บทที่ 257 ตั้งครรภ์โดยไม่คาดฝัน
เมื่อสามพี่น้องกลับมา โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็ยังไม่เสร็จ
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอกกับเสียงกระซิบกระซาบของสามพี่น้อง คนทั้งคู่ก็ไม่สนใจ ยังคงกอดกันและทำกิจกรรมต่อ
ครอบครัวนี้เคยเลี้ยงสุนัขทหารชื่อเฟยอิงไว้เฝ้าบ้าน แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้วมันก็ได้จากไปเพราะอายุที่มากและโรคชรา
มันถือเป็นสมาชิกตัวหนึ่งของครอบครัว พวกเขาจึงฝังศพของเฟยอิงอย่างสมเกียรติเพื่อให้มันไปสู่สุขคติ
หลังจากทั้งคู่เสร็จกิจแล้ว หลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้น “ทำไมคุณถึงยังคลั่งไคล้กับเรื่องนี้อยู่อีกคะ?”
เธอเคยได้ยินมาจากเพื่อนผู้หญิงมาก่อนหน้านี้ว่า คู่รักจะหลงใหลซึ่งกันและกันใน 2 หรือ 3 ปี หลังจากนั้นพวกเขาก็จะบริสุทธิ์ยิ่งกว่านักพรต แม้จะนอนเปลือยอยู่ด้วยกันก็ไม่เกิดความคิดพรรค์นั้นขึ้นมาแม้แต่น้อย
ทำไมสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่ไม่ตรงกับสิ่งที่บรรดาเพื่อนสนิทในชาติที่แล้วพูดไว้เลยล่ะ?
ความปรารถนาในตัวเธอของสามีไม่ได้ลดน้อยลงเลยยามที่ทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากกว่าเดิม กลับกันยิ่งแรงกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
“แต่คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอครับ?” โจวชิงไป๋ตอบ
หลินชิงเหอพยักหน้าด้วยอาการสงบ ใช่เธอชอบ
“นอนนะครับ” โจวชิงไป๋หัวเราะ และนอนกอดเธอ
เขากับภรรยาจะสูญเสียความเสน่หาต่อกันได้อย่างไรล่ะ? นี่ภรรยาของเขานะ เขารักใคร่เธอมาก
ก่อนหน้านี้ที่เธออยู่บ้านก็เป็นแบบนี้ แล้วตอนนี้ล่ะ? จะมีกี่ครั้งกันที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันใน 1 ปี? เขาต้องคิดถึงเธอแน่ ๆ
น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ยังจะรอจนกว่าเธอจะเรียนจบและขยันทำงานอย่างหนักต่อ แต่ตอนนี้มันไม่มีโอกาสแล้ว
หลินชิงเหอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เธอเหนื่อยมากจนนอนหลับไปแล้ว
วันที่สองของวันปีใหม่คือวันที่ลูกเขยและครอบครัวของพวกเขาจะมาเยี่ยม ซึ่งพี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองก็มาเคาะประตูบ้านเรียก
กฎหมายต่าง ๆ ผ่อนคลายลงเมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว พี่สาวทั้งสองจึงไม่มีใครยั้งมืออีกต่อไป ทั้งคู่ต่างเลี้ยงไก่ไว้เป็นจำนวนมาก
บางทีอาจเป็นเพราะการได้บริโภคไข่ พวกหล่อนจึงดูผุดผ่องมีน้ำมีนวลมากกว่าปีที่แล้ว
พี่สาวทั้งสองคนมาถึงครู่หนึ่งแล้ว จากนั้นซูต้าหลินก็พาลูกชายคนโตทั้งสองคือซูเฉิงน้อยกับซูสวิ่นน้อยมา
ส่วนโจวเสี่ยวเหมยนั้นไม่ได้มา เพราะกำลังดูแลลูกสาวคนเล็กอยู่ที่บ้าน
“ทำไมพวกเธอถึงไม่มาด้วยกันล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“เสี่ยวเหมยท้องน่ะครับ” ซูต้าหลินสารภาพเสียงอ่อย
หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง เพราะโจวเสี่ยวเหมยบอกว่าหล่อนจะไม่คลอดลูกอีกแล้ว
เหตุการณ์นี้ช่างน่าขันนัก
ทั้งซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเหมยต่างไม่มีแผนจะมีลูกคนนี้ ลูกชาย 2 คนกับลูกสาวอีก 1 คนก็น่าจะพอแล้วถูกไหม?
ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้รวยมากนักต่อให้จะมีรายได้สองทางก็ตาม แรงกดดันคงจะหนักไม่น้อยในยามที่เด็ก ๆ โตขึ้น
หล่อนจึงไม่อยากมีลูกเลย
แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
คนทั้งคู่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หลายครั้งจะเกิดอารมณ์ขึ้นมา พวกเขาซื้อถุงยางอนามัยกันทุกเดือน แต่มีบางครั้งที่ถุงยางหมด จึงมีบางครั้งที่พวกเขาไม่ได้สวมถุงยางกัน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเวลานาน มีเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวที่พวกเขาไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยในเดือนที่แล้ว เด็กน้อยคนนี้จึงมาเกิดในเดือนนี้
พวกเขารู้เรื่องนี้เมื่อสามวันที่แล้ว โจวเสี่ยวเหมยพบว่ารอบเดือนเดือนนี้ของหล่อนไม่มาแถมยังมีอาการคลื่นไส้ ทำให้หล่อนรู้สึกตงิดใจขึ้นมา
หล่อนไปที่โรงพยาบาล และก็เป็นที่แน่ใจว่าหล่อนตั้งครรภ์
ซูต้าหลินจึงถูกโจวเสี่ยวเหมยค้อนใส่บ่อย ๆ
พวกเขาทำอะไรไม่ได้เพราะหล่อนตั้งครรภ์ไปแล้ว ทั้งสองจึงตัดสินใจจะให้กำเนิดเด็ก โจวเสี่ยวเหมยถึงกับบอกว่าหลังคลอดลูกครั้งนี้แล้วจะต้องให้ซูต้าหลินไปทำหมัน
หลินชิงเหอคิดในใจว่าเธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดีจริง ๆ บัณฑิตหนุ่มสาวกลับสู่ตัวเมืองใน 2 ปีที่แล้ว งานที่ยังว่างอยู่ก็หายากขึ้น หากมีคนใดคนหนึ่งลาออกตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้งานเดิมของตนกลับมา
ในวันที่สองของวันปีใหม่ หลินชิงเหอได้ให้การต้อนรับคนทั้งสาม และในวันที่สามของวันปีใหม่ เธอก็พาโจวชิงไป๋กับลูก ๆ เข้าอำเภอ
พวกเขาทั้งหมดแวะที่บ้านของโจวเสี่ยวเหมย
โจวเสี่ยวเหมยให้การต้อนรับพวกเขาครู่หนึ่งก่อนจะดึงตัวหลินชิงเหอเข้าไปคุยในห้อง
“พี่สะใภ้ ฉันช่างมีชีวิตที่โชคร้ายจริง ๆ ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยตัดพ้อ
“เธอสมควรแล้วล่ะ โทษฐานที่ใคร่ครวญดีแล้วแต่ก็ยังกล้าเสี่ยงโชคของตัวเอง” หลินชิงเหอบอกอย่างไม่ลังเล
โจวเสี่ยวเหมยได้ยินก็อับอาย “ตอนนั้นไม่มีทางเลือกนี่คะ”
“แต่ในเมื่อเธอท้องแล้ว ก็อย่าใส่ใจเรื่องนั้นมากเลย เปิดใจยอมรับซะ” หลินชิงเหอเอ่ยปลอบ
“ฉันแค่กังวลเกี่ยวกับงานน่ะค่ะ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ฉันก็เลยไปถามลุงของเขาดู ซึ่งปีนี้จะมีคนจำนวนมากจากชนบทที่ได้รับอนุญาตให้กลับมาในเมือง ฉันเลยกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำงานหลังลาออกไปแล้วน่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ย
ลืมเรื่องแผนที่จะย้ายเข้าเมืองหลวงในอนาคตไปก่อน ตำแหน่งงานนี้เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องใส่ใจในตอนนี้
ต่อให้ได้เงินเดือนเพียง 20 หรือ 30 หยวน แต่ถ้ามีเงินจำนวนนี้ก็รู้สึกอุ่นใจ
ถ้าหล่อนก้าวลงมา ซูต้าหลินก็จะเป็นคนเดียวในบ้านที่ต้องทำงาน
“ปีนี้จะมีบัณฑิตหนุ่มสาวหลายคนกลับเข้ามาในเมืองจริง ๆ ล่ะ” หลินชิงเหอยืนยัน
“งั้นงานของฉันจะต้องหายไปแน่ ๆ หากฉันหยุดพักยาว ๆ น่ะสิคะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ
“หายไปก็ช่างมันเถอะ ใน 1 หรือ 2 ปีนี้จะมีการวางแผนครอบครัวอย่างเข้มงวด เด็กคนนี้จะเป็นลูกคนสุดท้อง คลอดมาแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะในอนาคตเธอจะไม่มีโอกาสได้มีลูกแล้ว” หลินชิงเหอบอก
“พี่สะใภ้สี่ ตอนนี้ฉันกังวลว่าโรงงานของต้าหลินจะได้รับผลกระทบในอนาคตหรือไม่นี่สิคะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยออกมา
“ถ้าโรงงานของเขาได้รรับผลกระทบก็โทรหาพี่ในทันที” หลินชิงเหอบอกเบอร์โทรศัพท์ของอาจาย์ที่ปรึกษาของเธอ
โจวเสี่ยวเหมยรีบคว้าปากกาจดเบอร์โทรศัพท์ลงทันที
“ถ้าเขาถูกปลดจากงานแล้ว เธอโทรมาบอกฉันได้ ฉันจะจัดการเรื่องให้น้องเขยอยู่ที่นั่น” หลินชิงเหอสั่ง
ถ้าเป็นคนอื่น หลินชิงเหอคงไม่กล้าใหัสัญญาจริง ๆ แต่ในเมื่อเป็นซูต้าหลินแล้ว หลินชิงเหอก็มีความสุขที่จะช่วยเหลือ
อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะว่าหลินชิงเหอเคยกินซาลาเปาที่ซูต้าหลินทำ
ตอนที่เธอกับลูกชายคนโตไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันก็ใช้เวลา 2 วัน ซึ่งซูต้าหลินได้ทำซาลาเปาและส่งไปให้พวกเขากิน
หลินชิงเหอรู้สึกว่าถ้าซูต้าหลินตั้งร้านขายซาลาเปาในเมืองหลวง เขาก็คงทำได้ไม่เลวเลย
“พี่สะใภ้สี่ พี่คงไม่คิดจะบอกให้ต้าหลินขายซาลาเปาหรอกใช่ไหมคะ?” โจวเสี่ยวเหมยพึมพำ
หลินชิงเหอดีดหน้าผากหล่อนอย่างหมั่นเขี้ยว แม้หญิงสาวคนนี้จะมีลูกสามคนหลังแต่งงานกับซูต้าหลินแล้ว และกำลังจะมีคนที่สี่ หล่อนก็ยังรักความสบาย ยังจุกจิกเรื่องมากอยู่เหมือนเดิม
“พี่รู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร เธออยากพูดว่าการตั้งแผงขายของของเป็นเจ้านายตัวเองไม่ใช่งานน่าเคารพนับถือใช่ไหมล่ะ?” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ในต้นปี 1980 หากใครสักคนบอกว่าพวกเขาเป็นพนักงานจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าบอกว่าพวกเขาเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง เขาก็จะได้รับการดูถูก
“ในอดีตตอนที่ฉันหรือพี่สะใภ้สี่ของเธอซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพื่อเรียนหนังสือ คนมากมายก็บอกว่าฉันเป็นหญิงขี้เกียจสันหลังยาว และพูดบ่อย ๆ ว่าพี่ชายสี่ของเธอโชคร้ายนักที่มาแต่งงานกับฉัน ฉันไม่ได้อธิบายอะไรสักคำและไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้น ทีนี้พอถึง 10 ปีผ่านไป มีใครบ้างที่ไม่อิจฉาโชควาสนาของพี่ชายสี่ของเธอ?” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างเป็นกลาง
……………………………………………………………………………………