ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 308 ครอบครัวที่อยู่อย่างกลมเกลียวจะเจริญรุ่งเรือง

บทที่ 308 ครอบครัวที่อยู่อย่างกลมเกลียวจะเจริญรุ่งเรือง

บทที่ 308 ครอบครัวที่อยู่อย่างกลมเกลียวจะเจริญรุ่งเรือง

พี่ชายรองถึงกับอึ้ง ก่อนเอ่ยถามอย่างงงงวย “คุณพูดอะไรนะ?”

สะใภ้รองจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้เขาฟัง “ฉันอยากให้ลิ่วนีไปเมืองหลวงเพราะลิ่วนีอยากไป แต่สะใภ้สี่ก็ไม่ให้หล่อนไป ขณะที่เอ้อร์นีไม่ได้พูดอะไรและพี่สะใภ้ใหญ่ก็กำลังจะหาคู่ครองให้หล่อน แต่ท้ายที่สุดแล้วสะใภ้สี่กลับเลือกหล่อนไปเมืองหลวงน่ะสิคะ!”

หญิงสาวยังพูดในเรื่องของเงินเดือน เสื้อผ้าสวย ๆ และต้องการให้เอ้อร์นีหาคู่ครองที่นั่นอีก

เธอคิดทุกอย่างให้เอ้อร์นี ขณะที่ลิ่วนีของหล่อนเป็นฝ่ายออกตัวพูดว่าอยากจะไป หลินชิงเหอกลับไม่ให้หล่อนไป

เมื่อก่อนหน้านั้นตอนที่ลูกสาวคนรองกลับมาบอกเรื่องนี้ หล่อนไม่ได้เก็บมาสนใจเป็นจริงเป็นจังนัก แต่เรื่องในคืนนี้กลับทำให้หล่อนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

หล่อนจึงรอพี่ชายรองกลับมาทั้งคืนเพียงเพื่อบอกเรื่องนี้กับเขา

แต่เห็นชัดว่าหล่อนยังไม่รู้จักสามีตัวเองดี

เมื่อพี่ชายรองได้ยินดังนี้ เขาก็มีท่าทางฮึดฮัดขึ้นมา “คุณไม่รู้จักอายบ้างเหรอ? คุณอยากให้ยัยเด็กขี้เกียจลิ่วนีไปเนี่ยนะ?”

เทียบกับภรรยาผู้ไม่ตระหนักในตัวเองแล้ว พี่ชายรองรู้ดีว่าลูกสาวคนรองของเขามีนิสัยเป็นอย่างไร

ต้องบอกว่าหล่อนขี้เกียจอย่างไร้ขอบเขตเลยทีเดียว

ในความคิดของพี่ชายรอง การให้เด็กสาวคนนี้แต่งงานออกไปคงจะเป็นหนทางจบเรื่องนี้ อย่างไรเสียมันก็ไม่ได้ทำร้ายครอบครัวเขาเองอยู่แล้ว ให้คนอื่น ๆ เป็นคนสั่งสอนหล่อนเถอะ หลังหล่อนแต่งงานออกไปแล้วก็คงมีเหตุมีผลมากขึ้น

หากใช้เกณฑ์ห้าดาวมาประเมินลูกสาวคนนี้ ลิ่วนีคงได้รับอย่างมากที่สุดเพียงหนึ่งดาวจากพี่ชายรอง เห็นแก่การที่หล่อนยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่หรอก ไม่อย่างนั้นหล่อนคงจะไม่ได้เลยสักดาวเดียว

ปล่อยให้ลูกสาวแบบนี้ไปช่วยงานร้านเกี๊ยวของน้องชายสี่ในเมืองหลวงน่ะเหรอ? พี่ชายรองคิดแล้วก็หัวเราะ

“สะใภ้สี่ไม่ให้หล่อนไปก็เพราะมีสายตาเฉียบคม เอ้อร์นีเป็นคนอย่างไร? แล้วลิ่วนีของเราเป็นคนอย่างไร? ไม่ใช่ว่าผมไม่รักลูกสาวของผมนะ แต่คุณบอกหน่อยสิว่ามีส่วนไหนที่ลิ่วนีเทียบเอ้อร์นีได้บ้าง?” พี่ชายรองเอ่ย

สะใภ้รองได้ยินก็ทุบสามีด้วยความโมโห “คุณพูดอะไรน่ะ? ลิ่วนีเป็นลูกสาวของคุณนะ!”

“ต่อให้เป็นลูกสาวผมเองก็ไม่ต่างกันหรอก ร้านเกี๊ยวของอาสี่กว่าจะเปิดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้พวกเขาต้องการหาคนมาช่วย พวกเขาต้องหาคนที่เรียบร้อยและแคล่วคล่องว่องไวอยู่แล้ว ลิ่วนีเป็นแบบนี้ผมก็ไม่อนุญาตให้หล่อนไปหรอกต่อให้สะใภ้สี่อนุญาตก็ตาม อย่าให้หล่อนไปสร้างปัญหามากกว่านี้เลย ให้ซานนีไปแทนลิ่วนียังจะดีกว่าเสียอีก” พี่ชายรองเอ่ย

“แต่สะใภ้สี่ไม่ได้พูดถึงซานนีเลยนะคะ” สะใภ้รองสวนกลับ

“เพราะมีเอ้อร์นีแล้วไม่ใช่เหรอ? เอ้อร์นีน่ะสามารถทำงานแทนทั้งสองสาวได้ พวกเขายังจะต้องการใครเพิ่มอีก? คุณคิดว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นที่แบบไหนกัน” พี่ชายรองตอบ

สะใภ้รองยังคงรู้สึกขุ่นเคืองใจ “ฉันคิดว่าสะใภ้สี่ก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ หล่อนไม่ได้ให้ค่าครอบครัวสายรองของเรามากนักหรอก”

“ไม่เอาน่าคุณ คุณกินเป็ดย่างของหล่อนไปแล้ว แถมเซี่ยเซี่ยก็ได้ฝึกงานแล้วด้วย พวกเขาต้องยอมตามใจคุณค้ำชูคุณใช่ไหมคุณถึงจะถือว่าเป็นเรื่องดี?”พี่ชายรองเอ่ย

ในความคิดของพี่ชายรอง ภรรยาของเขาคิดมากเกินไปแล้ว

เขาเองยังสงสัยเลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้หล่อนบอกว่าครอบครัวน้องชายสี่ดูถูกเขา คงไม่ใช่เพราะเรื่องน่ารำคาญนี่กับอาการย้ำคิดย้ำทำของภรรยาหรอกนะ

สะใภ้รองเอ่ยตอบ “เรื่องของเซี่ยเซี่ยต้องขอบคุณน้องชายสี่จริง ๆ แต่คุณไม่อยากให้ลิ่วนีไปที่นั่นและได้เจอกับสามีในอนาคตเหรอคะ?”

“ผมว่านะ ทำไมคุณนี่ชอบคิดมากจริงเลย” พี่ชายรองเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ลิ่วนีเป็นแบบนี้คุณก็เห็น ถ้าหล่อนไม่เรียนรู้ที่จะประพฤติตัวให้ดี ผมยังคิดอยู่เลยว่าหล่อนจะขายออกไหม หล่อนกินจนเกลี้ยงไม่เหลือแต่กลับไม่ทำอะไรเลย คุณยังอยากให้หล่อนหาผู้ชายสักคนในเมืองหลวงอยู่อีกเหรอ? ลูกสาวคุณเลี่ยมทองหรือหยกหรืออย่างไร? เรื่องนี้ทำไมคุณไม่ถามสวรรค์เสียเองเล่า?”

สะใภ้รองถึงกับลำคอตีบตันจนแทบหายใจไม่ออกก่อนเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย “ฉันไม่เคยเห็นพ่อที่ไหนเป็นแบบคุณเลย ไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองได้ดี!”

“ถูกต้อง ถ้าลูกสาวผมได้แต่งงานกับคนดี ๆ ผมก็จะเป็นคนห้ามไม่ให้หล่อนแต่งงาน เป็นคนติดดินจะดีกว่านะ อย่าคิดจะบินก่อนที่จะเดินได้เลย คน ๆ หนึ่งจะมีความสามารถเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำงานได้มากขนาดไหน” พี่ชายรองกล่าว

หลังพูดจบเขาก็เมินภรรยาและชิงนอนหลับไปก่อน ส่วนหล่อนเองก็รู้สึกอิ่มมากจนไม่มีอะไรทำแล้วจึงได้แต่อยู่เฉย ๆ

สะใภ้รองยังคงรู้สึกหดหู่

ทำไมลูกสาวของหล่อนถึงโชคร้ายขนาดนี้นะ? ที่ลูกสาวคนรองไม่ได้ทำงานมากนักก็เป็นเพราะลูกสาวคนโตขยันเกินไปจนทำทุกอย่างไม่ใช่หรือ หล่อนยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ?

ดูจากนิสัยของลูกสาวคนรองแล้ว หล่อนเหมาะที่จะมีชีวิตที่ดีและไม่ต้องทำงานสิ

เช้าตรู่วันต่อมา สะใภ้รองก็เอ่ยถามสะใภ้ใหญ่ “เมื่อเย็นฉันกลับไปก่อนน่ะค่ะเลยไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สรุปแล้วในอนาคตเอ้อร์นีจะหาคู่ครองในเมืองหลวงจริง ๆ เหรอคะ?”

“สะใภ้สี่ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้หรอก คนฐานะอย่างเราจะไปเมืองหลวงเพื่อหาคู่ครองน่ะเหรอ? แม่ซานนี อย่าพูดเล่นน่า” สะใภ้ใหญ่ตอบอย่างไม่จริงจังนัก

พี่ชายรองเดินออกจากบ้านมาก็ได้ยินเข้า เขาจึงเหลือบมองภรรยาของตัวเอง

เขาดูท่าทางของสะใภ้ใหญ่แล้วมาดูท่าทางของภรรยา หล่อนยังไม่ยอมแพ้สินะ

สะใภ้รองเมินสายตาตำหนิของสามีแล้วเอ่ยต่อ “ไม่มีที่ว่างจริง ๆ เหรอคะ? ลิ่วนีเองก็เป็นเด็กดีไม่น้อยเลยนะ”

“ลิ่วนีก็ไม่ได้แย่จ้ะ แต่เอ้อร์นีแก่กว่าหล่อนนิดหน่อย หล่อนเลยมีวุฒิภาวะมากกว่า อีกอย่างหนึ่งถ้าเอาเด็กเล็กขนาดนี้ไปเดี๋ยวผู้คนก็จะครหาได้ว่ารังแกเด็ก ถ้าย้อนกลับไปในสมัยที่มีการประณามกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าของที่ดินบางคนก็ใช้แรงงานเด็กหรอกหรือ?” สะใภ้ใหญ่ตอบ

“ครอบครัวเดียวกันจะถือเป็นการใช้แรงงานเด็กได้อย่างไรคะ? เป็นการช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง” สะใภ้รองโต้

“พูดกับพี่ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะ มันเป็นเรื่องของสะใภ้สี่ พี่จะตัดสินใจแทนหล่อนได้ยังไง?” สะใภ้ใหญ่เอ่ยอย่างเริ่มหมดความอดทน

“ผมว่านะ คุณรีบออกไปหาคนอื่นมาคุยด้วยจะดีกว่า” พี่ชายรองที่ฟังอยู่ใกล้ ๆ ก็ทนไม่ได้อีกต่อไปและโบกมือไล่หล่อน

สะใภ้รองจึงทำได้เพียงทำหน้ามุ่ยเดินออกจากบ้านไป

สะใภ้ใหญ่มองพี่ชายรองอย่างจนใจและเอ่ยขึ้น “น้องชายรอง พี่ต้องพูดอะไรสักหน่อย สะใภ้สี่น่ะต้องการเด็กสาวมาช่วยงานพวกเขาสักคน ความจริงแล้วไม่ว่าหล่อนจะขอใครไปพี่ก็ไม่แย้งอะไรหรอก แต่น้องชายสี่กับสะใภ้สี่ไปอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้สบาย พวกเขาต้องจากบ้านเกิดไปและไม่มีใครคอยช่วย คนทางฝั่งเราไปเพื่อไปช่วยพวกเขา ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็ไม่ควรจะสร้างความยุ่งยากให้พวกเขามากกว่าเดิม”

พี่ชายรองยังให้ความนับถือสะใภ้คนนี้อยู่จึงพยักหน้ารับ “พี่สะใภ้ใหญ่พูดถูกแล้วครับ”

“เมื่อวานพี่ได้ยินจากพี่ชายใหญ่ว่าหน้าร้อนนี้น้องชายสี่จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ด้วย นับจากตอนนั้นไปก็จะเป็นหน้าที่ของน้องชายสี่ที่ต้องดูแลพวกเขา เนื่องจากเราไปที่นั่นไม่ได้ พี่ก็เลยส่งเอ้อร์นีไป พี่คิดว่าถ้าเอ้อร์นีมีเวลาว่าง หล่อนก็สามารถเข้าไปทำความสะอาดและหุงหาอาหารให้คุณปู่คุณย่าของหล่อนได้” สะใภ้ใหญ่อธิบาย

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ให้เอ้อร์นีไปที่นั่นดีแล้วครับ ผมเองก็เห็นสาวน้อยคนนี้เติบโตมา หล่อนทั้งเรียบร้อย คล่องแคล่วว่องไว อ่านออกเขียนได้เหมือนกับพี่สาวของหล่อน ลิ่วนีเองก็ตัวเท่านี้แถมยังเกียจคร้านสุด ๆ ให้หล่อนทำงานบ้านอยู่ที่บ้านก็พอแล้วครับ” พี่ชายรองตอบ

“พี่โล่งใจจริง ๆ ที่น้องรองไม่ได้ตำหนิพี่ พี่แค่กังวลว่าสะใภ้รองจะเก็บเรื่องนี้จำใส่ใจและรู้สึกว่าสะใภ้สี่ลำเอียงต่อครอบครัวสายแรกของพี่น่ะจ้ะ” สะใภ้ใหญ่เอ่ย

พี่ชายรองยิ้มให้ความมั่นใจ “ไม่หรอกครับ หล่อนไม่คิดแบบนั้นหรอก ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันจะลำเอียงแบบนั้นได้ยังไง”

สะใภ้ใหญ่ไม่พูดอะไรหลังจากนั้น

ในฐานะลูกสะใภ้คนแรกแล้ว หล่อนยังมีความรับผิดชอบในบางเรื่อง หล่อนต้องทำให้ทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างรักใคร่กลมเกลียว จะได้เจริญรุ่งเรืองและไม่เกิดเรื่องจนเป็นที่ขายหน้ากับคนนอก

………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท