาเถ้ากระดูกของนางติดตัวไปด้วยทุกแห่งหน นางเป็นห่วงว่าวันหนึ่งเขาอาจตายไปโดยที่ยังไม่ได้กลับบ้านเกิด จึงไม่อยากให้เขาต้องโดดเดี่ยว
เจียงจิงเหนียนรับคำนับเถ้ากระดูกของมารดาผู้ล่วงลับ
พ่อครัวเทพเป้าร่างกายไม่แข็งแรง พูดไปสักพักก็ผล็อยหลับไป
เจียงจิงเหนียนอุ้มบิดาไปนอนบนเตียง แล้วหยิบผ้าขึ้นมาห่มให้
อากาศในเดือนเจ็ดของเผ่าพ่อมดนั้นไม่นับกว่าหนาว แต่พ่อครัวเทพเป้าอายุมาก ร่างกายของเขาจึงค่อนข้างเย็น
เจียงจิงเหนียนค่อยๆ จัดผ้าห่มของบิดา
หลังจากพ่อครัวเทพเป้าหลับสนิท ทั้งสองคนก็ออกจากห้อง
มีเรื่องหนึ่งที่อวี๋หวั่นทนไม่ไหว จำต้องพูดออกไป ท่านลุงเจียง
อาหวั่นมีเรื่องจะพูดกับข้าหรือ? เจียงจิงเหนียนมองไปยังดรุณีน้อยที่คอยดูแลบิดาของตน พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เกี่ยวกับสุขภาพของท่านปู่เป้าเจ้าค่ะ อวี๋หวั่นพูดเสียงค่อย
เจียงจิงเหนียนอ้าปาก คล้ายกับมีเรื่องจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ท่านพ่อของเขาอายุน้อยกว่าพ่อตาของเขา ทว่าแบกรับความทุกข์จากการสูญเสียภรรยาและบุตร กอปรกับหักโหมทำงานหนัก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่หมอ แต่ทันทีที่เขาเห็นท่านพ่อ เขาก็ตระหนักได้ว่าท่านพ่อเหลือเวลาไม่มากแล้ว
อันที่จริงหลังจากที่ข้าพลัดพรากจะท่านพ่อกับท่านแม่มา ผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความทรมานก็คือพวกเขา เจียงจิงเหนียนรู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ได้พบคนใจดี ทั้งยังได้พบกับฮูหยินเจียงซึ่งรักเขาประหนึ่งลูกในไส้ แม้แต่ยามที่เขาตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง เขาก็ยังหนุ่มแน่น มีกำลังวังชา ทั้งยังมีทรัพย์สินที่ฮูหยินเจียงทิ้งไว้ให้ เขาแทบไม่เคยตกระกำลำบาก แต่ท่านพ่อและท่านแม่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ท่านแม่ผู้ให้กำเนิดเขาตรอมใจจนล้มป่วย สุดท้ายก็จากโลกนี้ไป ท่านพ่อของเขาต้องลากสังขารซึ่งร่วงโรยไปตามกาลเวลา เพียงเพื่อตามหาเขา…และตามหามาครึ่งค่อนชีวิต
อวี๋หวั่นปลอบเขาว่า ท่านลุงเจียง ท่านมีชีวิตที่ดี พวกเขาก็จะวางใจนะเจ้าคะ! ถ้าหากท่านมีชีวิตที่ลำบาก พวกเขาก็จะโทษตัวเองยิ่งกว่าเดิม
บนโลกนี้มีเรื่องใดที่น่าดีใจไปกว่าการที่พ่อแม่เห็นลูกมีชีวิตที่ดี?
ในตอนที่รู้ว่าเจียงจิงเหนียนเติบโตขึ้นมาอย่างดี ท่านปู่เป้าก็รู้สึกดีใจเหลือเกิน สิ่งที่เขากลัวที่สุดหาใช่การที่ไม่มีโอกาสได้พบกับลูก หากแต่เป็นการที่ไม่รู้ว่าลูกเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อลูกมีชีวิตที่ดี เขาก็จะไม่เสียใจ
เจียงจิงเหนียนบอกกับอวี๋หวั่นว่า ขอบคุณที่เจ้าคอยดูแลท่านพ่อข้า ท่านพ่อข้าบอกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขาก็คือหลังจากที่ได้พบกับพวกเจ้า
อวี๋หวั่นหลุบตาลง เธอยิ้มแล้วบอกว่า อันที่จริงพวกข้าไม่ได้ทำสิ่งใดให้ท่านปู่เป้าเลย ในทางกลับกัน ท่านปู่เป้าเป็นคนที่ช่วยพวกข้าไว้ครั้งแล้วครั้งแล้ว ท่านลุงเจียงอาจยังไม่รู้ ในหมู่บ้านเหลียนฮวา มีโจรลักม้ากลุ่มหนึ่งจะสังหารพวกข้า แต่ก็ถูกท่านปู่เป้าวางยาพิษเสียก่อน อีกทั้งไม่นานมานี้ พวกข้าถูกราชินีแม่มดตามล่า ก็เป็นท่านปู่เป้าที่ช่วยพวกข้าไว้ เพราะฉะนั้น พวกข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านปู่เป้า
เจียงจิงเหนียนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้สนทนาเรื่องบุญคุณกับอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นพูดต่อว่า ท่านลุงเจียง ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อไปหรือเจ้าคะ
เจียงจิงเหนียนเหลือบมองไปยังพ่อครัวเทพเป้าซึ่งกำลังหลับสนิท เขาอดรู้สึกปวดใจไม่ได้ ข้าย่อมหวังว่าจะสามารถกลับไปบ้านเกิดพร้อมกับท่านพ่อ แต่ว่าดูจากอาการของเขาในตอนนี้แล้ว คงไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล ข้าจึงคิดว่าจะย้ายมาที่นี่พร้อมกับป้าสะใภ้และหลานของเจ้า เพื่ออยู่กับเขาในวาระสุดท้ายของชีวิต หลังจากนั้นข้าก็จะนำร่างของท่านพ่อและเถ้ากระดูกของท่านแม่กลับต้าโจว ฝังพวกเขาไว้ด้วยกัน ให้พวกเขาได้กลับสู่มาตุภูมิของตน
…….
อวี๋หวั่นเดินออกมาจากห้องของพ่อครัวเทพเป้า ในสมองของเธอยังคงคิดถึงเรื่องของพ่อครัวเทพเป้า จนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เธอพักอยู่ในห้องของโจวอวี่เยี่ยน แต่กลับเดินตรงไปยังห้องของตนกับเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉากำลังวาดภาพอยู่ริมหน้าต่าง
คุณชายเยี่ยนมิได้มีความสนใจในด้านนี้ นี่เป็นความชอบและความทรงจำของยอดฝีมือไร้นามคนหนึ่ง
ว่าก็ว่าเถิด ภาพวาดนี้งดงามเหลือเกิน
อวี๋หวั่นเดินมาด้านหลังของเขา สูดน้ำมูกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
เป็นอะไรไป เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ข้าไม่อยากให้ท่านปู่เป้าเป็นอะไร อวี๋หวั่นพูดอย่างลำบากใจ
เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ต่อ อยู่เป็นเพื่อนเขา เยี่ยนจิ่วเฉาบอก
อวี๋หวั่นก้มหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า อีกทั้ง ข้าคิดถึงท่านแม่กับท่านพ่อ ท่านปู่เป้าได้พบหน้าลูกชายแล้ว แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ของเธออยู่ที่ไหนยังไม่แน่ชัด สรุปแล้วหลุมลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้นคืออะไร ทำไมนานขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นพวกเขาออกมาสักที
โสตประสาทของเยี่ยนจิ่วเฉาเลือกที่จะปิดรับคำว่า ‘ท่านแม่’ ความสนใจของเขาล้วนไปรวมกันที่คำว่า ‘ท่านพ่อ’ ในประโยคนั้น นัยน์ตาของเขากระตุกวูบ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ บุรุษคนนั้นตามหาเจ้าหรือ?
อวี๋หวั่นชะงักไป
หึ! เยี่ยนจิ่วเฉาวางพู่กันลงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ข้าว่าแล้วเชียวว่าเขาต้องมาหาเจ้า! เขาบอกอะไรกับเจ้า
อะไรกัน อวี๋หวั่นกำลังงุนงง
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูกด้วยความรังเกียจ เขาบอกเจ้าใช่หรือไม่ว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้า ไม่ใช่ข้า?
อวี๋หวั่น ???
เยี่ยนจิ่วเฉาหันหน้ามามองอวี๋หวั่น ย่อมได้ เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เรื่องบางเรื่องเจ้าก็ควรได้รู้ มิผิด ข้าไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้า พ่อของเจ้าติดหนี้ก้อนโต จ่ายไม่ไหว แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้ที่ไม่ควรล่วงเกิน สุดท้ายก็ต้องมาขอร้องข้า ให้ข้าช่วย เขายินดีมอบเจ้าให้กับข้า
อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ
เรื่องในอดีตของยอดฝีมือคนนี้เกินจริงยิ่งกว่าละคร จะให้เธอพูดต่อว่าอย่างไร…
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจ้าคงจะรู้ ว่าตอนนั้นข้าพูดกับเขาว่าอย่างไร?
ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน? ข้าไม่ใช่เด็กอับโชคคนนั้นสักหน่อย
ข้าบอกว่า ข้าอยากได้เด็กคนหนึ่งมาทำยาอายุวัฒนะ เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างไม่ยี่หระ เขาเลิกคิ้วมองอวี๋หวั่น ราวกับกำลังบอกว่า ‘ทีนี้เจ้าก็คงรู้แล้วสินะ ว่าพ่อไม่เอาไหนของเจ้าตั้งใจให้เจ้าไปตาย’
อวี๋หวั่น อ้อ
เยี่ยนจิ่วเฉา ?!
อ้อ? จะตอบแค่นี้จริงๆ หรือ?
อวี๋หวั่นกลอกตา แล้วพูดว่า เรื่องนั้น…ข้าว่า…ท่านพ่อข้า…เขาไม่ได้อยากให้ข้าไปตายหรอก เขามอบข้าให้ท่าน…ก็เพราะต้องการให้ข้าโตขึ้นไปเป็นภรรยาของท่าน!
เยี่ยนจิ่วเฉาหน้าแดงระเรื่อ พูดจาเหลวไหลอะไรกัน?! เป็นสาวเป็นนางไม่รู้จักกระดากอาย! เจ้าจะมาเป็นภรรยาข้าได้อย่างไร! ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเจ้า!!!
เสี่ยวเป่าเดินจับกางเกงเข้ามา ท่านพ่อ ท่านแม่ไปไหนขอรับ?
อยู่นี่ไง! เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มเสี่ยวเป่าส่งให้อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่น …
เยี่ยนจิ่วเฉา …
……………………………..