ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 146

บทที่ 146

บทที่ 146 ช่วยเหลือเรื่องย้ายบ้าน

เพราะเรื่องนี้ทำให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นมาก สองสามีภรรยาชราจึงคุยกันมากกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้านอน

ถ้าเกิดเจ้าใหญ่เข้ามหาวิทยาลัยได้ในอนาคต เขายังต้องการความช่วยเหลือจากปู่ย่าคู่นี้ในเรื่องการแต่งงานอยู่ไหมนะ?

และมันก็ไม่จำเป็นเลย

หากเขาได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจริง เจ้าใหญ่จะต้องการคู่ครองแบบไหนในอนาคตก็เป็นเรื่องที่เขาต้องเลือกเอง

จากนั้นสองสามีภรรยาชราก็พึมพำใส่อารมณ์ในเรื่องที่ว่าสะใภ้สี่ช่างมีชีวิตที่โชคดีเหลือเกิน

เธอไม่ได้เก็บเงินเลยสักเหมา แต่ลูกชายของเธอกลับมีความสามารถมากเช่นนี้ ในภายภาคหน้าพวกเขาก็ไม่ต้องหาภรรยาให้เขาแล้ว เพราะเด็กชายพวกนั้นคงจะได้ภรรยาด้วยตัวเอง

หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าสองปู่ย่ารู้สึกอย่างไรกันอยู่ ในตอนนี้เธอกำลังพัลวันอยู่กับโจวชิงไป๋

ถึงตอนนี้ทั้งคู่จะเป็นสามีภรรยากันนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมากอยู่ดี

เมื่อกิจกรรมจบลง หลินชิงเหอก็รู้สึกสุขกายสบายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ฉันควรจะบอกคุณแม่เกี่ยวกับธุรกิจเนื้อหมูไหมคะ?”

แม่สามีของเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น เธอคงปล่อยเรื่องนี้ไปได้หากว่าพวกเขาไม่ได้กินอาหารด้วยกัน แต่ในภายหน้าปู่ย่าคู่นี้จะยังคงมากินอาหารที่บ้าน ถึงตอนนั้นสองสามีภรรยาชราคงเกิดความสงสัยไม่ช้าก็เร็ว

“ไม่จำเป็นหรอก ถ้าแม่ผมถาม คุณก็บอกไปว่าใช้เงินบำนาญของผมสิ” โจวชิงไป๋กอดเธอขณะเอ่ยตอบ

หลินชิงเหอฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันสมเหตุผลดี “ตกลงค่ะ”

ปล่อยให้ปู่ย่าคู่นี้ไม่รู้ต่อไปจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเกรงว่าพวกเขาจะรับไม่ได้

แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าลูกชายของตนได้เงินบำนาญมา 3,000 หยวน ทั้งคู่คงจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจแน่

เงินบำนาญ 3,000 หยวนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่เป็นไปได้อย่างมากก็แค่ครึ่งหนึ่งของมันเท่านั้น

เธอแต่งเรื่องกับโจวชิงไป๋กันตรง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แต่ละคนพูดคนละอย่าง จากนั้นหลินชิงเหอก็อยากจะสลบไสลไป

“เราทำกันอีกรอบไหมครับ?” โจวชิงไป๋เอ่ยเชิญชวน

หลินชิงเหอผลักเขาออกอย่างขำ ๆ “ใจเย็นน่าคุณ อย่าคิดว่าเป็นเพราะคุณว่างไม่มีอะไรทำในหน้าหนาวแล้วคุณจะมายุ่มย่ามได้ตามใจนะคะ”

ชายคนนี้ช่างมีพลังงานเหลือล้นเกินกว่าจะใช้ไปจริง ๆ

โดยทั่วไปแล้วผู้ชายอายุเท่านี้จะเสื่อมสมรรถภาพด้านนี้ลงไม่ใช่เหรอ?

แต่เขายังคงทำได้ต่อเนื่อง ไม่ลดไม่แผ่วเลยสักนิด

โจวชิงไป๋ยิ้มกริ่มและนอนกอดเธอไว้

วันต่อมาคือวันขึ้นปีใหม่

น้องชายสามตระกูลหลินได้เดินทางมาเยี่ยมในวันนี้ แต่ภรรยาของเขาไม่ได้มาด้วยเพราะหล่อนกำลังตั้งครรภ์

หลินชิงเหอถามเขาเกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์คราวที่แล้ว จนบัดนี้เธอยังไม่ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของทางบ้านหลินเลยแม้แต่น้อย

“ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองมีความสัมพันธ์แบบเกือบจะเป็นศัตรูกันแล้วครับ” น้องชายสามตระกูลหลินตอบด้วยน้ำเสียงจนใจ

คราวที่แล้วหลินชิงเหอยืนกรานว่าจะขอโค้ททหารคืนจากมือของสะใภ้รองบ้านหลิน แต่หลังจากที่พี่ชายรองสวมใส่มันมานานแล้ว หลินชิงเหอจะใช้มันต่อได้อย่างไรล่ะ? เธอไม่ได้ยากจนจนเป็นบ้าสักหน่อย

เธอก็เลยมอบมันให้กับสะใภ้ใหญ่บ้านหลิน และยังเป็นการบ่มเพาะความร้าวฉานระหว่างพวกเขาไปในตัว

สะใภ้ใหญ่บ้านหลินรู้ดีว่าเธอต้องการจะทำอะไร แต่ต่อให้หล่อนรู้ หล่อนจะคืนโค้ทกลับไปให้ครอบครัวสายรองบ้านหลินได้อย่างไร?

หลินชิงเหอเป็นคนให้โค้ทตัวนี้ หากครอบครัวสายรองต้องการมัน พวกเขาก็ต้องไปขออีกตัวหนึ่งมาจากหลินชิงเหอ

แต่ทั้งพี่รองตระกูลหลินและสะใภ้รองตระกูลหลินรู้ดีว่าตอนนี้หลินชิงเหอเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาจะมาหาเพื่อยั่วโทสะเธออีกได้อย่างไร?

โดยเฉพาะสะใภ้รองบ้านหลิน หล่อนถึงกับเสียใจอย่างเป็นที่สุดในเรื่องที่ว่าทำไมหล่อนถึงท้าทายน้องสามีคนนี้และล่อเธอให้มาที่บ้านกันนะ?

แต่พวกเขาต้องทวงคืนเสื้อโค้ทกลับอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่มันตกอยู่ในมือของสะใภ้ใหญ่บ้านหลิน

ส่วนสะใภ้ใหญ่บ้านหลินก็ไม่ยอมเหมือนกัน

ทั้งสองครอบครัวเลยทะเลาะกัน แม้แต่พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรองตระกูลหลินก็พลอยผสมโรงไปด้วย โดยสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองบ้านหลินทะเลาะกันชนิดที่แทบจะฉีกหน้าอีกฝ่าย

ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินมาห้ามไว้ได้ แต่ก็ห้ามได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

การต่อสู้นี้เองได้สร้างความเกลียดชังระหว่างสองครอบครัวอย่างฝังรากลึกมากขึ้นจนปรากฎเด่นชัด

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัด แทบไม่ต้องคิดเลยว่าสะใภ้ใหญ่จะยังคืนโค้ททหารอยู่ไหม?

แต่ฝั่งสะใภ้รองก็อยากได้โค้ทคืนมาอย่างหมดทั้งใจ

ดังนั้นบ้านตระกูลหลินในตอนนี้จึงตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดไม่น้อย

หลินชิงเหอรู้สึกพอใจเมื่อได้ยินดังนี้และยิ้มกริ่มออกมา “เมื่อไหร่พวกเธอสองคนจะย้ายออกมาล่ะ? ถ้ายังอยู่รวมกับพวกเขาล่ะก็ พวกเธอได้ประสาทกินจนตายแน่”

“ย้ายออกเหรอ? จะย้ายยังไงล่ะครับ?” น้องชายสามตระกูลหลินอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขื่น

เขาจะไม่อยากย้ายออกได้อย่างไรล่ะ แต่มันเป็นเรื่องง่ายนักเหรอที่จะย้ายออก? เขาไม่มีอะไรเลย และเขาต้องเขียนขอโฉนดที่ดินที่จะย้าย แม้เขาจะเขียนใบสมัครไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ประกาศผลที่ได้ออกมา

เขาต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการสร้างบ้านให้ตัวเองหนึ่งหลังกัน? พวกเขาขาดแคลนของหลายอย่างเลยนะ!

โดยเฉพาะหม้อหุงหาอาหาร เพราะตอนนี้บ้านตระกูลหลินแบ่งกันใช้หม้อใบเดียวกัน

อย่าว่าแต่ฝั่งตระกูลหลินเลย แม้แต่ฝั่งตระกูลโจวก็ยังใช้หม้อร่วมกันทั้งครอบครรัวไม่ใช่เหรอ?

และมันก็ไม่ได้ดีเท่าหม้อในบ้านของหลินชิงเหอด้วย มีทั้งเตาถ่านและหม้อสองหู มีหม้อสองใบก็กล่าวได้แล้วว่าหรูหรา

เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินเตรียมตัวจะกลับไป หลินชิงเหอก็ให้เนื้อสามชั้นหมักกับเขาไป 1 ชิ้น โดยเธอมีทั้งหมด 4 ชิ้น

เธอบอกน้องชายสามตระกูลหลินถึงวิธีการปรุงหมูสามชั้นหมักที่ดีที่สุดก่อนจะส่งเขากลับบ้านโดยไม่ปล่อยให้เขาปฏิเสธ

“ถ้าคน ๆ หนึ่งย้ายบ้านและสร้างบ้านใหม่ ราคาวัสดุในตลาดตอนนี้จะเป็นเท่าไหร่กันคะ?” หลินชิงเหอถามโจวชิงไป๋

“ถ้าเป็นบ้านหลังเล็กก็ประมาณ 100 หยวน” โจวชิงไป๋ตอบ

“แค่หลังเล็กก็พอแล้วค่ะ ย้ายออกก่อนจะดีกว่า มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่จะอยู่ต่อกับครอบครัวนั้น” หลินชิงเหอบอก

เธอเห็นนิสัยท่านแม่หลินกับท่านพ่อหลิน เช่นเดียวกับพี่ชายคนโตทั้งสองแล้ว ทุกคนต่างมีนิสัยแบบเดียวกันเป๊ะและส่งต่อมาทางสายเลือดเดียวกัน

ความจริงแล้วเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้นิสัยดีนัก มีแค่น้องชายสามตระกูลหลินเท่านั้นที่เป็นต้นกล้าพันธุ์ดีของครอบครัวตระกูลหลิน

“ฉันไม่ต้องการเงินบำนาญของคุณหรอกค่ะ ฉันมีเงินเก็บของฉันเองที่พอจะให้เขากู้ยืมได้” หลินชิงเหอบอก

โจวชิงไป๋ย่นคิ้วพลางมองเธอโดยไม่พูดอะไร ซึ่งหลินชิงเหอรู้ในทันทีว่าเขากำลังสลดใจ

หญิงสาวจึงจูบเขาอย่างมีมารยา

“ไอ้หยา พ่อครับ แม่ครับ ยังกลางวันแสก ๆ อยู่เลย พ่อกับแม่ไม่ทำแบบนี้ได้ไหมครับ? ผมยังเด็กอยู่นะ!” เจ้ารองมาเห็นภาพบาดตาพอดีขณะเดินเข้ามาในห้องและเอ่ยขึ้นในทันทีทั้งที่ยังปิดตาและแอบมองผ่านช่องนิ้วตัวเองอยู่

“เจ้าเด็กตัวเหม็น ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูล่ะ ลูกต้องเตือนกันก่อนไหม?” หลินชิงเหอเอ่ยไล่เขาด้วยท่าทีกระดากอายนิดหน่อย

“ผมเข้ามาจะถามแม่ว่าอยากกินมันปิ้งไหม แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าแม่กำลังเล่นจูบกับพ่ออยู่” เจ้ารองอธิบายขณะวิ่งออกจากห้อง

หลังจากนั้นเจ้าใหญ่กับเจ้าสามก็รู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องแล้วเล่นจูบกันอยู่

หลินชิงเหอถึงกับเงียบไป ขณะที่มุมปากของโจวชิงไป๋โค้งขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าเขาต้องการย้ายออก บ้านก็คือปัจจัยหนึ่ง นอกนั้นก็มีหม้อที่เป็นของสำคัญที่หาซื้อได้ไม่ง่ายเลย” โจวชิงไป๋บอก

“คุณมีวิธีหามาสักใบไหมคะ? เราจะเก็บใบใหม่ไว้ใช้เองแล้วก็ยกหม้อใบเก่าให้น้องชายของฉันไป” หลินชิงเหอถาม

“ผมจะลองดูในปีหน้านะ” โจวชิงไป๋ตอบ

ในตอนนี้หม้อกำลังขาดตลาด โจวชิงไป๋เลยไม่รู้ว่าเขาจะไปหามาได้ที่ไหน

“ฉันยังมีคูปองอุตสาหกรรมเหลืออยู่เยอะแยะเลยนะคะ ถ้าคุณต้องการใช้เมื่อไหร่ก็บอกฉันได้” หลินชิงเหอพยักหน้า

ในวันที่สองของวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็พาเด็กชายทั้งสามเข้าอำเภอ

ประตูบ้านถูกลงกลอนไว้ พวกเขาเคยบอกเรื่องนี้ตั้งแต่คืนแรกของวันขึ้นปีใหม่ ก่อนนำวัตถุดิบอาหารต่าง ๆ มาให้ ท่านพ่อโจว ท่านแม่โจว โจวเสี่ยวเม่ย และซูต้าหลินจะได้หุงหาอาหารกินกันในบ้านตระกูลโจว

เนื่องจากวันที่สองในเทศกาลปีใหม่เป็นวันที่ลูกเขยและพี่สาวสองคนที่แต่งงานไปแล้วจะมาหาที่บ้าน การมีคนมากมายจะทำให้เกิดการขัดไม้ขัดมือกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีกว่าหากพวกเขาจะไม่ได้มาที่บ้านแล้วไปกินอยู่อย่างสำราญที่บ้านตระกูลโจวแทน

ส่วนครอบครัวของพวกเขาก็เดินทางเข้าอำเภอเพื่อไปเที่ยวเล่นกันเอง

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ร้ายกาจมาก ทิ้งระเบิดไว้ให้สองครอบครัวกัดกันเอง แล้วจะได้ให้น้องชายสามแยกตัวออกมาสวย ๆ ขอให้น้องชายสามได้บ้านใหม่เร็ว ๆ นะคะ

เจ้ารองแสบขึ้นทุกวัน แถมพ่อก็ชอบใจอีก แม่จะจัดการทั้งพ่อทั้งลูกอย่างไรดีน้า ต้องติดตามตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท