ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 529 งูกับหนูอยู่รังเดียวกัน

บทที่ 529 งูกับหนูอยู่รังเดียวกัน

บทที่ 529 งูกับหนูอยู่รังเดียวกัน

ในความคิดของหลินชิงเหอ โจวซื่อนีหลานสาวคนนี้ของตัวเองเป็นคนที่ดีมาก ๆ หล่อนมีใจรักความก้าวหน้า อีกทั้งยังมองโลกในแง่ดีและขยันหมั่นเพียร เป็นหญิงสาวที่ส่องสว่างราวพระอาทิตย์

ไม่อย่างนั้นหลินชิงเหอจะไม่เต็มใจที่จะแนะนำหล่อนให้กับเวิงกั๋วต้งอย่างนั้นหรือ ตัวเวิงกั๋วต้งเองไม่ขาดตกบกพร่องอะไร เพียงแต่เธอกังวลกลัวว่าเขาจะทำให้โจวซื่อนีเสียใจก็เท่านั้น ดังนั้นเขาจะทำอะไรทำไป อย่ามายุ่งกับหลานสาวของเธอเป็นพอ

ขนาดเวิงกั๋วต้งเธอยังไม่ยอมแนะนำให้ แล้วนับประสาอะไรกับครอบครัวตระกูลจู

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ความมั่นใจเกินตัว หลงตัวเอง เย่อหยิ่งของแม่เฒ่าจูนั้นก็ทำให้คนอื่นรู้สึกรับไม่ไหวแล้ว

เมื่อก่อนก็เคยประสบกับเรื่องของหู่จือมาแล้ว ซึ่งความหยิ่งของแม่เฒ่าจูนั้นนับว่าอยู่ในระดับสูงลิ่ว

โจวเสี่ยวเหมยพูด “ตระกูลจูนั่นมีคุณธรรมที่ไหน ตลอดมาก็คิดว่าตัวเองดีเหนือใคร ที่ไปมาหาสู่กับคุณแม่ก็เหมือนบริจาคทาน ตั้งแต่ปีก่อนฉันก็เห็นเค้าลางมาแล้วล่ะคะ แต่วันนี้ไม่มีข่าวคราวอะไร ฉันก็ยังนึกว่าฉันรู้สึกไปเอง ตอนนี้หล่อนกลับมาอีกแล้ว”

“น่าเห็นใจเพราะหลานชายหล่อนถูกคนอื่นทิ้งมา ไม่มีแฟนแล้ว ดังนั้นจึงกลับมาหาซื่อนีละมั้ง” หลินชิงเหอขัดหลังและพูดไปด้วยอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ที่เธอพูดมาก็ถูก

หลานชายแม่เฒ่าจูคนนั้นตอนนี้ตกงานกลับมาอยู่บ้านแล้ว เดิมทีแฟนของเขาคนนั้นก็เป็นเขาที่ไปเลียแข้งเลียขามา แต่ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ หล่อนจึงไม่สนใจก็เท่านั้น

แต่ใครจะคิดว่าเดือนที่ผ่านมาเขาจะตกงาน นั่นทำให้แฟนคนนั้นหมดความสนใจในตัวเขา และบอกเลิกไป

ดังนั้นลูกสาวของแม่เฒ่าจูจึงคิดถึงแม่ของหล่อนขึ้นมา ก่อนหน้านี้หล่อนมาหาแม่ของตน และได้ยินแม่หล่อนบอกว่าหญิงสาวที่หล่อนรังเกียจเป็นสาวชนบท

แม้ว่าหล่อนจะเป็นคนชนบท แต่อากับอาสะใภ้ของหล่อนมีเงิน ถึงในตอนนี้ลูกสาวของแม่เฒ่าจูก็ยังคงดูถูก ไม่อย่างนั้นหล่อนจะให้ลูกชายไปหาคนอื่นในปีนี้หรือ?

แต่ลูกชายของหล่อนก็แยกทางกับแฟนสาวแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องพูดอีก หล่อนจึงต้องกลับมามองหลานสาวตระกูลโจวอีกครั้ง

ถ้าสามารถคุยกันได้ งั้นให้พวกเขาจัดหางานสักงานให้ลูกชายก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้แม่เฒ่าจูจึงมาหาท่านแม่โจวและสนทนาสัพเพเหระอยู่ทุกวี่วัน

หลินชิงเหอไม่ได้เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นมีอะไรให้พูดอีก

โจวเสี่ยวเหมยกลับมาจากการไปอาบน้ำกับพี่สะใภ้สี่ แล้วก็มองเห็นแม่เฒ่าจูกำลังพูดอยู่กับโจวซื่อนี

“ซื่อนี” สีหน้าของโจวเสี่ยวเหมยดำทะมึน ขณะที่ตะโกนเรียกหล่อน

แค่สวี่เชิ่งเหม่ยถูกแม่เฒ่าหูล่อลวงไปครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!

“คุณอาเล็ก” โจวซื่อนีเดินมาหา

“ข้างนอกเย็นมาก ออกมานั่งข้างนอกให้หนาวทำไม รีบเข้าบ้านไป” โจวเสี่ยวเหมยพูด

หล่อนไม่ได้สนใจแม่เฒ่าจูเลยสักนิด หลังพาโจวซื่อนีเข้าบ้านไปแล้วก็ปิดประตูตาม ก่อนจะถามโจวซื่อนีเสียงทุ้มต่ำ “เกิดอะไรขึ้น?”

“หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันค่ะ หล่อนชวนหนูไปดื่มชา หนูกำลังจะปฏิเสธเลย” โจวซื่อนีพูด

หล่อนไม่ค่อยสนิทกับแม่เฒ่าจูเหมือนกัน และไม่รู้เช่นกันว่าความสัมพันธ์ของแม่เฒ่าจูกับคุณย่าของหล่อนเป็นอย่างไร ดังนั้นหล่อนจะไปดื่มชากับอีกฝ่ายได้อย่างไร อีกอย่างหล่อนไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แม่เฒ่าคนนั้นดูกระตือรือร้นกับหล่อนมากเกินไป จนหล่อนรู้สึกกลัว

“ถูกแล้วที่เธอจะปฏิเสธ แต่ถ้าเธออยากแต่งเข้าตระกูลจูล่ะก็ เชิญตามสบายเลย” โจวเสี่ยวเหมยกล่าว

โจวซื่อรู้สึกตกใจ “มีอะไรหรือคะ?”

“ที่หล่อนทำดีกับเธอ นั่นก็เพราะหล่อนอยากยกเธอให้หลานชายหล่อนน่ะสิ” โจวเสี่ยวเหมยพูดพลางเบ้ปาก “อาเพิ่งจะพูดเรื่องนี้กับอาสะใภ้สี่ที่โรงอาบน้ำเอง เธอก็อย่าถูกคนอื่นหลอกไปไหนอีกรู้ไหม? ถ้ากล้าทำเรื่องแบบนั้นอย่างสวี่เชิ่งเหม่ย อาเล็กกับอาสะใภ้สี่จะไม่ยกโทษให้เธอแน่!”

“ไม่ค่ะ ๆ หนูไม่มีทางทำแบบพี่เชิ่งเหม่ยแน่นอน” โจวซื่อนีรีบพูด

“งั้นก็ดี” โจวเสี่ยวเหมยพูด และกล่าวเตือนอีกครั้ง “ยายเฒ่าสองคนนั่นไม่ใช่คนดีอะไร เธอต้องจำใส่ใจไว้รู้ไหม?”

โจวเสี่ยวเหมยรู้จุดประสงค์ของแม่เฒ่าจู แถมแม่เฒ่าหูยังมาที่นี่เพื่อพูดให้ท้าย ทั้งสองคนในความคิดของโจวเสี่ยวเหมยก็คืองูกับหนูอยู่รังเดียวกัน* ไม่ใช่คนดีอะไรเลย

*หมายถึงคนชั่วสองคนอยู่ด้วยกัน

โจวซื่อนีย่อมตอบตกลงเป็นธรรมดา

“ซื่อนีมาแล้ว พี่สาวรองของเธอเป็นยังไงบ้างจ๊ะ? ฝาแฝดมังกรหงส์กินข้าวได้ดีใช่ไหม?” ท่านแม่โจวพาหลานชายหลานสาวมาดูทีวี พอมองเห็นหล่อนก็พูดขึ้น

“คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง พี่สบายดีมากเลยค่ะ” โจวซื่อนียิ้มและพูดขึ้น “ส่วนเด็ก ๆ หลับไปแล้วไม่นาน หนูถึงมีเวลามาหาคุณย่ายังไงคะ” จากนั้นหล่อนก็มองซ้ายมองขวา “คุณปู่ละคะ?”

“ปู่ของหนูไปแช่น้ำร้อนกับเฒ่าหวังและก็เจ้าสามน่ะ ไม่ประหยัดกันบ้างเลย ไม่สู้ไปแช่น้ำที่โรงอาบน้ำก็พอ” ท่านแม่โจวพูดอย่างไม่ชอบใจ

ที่นี่หล่อนคนเดียวจ่ายเพียง 10 หยวนต่อคน แต่ที่นั่นคนหนึ่งก็ 20 หยวนแล้ว ทว่าลดราคาแล้วก็ตกคนละ 15 หยวน

โจวกุยหลายเพิ่งมีเวลาว่างอย่างที่หาได้ยาก เขาจึงพาคุณปู่ทั้งสองนั่งรถไป

พูดถึงโจวกุยหลายแล้วไม่พูดไม่ได้เลยว่าเขามีความกตัญญูจริง ๆ ถ้ามีเวลาว่างเมื่อใดเขาก็จะไปอยู่กับคุณปู่ทั้งสองคน หรือไม่ก็ออกไปกินข้าวถ่ายรูปต่าง ๆ

เพราะท่านพ่อโจวและผู้เฒ่าหวังยังมีกำลังวังชาดีกว่าคนที่อายุเท่ากัน พวกเขาจึงพูดกับคนอื่น ๆ ได้ว่าช่วงนี้ไปเที่ยวกับหลานที่ไหนบ้าง

“ลำบากเธอแล้วจริง ๆ การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” โจวเสี่ยวเหมยนั่งลง หยิบส้มมาให้หลานสาวแล้วพูดขึ้น

“เลี้ยงเด็กใครมันจะเป็นเรื่องง่ายได้ยังไง ต้องไม่ให้โดนแดดโดนลมแม้แต่น้อย” ท่านแม่โจวพูด

“หนูก็รู้สึกว่าไม่ง่ายเหมือนกันค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านเกิด หล่อนยังต้องลาออกมาเลี้ยงลูกเลย เรียกว่าเป็นความรู้สึกที่มืดมนจริง ๆ

หล่อนคิดถึงช่วงเวลาก่อนที่จะไปทำงานตอนนั้นที่สุด ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้สี่ของหล่อนจะให้หล่อนเอาลูกสองคนนั้นไว้ที่บ้านคุณป้าอย่างนั้นหรือ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อที่หล่อนจะได้ทำงาน

แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ไหว ลูกเยอะขนาดนั้นจะสามารถเลี้ยงอยู่ที่บ้านแม่ตลอดได้อย่างไร ดังนั้นหล่อนจึงลาออกแล้วมาอยู่ที่บ้าน

วันเวลาเหล่านั้น….

“ที่จริงดีมากเลยนะคะ” โจวซื่อนียิ้มขณะพูด เด็กสองคนถือว่าเป็นเด็กดีมาก หล่อนจัดการจนสะอาดก็นอนหลับได้แล้ว

“ที่บ้านของซานนีไม่มีเครื่องซักผ้า พวกผ้าอ้อมล่ะทำอย่างไร” จู่ ๆ ท่านแม่โจวก็นึกออกและเอ่ยขึ้นมา

“สามีพี่ซานนีซักค่ะ ซักเสร็จก็ตากไว้คืนหนึ่ง หลังจากนั้นก็วางไว้บนฝาหม้อร้อน ๆ ครึ่งวันก็แห้งแล้วค่ะ” โจวซื่อนีพูด

หล่อนไปช่วยพี่สาวอยู่ไฟหลังคลอดจึงได้รู้เรื่องเหล่านี้มา

เครื่องซักผ้าเครื่องหนึ่งราคาตั้งหลายร้อยหยวน เงินพวกนี้แม้ว่าสำหรับหลินชิงเหอจะไม่ได้เยอะนัก แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะช่วยเหลือพวกเขาเยอะขนาดนั้น

เธอช่วยซื้อหน้าร้านให้แล้วร้านหนึ่ง ที่เหลือก็อาจจะลำบากหน่อย แต่พวกเขาจะผ่านไปอย่างไรนั้นให้พวกเขาไปจัดการกันเอาเอง

อย่างอากาศในวันนี้ที่หนาวมาก หลี่อ้ายกั๋วจึงซักผ้าอ้อมเพียงครั้งเดียว ซักเสร็จก็เอาไปตากไว้ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนจะเอามาวางไว้บนฝาหม้อ

ท่านแม่โจวพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ใครจะไม่เคยผ่านอะไรแบบนี้มา ปัจจุบันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้ว

โจวซานนีหลานสาวคนนี้อยู่ไฟหลังคลอด หล่อนก็ได้ให้เงินไปแล้ว 5 หยวนแบ่งเนื้อให้กิน ทั้งยังให้ไก่หนึ่งตัวและไข่ไก่หนึ่งตะกร้า

ได้ยินว่าสะใภ้สี่ให้กระเพาะปลาไป 1 ชั่ง แถมยังเรียกหลี่อ้ายกั๋วมาสองสามครั้งเพื่อเอาไปให้หล่อนตุ๋นบำรุงร่างกาย

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ซื่อนีเป็นเด็กดี คิดจะมาล่อลวงเหรอฝันไปเถอะค่ะแม่เฒ่าทั้งสอง /กางแขนกั้นปกป้องน้อง/

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท