ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 166

บทที่ 166

บทที่ 166 ในวันฝนตก

ท่านแม่โจวรู้สึกว่าทุกครั้งที่สะใภ้สี่พูดถึงลูกชายคนเล็กของนาง ใบหน้าของเธอก็เหมือนจะสว่างสดใสขึ้นมา

ยิ่งกว่านั้น เหตุผลที่ว่าทำไมสะใภ้สี่ถึงทำตัวดีขึ้นแล้วในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะลูกชายคนสุดท้องของนางทำให้เป็นแบบนี้หลังจากที่เขากลับมาอยู่บ้านหรอกหรือ?

เธอเคยเป็นคนหัวร้อนดื้อรั้นอย่างแท้จริง

แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องในอดีตที่ไม่ต้องใส่ใจมันแล้ว แค่ปรับปรุงตัวในอนาคตก็นับว่าพอแล้ว

ถึงอย่างนั้นท่านแม่โจวก็เห็นความสำคัญของผู้ชายต่อครอบครัวจากกรณีของสะใภ้สี่

แม้โจวชิงไป๋จะไม่ได้ทำอะไรหลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แต่เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงภรรยาของเขาได้ เขาทำให้ภรรยาของเขาทำตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วและกลายเป็นคนที่กตัญญูต่อคนชราทั้งสองอย่างพวกเขาได้เต็มร้อย

พวกเขากินบะหมี่ในซอสเต้าเจี้ยวกับไข่เป็นมื้อกลางวัน

หลินชิงเหอยังคงทำกิจวัตรตามปกติ การกินแค่ครึ่งชามถือว่าพอแล้ว ทั้งโจวชิงไป๋กับท่านพ่อโจวต่างกินบะหมี่ชามใหญ่

“แม่เจ้าใหญ่กินน้อยเกินไปนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยขึ้นมาขณะกินอาหารมื้อเย็นกันอยู่

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันกินได้แค่นี้ต่างหาก” หลินชิงเหอไม่ใส่ใจ

ทุกมื้อเธอจะกินอิ่มเพียงหกส่วน เธอไม่ต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานมาก อาหารที่กินเข้าไปคงย่อยไม่เร็วนักหรอก

แต่ในความคิดของท่านแม่โจวคิดว่าเธอกินน้อยเกินไปหน่อย หลังจากผ่านมาหลายวันแล้วนางก็เห็นว่าทุกมื้อเธอไม่ได้กินมากนัก

ดังนั้นต่อให้เธอใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยซื้อเนื้อกับไข่กลับมาบ่อย ๆ แต่เก้าส่วนของอาหารจะลงไปอยู่ในท้องของลูกชายและหลาน ๆ ของนาง ขณะที่เธอกินไปเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น

ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องบ่นล่ะ?

เธอไม่ใช่ผู้หญิงบางคนที่กินอิ่มเพียงคนเดียวโดยไม่ห่วงสามีและลูก ๆ เสียหน่อย

โจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงคีบเส้นหมี่สองกลุ่มให้ภรรยา แต่หลินชิงเหอก็อึ้งไปและส่งสายตาไม่พอใจ “กินของคุณไปเถอะค่ะ”

“คุณกินมากหน่อยนะ” โจวชิงไป๋บอก

“แม่ครับ ผมให้แม่ด้วย” เจ้ารองแทรกขึ้น

“ผมด้วย” เจ้าสามพูดตาม

“แม่ครับ ส่งชามมาเถอะ ผมจะคีบให้แม่” เจ้าใหญ่ลงมือม้วนเส้นบะหมี่กลุ่มหนึ่งและทำท่าให้เธอส่งชามมาให้เขา

หลินชิงเหอเมินพวกเขาเสีย “ทุกคนกินของตัวเองไปซะ เอาแต่จะส่งเส้นหมี่คนละเล็กละน้อยให้แม่อยู่ได้ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก แม่ทำบะหมี่นี้ให้ลูก ๆ กินนะ เมื่อไหร่ที่ลูกโตขึ้นค่อยเอาของที่ดีกว่านี้มาให้แม่กินแล้วกัน”

เด็กชายทั้งสามให้สัญญาอย่างร่าเริง

ทั้งครอบครัวกินอาหารกันอย่างมีความสุข

หลังพักผ่อนเกินหนึ่งชั่วโมงมานิดหน่อย โจวชิงไป๋ก็ต้องไปทำงานอีกครั้ง

“เจ้าใหญ่ หลังเลิกเรียนแล้วอย่าลืมไปเก็บผักขมกับเจ้ารองด้วยนะ” หลินชิงเหอบอกขณะที่เจ้าใหญ่กำลังจะไปโรงเรียน

“รู้แล้วครับแม่” เจ้าใหญ่ตอบกลับ

เจ้ารองเองก็พยักหน้า สองพี่น้องต่างทำสัญญาซึ่งกันและกัน

ในยุคนี้หากบรรดานักเรียนเลิกเรียนกันแล้ว พวกเขาก็จะไปเก็บผักขมมาแลกกับแต้มค่าแรง แม้มันจะไม่มากนัก แต่แต้มค่าแรงที่ได้มาเล็กน้อยก็ยังถูกนับอยู่และสามารถเอาไปแลกส่วนแบ่งอาหารทีหลังได้ ทั้งหมดนี้คืออาหารทั้งนั้น

หลินชิงเหอปล่อยให้พวกเขาทำงานนี้และส่งสองพี่น้องไปโรงเรียน

เธอมักจะใช้วิธีนี้สอนพวกเขาอยู่เสมอ เจ้าสามยังเด็กนักเขาควรจะได้เล่นสนุกสนาน แต่ทันทีที่เขาโต เขาก็จะต้องไปเก็บผักขมมาด้วย

พวกเด็กผู้ชายเลี้ยงแบบไข่ในหินไม่ได้หรอก

แต่คนทั้งหมู่บ้านกลับเชื่อว่าวิธีการสอนลูกของหลินชิงเหอกลายเป็นการตามใจเด็กไปเสียอย่างนั้น ต่อให้ท่านแม่โจวรู้สึกว่าสะใภ้สี่รู้ที่จะรักใคร่เด็ก ๆ และดูแลชายคนรักของเธอก็ตาม

ไม่นานนักโรงนมก็เริ่มผลิตนมอีกครั้ง

มันเป็นเหมือนกับปีที่แล้ว ปีนี้เจ้าสามก็ยังไม่ชอบดื่มนมจืด หลินชิงเหอจึงเติมน้ำตาลเล็กน้อยให้เขา

พวกเขาดื่มนมกันมานานตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อให้โรงนมหยุดผลิต เธอก็จะไปซื้อนมผงมาชง และแจ้งเสิ่นอวี้ล่วงหน้าให้หล่อนช่วยกันนมผงไว้ให้เธอ 2 ถุง

ดังนั้นเด็ก ๆ จึงได้ดื่มนมไม่ขาด

กล่าวตามตรงก็คือเมื่อเจ้าใหญ่ได้ดื่มนมเป็นประจำ เขาก็เติบโตจนถึงขีดสุดของการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

เด็กชายอายุเท่านี้จะเติบโตจนกระทั่งพวกเขามีอายุ 18 หรือ 19 ปี ดังนั้นช่วงนี้จะขาดสารอาหารไม่ได้

แม้อาหารที่บ้านจะถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศในหมู่บ้าน แต่หลินชิงเหอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พอ ดังนั้นนมจึงกลายเป็นของจำเป็น

เจ้าใหญ่ชอบดื่มนม เขาดื่มนมอย่างมีความสุขวันละถ้วยคู่กับหมั่นโถวลูกใหญ่สามลูก

เจ้ารองชินกับการดื่มนมไปแล้ว และพบว่ามันไม่เลวนักที่จะดื่ม

เหลือเพียงเจ้าสามที่ชอบดื่มนมรสหวาน หลินชิงเหอเองก็ไม่ห้ามเขาเช่นกัน แค่ให้เขารู้สึกถึงรสหวานนิด ๆ ก็พอ

หลินชิงเหอหยิบผ้าที่เหลืออยู่ในบ้านออกมาเริ่มตัดชุดฤดูร้อนตัวใหม่ให้เจ้าใหญ่

เขาใส่ชุดเมื่อปีที่แล้วไม่ได้แล้ว เธอเลยส่งต่อให้เจ้ารองและให้เจ้าใหญ่สวมชุดใหม่ที่ตัดให้เขา จากนั้นเธอก็ให้สัญญากับเจ้ารองว่าจะตัดชุดฤดูหนาวให้เขาใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วเด็กชายจะไม่มีความสุข

พวกเขาถูกเธอตามใจจนเคยตัวขึ้นมาบ้างแล้วจริง ๆ…

ไม่ใช่แค่เจ้าใหญ่เท่านั้น โจวชิงไป๋ก็ต้องมีชุดใหม่ด้วย

แม้โจวชิงไป๋จะมีเสื้อผ้าสำรองสามหรือสี่ชุดแล้ว แต่เสื้อผ้าของเขาล้วนมีรอยขาดทุกตัว หลินชิงเหอจึงคิดจะตัดเสื้อให้เขาเพิ่มอีก 2 ตัว

ส่วนเสื้อผ้าชุดเก่าเธอจะยกให้กับน้องชาย

ชั่วพริบตาเดียว เดือนพฤษภาคมก็มาถึง

อากาศเดือนนี้ไม่สู้ดีนัก มันดูมืดครึ้มขมุกขมัวมาก มองท้องฟ้าแล้วก็เห็นชัดเจนว่าจะมีฝนตกหนักอีกครั้ง

หลินชิงเหอเผาใบอ้ายเย่* รมควันทั้งข้างในและข้างนอกบ้าน โดยเฉพาะเล้าหมูกับเล้าไก่ในสวนหลังบ้าน

*ใบอ้ายเย่ หรือ โกฐจุฬาลัมพาจีน

ไม่นานนักหลังจากรมควันเสร็จ ฝนก็เริ่มตกในตอนกลางดึกของวันนั้นพอดี

ในตอนแรกมันยังตกแบบเปาะแปะ จากนั้นก็ตกแรงขึ้นจนถึงขั้นเทกระหน่ำ

“ฉันเดาว่าครั้งนี้คงตกสามถึงสี่วันนะคะ” หลินชิงเหอพูด

ฝนเทกระหน่ำติดต่อกันหลายวัน ไม่ใช่ฝนปรอย ๆ ที่มาแล้วก็ไปตามอำเภอใจของมัน

โจวชิงไป๋ปิดหน้าต่างอย่างไม่สนใจ ยังอีกนานนักกว่าจะถึงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อน ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไร

ฝนตกหนักขนาดนี้ทำให้โจวชิงไป๋ไม่จำเป็นต้องไปทำงานพรุ่งนี้ ส่วนหลินชิงเหอก็ไม่มีข้ออ้างในการปฏิเสธชายหนุ่ม คนทั้งคู่จึงได้ง่วนอยู่กับการทำกิจกรรมคู่รัก

“ผู้ชายตัวเหม็นเอ๊ย” หลินชิงเหอนอนอยู่ในอ้อมแขนของโจวชิงไป๋และทุบเขาอย่างหยอก ๆ ไปทีหนึ่ง

โจวชิงไป๋หัวเราะในลำคอ เขายังมีความสุขกับการได้กอดภรรยา

อากาศในคืนวันฝนตกเย็นลงเล็กน้อย ทำให้นอนหลับสบาย ทั้งคู่หลับจนเลยเจ็ดโมงเช้า ซึ่งเด็ก ๆ ต่างตื่นนอนกันแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้รบกวนพ่อแม่

ฝนตกหนักมากจนเจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่ต้องไปโรงเรียน

มันเป็นแบบนี้แหละ เมื่อไหร่ที่ฝนตกหนักขนาดนี้ มันก็หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องไปโรงเรียน ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี

เมื่อหลินชิงเหอตื่นนอน โจวชิงไป๋ยังหลับอยู่ แต่ทันทีที่เธอขยับตัวเขาก็ตื่น

มันเป็นนิสัยที่เป็นมาหลายปีแล้ว และไม่อาจแก้ให้หายได้ชั่วชีวิต

“คุณนอนต่อเถอะค่ะ ฉันจะไปทำกับข้าว” หลินชิงเหอเอ่ยและหอมแก้มเขา

ชายคนนี้ช่างเป็นอาหารตาเหลือเกิน ต่อให้ผิวของเขาจะคล้ำแดดเพราะทำงานหนัก แต่มันก็ยังดึงดูดใจเธออยู่ดี

โจวชิงไป๋กอดเธอไว้และไม่เอ่ยอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้เธอจากไปแบบนี้

หลินชิงเหอยอมตามใจเขาและนอนหนุนแขนของชายหนุ่ม ทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันครู่หนึ่งก่อนที่หลินชิงเหอจะลุกขึ้น

แม้ฝนจะตกหนัก แต่คนส่งนมก็มาส่งนมตรงเวลาพอดี

เจ้าใหญ่คว้านมเข้ามาในบ้านแล้ว หลินชิงเหอจึงนึ่งหมั่นโถว ต้มนม จากนั้นก็เจียวไข่เจียวกุยช่ายกับกะหล่ำปลีอีกเล็กน้อยเป็นอาหารจานเคียง

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่จะลดหุ่น ทุกคนอย่าเพิ่งขุนแม่

พ่อไม่เบาเลยนะคะ กินแม่ทุกฤดูจริง ๆ ถึงเป็นฤดูฝนพ่อก็ไม่เว้น

ปล. อยากทำหมั่นโถวนมจังเลยน้า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท