ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 177

บทที่ 177

บทที่ 177 อากาศเย็นลง

หลินชิงเหอตั้งใจจะเก็บข้าวสาลีจำนวน 30 ชั่งไว้ให้ครอบครัวของเธอเอง

ปีนี้เธอไม่ได้ขอให้น้องชายสามตระกูลหลินช่วยสะสมธัญพืช เพราะเธอได้งานที่เป็นหลักเป็นแหล่ง แถมยังมีคนจากครอบครัวตระกูลหลินคอยจับตามองอยู่

หลินชิงเหอเลยวางแผนให้น้องชายสามสะสมธัญพืชมากขึ้นและส่งมาให้เธอแทน เธอจะได้มีธัญพืชทางฝั่งของตนเองมากขึ้น และการให้น้องชายสามตระกูลหลินเป็นคนส่งข้าวสาลีมามันก็เป็นการปิดปากท่านแม่โจวไปด้วยในตัว

เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็จะได้บอกว่ามันเป็นของขวัญจากน้องชาย

การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ช่างเหนื่อยยากนัก หลังผ่านการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงไปได้ 40 วัน โจวชิงไป๋ก็มีผิวคล้ำแดดขึ้น

ท่านพ่อโจวเองก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

เขาอายุมากขึ้นและกำลังกายของเขาก็ถดถอยลงจากปีก่อน ๆ เขาไม่อาจทำได้อย่างตอนหนุ่ม ๆ อีกแล้ว

นอกจากนี้ท่านพ่อโจวยังเคยทำงานได้แต้มค่าแรงถึง 10 แต้ม แต่ตอนนี้เขาทำงานได้แต้มค่าแรง 8 แต้มเท่านั้น

ไม่มีใครเอ่ยอะไรกับชายสูงวัยคนนี้

ส่วนท่านแม่โจวในตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานในทุ่งนา แต่นางก็ยังทำงานอย่างการกะเทาะข้าวโพดออกจากฝักอยู่

นางจะพาเจ้าสามกับคนที่เหลือไปด้วย และพวกเขาก็จะได้แต้มค่าแรงหลังช่วยกันกะเทาะข้าวโพดเสร็จ

ส่วนซูสวิ่นน้อยนั้นอยู่ในความดูแลของหลินชิงเหอตอนที่เธออยู่บ้านในช่วงบ่าย

ซูสวิ่นน้อยช่างว่านอนสอนง่ายเหมือนกับพี่ชายของเขา เมื่อใดที่เขาได้กินอิ่มและได้เปลี่ยนผ้าอ้อม ก็ไม่ต้องดูแลอะไรเขามากนักไปชั่วขณะหนึ่ง ถ้าปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองเขาก็ยังเล่นได้อย่างร่าเริง และหลังจากเล่นได้ไม่นานนักเขาก็จะหลับไป

ในวันเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงวันสุดท้าย ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสร็จงาน

ขั้นตอนต่อไปคือการตากธัญพืชในปริมาณมหาศาลให้แห้ง จากนั้นก็ส่งให้กับฝ่ายจัดสรร

บริเวณลานตากเมล็ดพืชในช่วงนี้ไม่มีที่ไหนว่างเลย ผลผลิตในปีนี้ก็ดีเหมือนกับหลายปีก่อนหน้านั้นเหมือนกัน ทำให้ผู้หญิงในหมู่บ้านต่างคุยกันว่าจะหาเวลาว่างซื้อผ้ามาจากในอำเภอเพื่อมาตัดชุดใหม่ให้คนในครอบครัวคนละ 2 ชุด

ตอนนี้เองสะใภ้รองก็อยากประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์กับหลินชิงเหอ เมื่อหล่อนมาหาหลินชิงเหอ หล่อนก็ถามว่าปีนี้เธอจะซื้อผ้าหรือไม่ หากเธออยากซื้อผ้า หล่อนจะได้นำผ้าของเธอกลับมาด้วยกันกับส่วนของหล่อน

เมื่อเห็นว่าหล่อนเต็มใจจะสนทนากับเธอแล้ว เธอก็ตอบกลับว่าไม่เป็นไร

ปีนี้ยังมีผ้าบางส่วนเหลืออยู่ที่บ้าน ยิ่งกว่านั้นมันก็ยังไม่จำเป็นต้องตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้กับคนในบ้าน ยกเว้นชุดชั้นในใหม่สำหรับเจ้ารอง

ใช่แล้ว เธอต้องตัดเย็บกางเกงในใหม่อีกคู่หนึ่งให้เขากับเจ้าใหญ่ด้วย

ส่วนเจ้าสามนั้นไม่จำเป็น เขาไม่ต้องมีตัวใหม่ก็ได้

วันนั้นเองหลินชิงเหอก็กลับมาจากที่โรงเรียนพร้อมกับนำธัญพืชมาด้วยหนึ่งกระสอบ

มันเป็นค่าตอบแทนที่ให้กับคุณครูสำหรับการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งแต่ละคนจะได้เมล็ดข้าวโพดกัน 30 ชั่ง

ต้องยอมรับว่าใครบ้างไม่ต้องการอาหารฟรี? เพียงแต่น่าเสียดายที่เงินเดือนกับแต้มค่าแรงของเดือนนี้ถูกหักไปครึ่งหนึ่งเท่านั้น

หลังส่งส่วนที่ต้องแจกจ่ายให้สาธารณชนแล้ว หมู่บ้านนี้ก็รีบแจกจ่ายธัญพืชกันทันที

เป็นเรื่องดีที่ทุกบ้านสามารถสะสมอาหารจำนวนมากสำหรับครอบครัวของตัวเองได้ ผู้คนทุกวันนี้ต่างกลัวต่อความอดอยากโดยแท้ พวกเขาไม่ได้กินอาหารอย่างเท่าเทียมกันเหมือนตอนยุค 1950 แล้ว ใครล่ะไม่อยากให้บ้านของตัวเองมีอาหารกินมากขึ้น?

ครอบครัวของเธอจึงขอยืมรถเข็นจากบ้านของโจวต้งกับโจวซีอีกครั้งเพื่อขนพวกมันกลับไป

ปีนี้พวกเขาได้แต้มค่าแรงเพิ่มขึ้นเพราะหลินชิงเหอ ทำให้พวกเขาได้ส่วนแบ่งอาหารมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ยังซื้ออาหารให้ตัวเธอเองเป็นจำนวนมาก

จากนั้นเธอก็บ่นให้ฝ่ายผลิตฟังว่าเด็ก ๆ บ้านเธอเติบโตขึ้นทุกวัน พวกเขาสามารถกินอาหารเยอะขนาดที่ทำให้ครอบครัวยากจนได้เลยทีเดียว

เนื่องจากตอนนี้เธอมีชื่อเสียงเป็นไปในทางที่ดีแล้ว เธอจึงต้องให้คำอธิบายเพิ่มเติม

ใครบางคนจึงเสนอให้แต่ละมื้อกินกันน้อยลงบ้าง

แต่หลินชิงเหอก็ตอบกลับไปว่า “ตอนนี้เด็ก ๆ กำลังโต พวกเขากินน้อยลงกว่านี้ไม่ได้หรอกค่ะ พวกเขาต้องกินให้อิ่มร้อยละเก้าสิบ หากพวกเขาอดอาหารในตอนนี้ แล้วในอนาคตตัวไม่สูงขึ้นจะทำอย่างไรคะ?”

ดังนั้นแล้วพวกเขายังต้องกินมากขึ้น

หลินชิงเหอจึงได้ธัญพืชกลับไปให้ครอบครัวเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และมันหวาน

จากนั้นก็มีใครบางคนเห็นเธอขนพวกมันเข้าไปในอำเภอ แต่หลินชิงเหอก็บอกว่าเธอนำธัญพืชพวกนั้นไปให้น้องสามีกิน พูดแบบนี้แล้วจะมีใครสงสัยอีกล่ะ?

ทุกคนต่างรู้กันว่าหลินชิงเหอกับโจวเสี่ยวเม่ยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยโจวเสี่ยวเม่ยแต่งงานเข้าไปอยู่ในเมืองและฝากลูกชายทั้งสองไว้ให้ดูแลที่นี่

ในตอนที่น้องชายสามตระกูลหลินมาส่งข้าวสาลี 30 ชั่ง หลินชิงเหอไม่อยู่บ้านพอดี โจวชิงไป๋ที่อยู่บ้านเลยเป็นคนรับไว้แทน

เมื่อได้ยินว่าภรรยาอนุญาตให้เขาเก็บไว้แล้ว โจวชิงไป๋ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“พี่เขยครับ นี่เงิน 100 หยวนที่ผมเคยยืมมาจากพี่สาวผม โปรดรับไว้เถอะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินหยิบเงินร้อยหยวนออกมาด้วยเช่นกัน

ค่าส่วนต่างอื่น ๆ ทั้งหมดรวมอยู่ใน 100 หยวนนี้แล้ว

ก่อนที่น้องชายสามตระกูลหลินจะสร้างบ้าน หลินชิงเหอก็ให้เขายืมเงินไป ซึ่งจริง ๆ แล้วเงิน 100 หยวนไม่ได้ถูกใช้ไปทั้งหมด เพราะเขาสร้างบ้านอิฐหลังเล็กเท่านี้ มันจึงใช้เงินไปไม่มากนัก เหนืออื่นใดเขาก็ได้เงินบางส่วนมาบ้างในตอนที่แยกตัวออกไปจากบ้านใหญ่

บวกกับเงินที่เก็บได้จากการประหยัดอดออมใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ ก็กลายเป็นเงินก้อนนี้ที่น้องชายสามตระกูลหลินยื่นให้

เนื่องจากน้องชายสามตระกูลหลินเก็บสะสมอาหารไว้ได้มากพอที่จะเลี้ยงครอบครัวในปีนี้ เขาจึงนำเงินมาให้

“นายมาหาและบอกเรื่องนี้กับพี่สาวของนายในครั้งหน้าเถอะ ฉันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างนายกับพี่สาวหรอก” โจวชิงไป๋บอก

เขาไม่รับเงินแทนภรรยา แต่ปล่อยให้ภรรยาตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะรับมันหรือไม่

น้องชายสามตระกูลหลินเข้าใจนิสัยของพี่เขยดี เขาจึงไม่ดึงดันจะให้ต่อ หลังปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเสร็จ เขาก็นำเงินมาให้อีกครั้งพร้อมกับไก่ฟ้าตัวหนึ่ง

คราวนี้หลินชิงเหออยู่ที่บ้าน

เธอขายธัญพืชทั้งหมดไปแล้ว ปีนี้เธอทำกำไรได้มากมายทีเดียว หลังนำของไปขายต่อแล้วเธอก็ทำเงินได้ถึง 100 หยวน

“เป็นร้อยหยวนได้อย่างไรล่ะ? ฉันไม่ได้ให้เงินนายไปซื้อธัญพืชมาก่อนนะ” หลินชิงเหอบอกและคืนเงินให้เขาครึ่งหนึ่ง

“พี่ครับ…” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ยออกมา

“แค่นี้พอแล้วล่ะ เก็บเงินนี้กลับไปเถอะ ฉันให้คูปองผ้ากับเมียนายไปแล้ว 2 ใบ ปีนี้นายก็มีรายได้เหมือนกัน ไปตัดเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกสาวคนโตกับลูกสาวคนรองของนายซะ” หลินชิงเหอแนะนำ

หลินชิงเหอรับไก่ฟ้าไว้ เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินเอ่ยลา เธอก็ให้พุทราจีนหนักราว 1 ชั่งกับเขา 1 ห่อ

“ในสองวันนี้จะเป็นวันเชือดหมู ดังนั้นพี่จะไม่ให้เนื้อกับนายนะ แต่เอาพุทราจีนห่อนี้กลับไปให้เมียกับลูกสาวกินซะ” หลินชิงเหอบอก

น้องชายสามตระกูลหลินยอมรับมันไว้ ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ พี่สาวของเขาจะให้ของบางอย่างกับเขาเสมอ

หลังจากที่เขากลับไปแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มต้มน้ำและถอนขนไก่ฟ้า

“หือ ไก่ฟ้าตัวนี้มาจากไหนน่ะ?” ท่านแม่โจวถามเมื่อนางมาที่บ้านพร้อมกับซูสวิ่น

“น้องชายของฉันเอามาให้ค่ะ ครั้งที่แล้วน้องสะใภ้ของฉันกำลังอยู่ในช่วงบำรุงร่างกายหลังคลอด ฉันก็เลยเอาของไปให้ ฉันเชื่อว่าเขาอยากให้ไก่ฟ้ากับฉันมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าการเอาของกินไปให้ครอบครัวเขาแล้วเขาจะเอามันมาให้น่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย

ท่านแม่โจวไม่ได้วิจารณ์อะไร น้องชายสามตระกูลหลินนับว่าต่างจากคนที่เหลือ พวกเขาสามารถคบหาสมาคมกับเขาได้

หลินชิงเหอทอดไก่ฟ้าครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเธอนำไปตุ๋นทำน้ำแกง

การมีคนจำนวนมากในครอบครัวทำให้ไก่ฟ้าตัวนี้อยู่ไม่นานนัก มันถูกกินจนหมดในวันเดียว

ตอนนี้กล้าข้าวสาลีฤดูหนาวได้รับการปลูกแล้ว และอากาศก็เย็นลงเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าจะมีฝนกับหิมะมาเร็วก่อนกำหนด โจวชิงไป๋ก็ขี่จักรยานออกไปแต่เช้าตรู่เพื่อไปรวบรวมไม้ฟืน

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สะใภ้รองสำนึกแล้วใช่ไหม จริง ๆ เวลาเธอไม่อิจฉาใครเธอก็ดีนี่นา

น้องชายสามยังดีกับแม่เสมอต้นเสมอปลาย ดีจังเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท