ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 476 คนป่าเถื่อน

บทที่ 476 คนป่าเถื่อน

บทที่ 476 คนป่าเถื่อน

“พวกนายเคยเห็นหล่อนกันหรือเปล่า? ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นเลย หล่อนสวยถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” โจวกุยหลายถาม

“สวยอะไรล่ะ? แย่กว่าพี่เอ้อร์นีมาก” โจวเฉวี่ยนตอบ

“ธรรมดามาก ๆ” หู่จือออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมา

กังจือยังไม่เคยเห็นหล่อนเช่นกัน ตอนที่รู้เรื่องนี้ เขารีบกลับมาแจ้งข่าวทันที ยังไม่ทันได้ไปดูว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไร

“ถ้างั้นทำไมถึงต้องสู้กันดุเดือดนักล่ะ? หากทำเพื่อสาวงามละก็ ฉันจะซูฮกเขาเลย” โจวกุยหลายเจ้าหน้าหมา(1) พูดพร้อมกับโบกมือ

กังจือกล่าวว่า “ฉันว่านายหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากไปแล้วนะ ทำไมนายไม่พากลับมาสักคนแล้วแนะนำให้น้าสี่กับน้าสะใภ้สี่รู้จักล่ะ?

“ม้าบอกว่าฉันจะมีแฟนได้ก็ต่อเมื่ออายุ 18 แล้วเท่านั้น” โจวกุยหลายถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสร้อย

หัวใจของเด็กหนุ่มเริ่มผลิบาน เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่าในชั้นเรียนจะมีหลาย ๆ คนที่อายุมากกว่าเขา แต่ก็มีบางคนที่อายุมากกว่าเพียงแค่ 1-2 ปี ซึ่งนี่ไม่เป็นปัญหาอะไรเลยแม้แม่ของเขาจะไม่อนุญาตก็ตาม ทว่าทันทีที่อีกฝ่ายรู้อายุของเขา สายตาที่มองมาก็จะกลายเป็นสายตาที่ใช้สำหรับมองน้องชายด้วยความเอ็นดู

เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้

สรุปแล้วก็คือ เขาเข้าโรงเรียนเร็วเกินไป

โดยเฉพาะเมื่อเขาเรียนในระบบการศึกษาระดับประถมศึกษา 5 ปี และระบบ 2 ปีสำหรับระดับมัธยมต้นและสำหรับระดับมัธยมปลาย ซึ่งเท่ากับว่าเร็วไป 3 ปีหากเทียบกับระบบการศึกษาในยุคต่อมา

ไม่เช่นนั้นเขาคงจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยตอนที่อายุ 18 ปี และสามารถคบหามีคนรักได้อย่างอิสระ หลินชิงเหอก็จะมาห้ามเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่ล่ะ?

“พี่รอง ปีหน้าพี่ก็มีคนรักได้แล้ว พี่มีสเปกไหม? พี่ชอบแบบเฝิงเฉิงเฉิงหรือเปล่า?” โจวกุยหลายถาม

“ฉันไม่รีบ” โจวกุยหลายตอบสีหน้าเรียบเฉย “นายถามหู่จือก่อนได้เลย”

“พี่หู่จือ แล้วพี่ล่ะครับ? พี่อายุไม่น้อยแล้วนะ” โจวกุยหลายหันไปถามหู่จือ

หู่จือตบหัวตัวเอง “ฉันยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย รู้แค่อยู่ด้วยกันได้ก็พอแล้ว” พี่หู่จือเป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริงมาก เขาแค่ต้องการภรรยาที่อยู่ด้วยกันได้เท่านั้น ไม่มีความต้องการอื่นอีกเลย

มาตรฐานนี้ทำให้โจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายรู้สึกขบขัน กังจือก็หัวเราะออกมาด้วย

เพราะเรื่องของสวี่เชิ่งเฉียงทำให้วัยรุ่นกลุ่มนี้ถกเถียงกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอะไรมาก

ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องโจวหรือพี่น้องหู่จือกังจือ ความรู้สึกพวกเขาที่มีต่อเรื่องของสวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมายนัก

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นญาติกันหรือไม่ พวกเขาจะสนิทสนมกันได้ก็ต่อเมื่อได้คบหาสมาคมกันมากขึ้น หากอยู่ห่างไกลกันก็ย่อมจะไม่สนิทกัน

ระยะเวลาที่สวี่เชิ่งเฉียงมาอยู่ที่ปักกิ่งไม่ใช่ช่วงสั้น ๆ แต่เขาแวะมาเยี่ยมเยียนแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นห่วงเรื่องของเขามากนัก

นอกจากนี้ ผู้อื่นก็อาจจะไม่ได้ต้องการความเป็นห่วงจากพวกเขา

วันรุ่งขึ้นหลินชิงเหอก็ขับรถไปพักผ่อนที่บ่อน้ำพุร้อน เธอไม่ได้ไปเพราะเรื่องของสวี่เชิ่งเฉียง แต่เพราะวางแผนเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว

ครั้งก่อนที่เอารถกลับมา เธอเคยสัญญากับเจ้าสามเอาไว้ จนถึงตอนนี้ล่าช้าไปมากแล้ว เหตุการณ์ก็บังเอิญมาชนกันพอดี

ตอนที่เธอมารับโจวเสี่ยวเหมย ท่านแม่โจวก็ต้องการจะสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น

“ถามชิงไป๋เถอะค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” หลินชิงเหอไม่ออกความเห็นใด ๆ เธอพาโจวเสี่ยวเหมยออกมาและไปหาคุณแม่เวิงต่อ

แน่นอนว่าคุณแม่เวิงได้รับแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้ว หล่อนดีใจมาก หลังจากคนเต็มคันรถแล้วทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางไปด้วยกัน

เมื่อคืนท่านแม่โจวนอนหลับไม่สนิทนัก ดังนั้นนางจึงมาหาลูกชายคนเล็ก

โจวชิงไป๋รู้เหตุผลที่นางมาจึงปลอบว่า “แม่ไม่ต้องกังวลนะครับ เรื่องไม่ได้ใหญ่โตอะไร”

“เฉียงจือเจ้าอันธพาลนั่น แม่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องสร้างปัญหา แต่ตอนนี้พี่สาวใหญ่ของลูกไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เขามาที่นี่อยู่คนเดียว ฉะนั้นเราจะทิ้งเขาไว้ตามลำพังไม่ได้นะ” ท่านแม่โจวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล

เพราะรู้ว่าสะใภ้สี่ไม่อยู่ นางจึงกล้าพูดออกมาเช่นนี้

แม้หลินชิงเหอจะไม่อยู่บ้าน โจวชิงไป๋ก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแล้ว “แม่ครับ พวกเขา 2 คนพี่น้องไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เชิ่งเหม่ยก็แต่งงานแล้ว พวกเขาโตกันหมดแล้วและมีชีวิตเป็นของตัวเอง เชิ่งเฉียงก็โตขนาดนี้แล้ว ตอนที่พ่อแต่งงานกับแม่ พ่ออายุเท่าไหร่ล่ะครับ? พวกเขาเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงจะไม่ชอบใจแน่ถ้าต้องถูกดูแลอย่างเข้มงวดเกินไปน่ะครับ”

“แม่ก็เข้าใจ ว่าแต่ เชิ่งเฉียงยังไปเรียนได้อีกไหม?” ท่านแม่โจวถาม

“ไม่ได้แล้วครับ ถูกไล่ออกแล้ว เมื่อวานเชิ่งเหม่ยบอกว่าหล่อนจะพาเฉียงจือมาที่นี่ ผมเดาว่าหล่อนน่าจะพามาวันนี้ ถ้าแม่มีอะไรอยากจะพูด ก็พูดกับเชิ่งเฉียงเลยครับ” โจวชิงไป๋บอก

เขาจะยื่นมือเข้าไปในตอนที่เขาควรจะทำ แต่เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยในตอนที่ไม่ควรจะเข้าไป เหมือนอย่างที่เขาพูด สวี่เชิ่งเฉียงโตแล้ว ในฐานะที่เป็นน้า เขาจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือ?

ไม่ใช่ว่าตัวเขาอยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรให้ทำเสียหน่อย

เป็นเพราะเรื่องนี้ ภรรยาเขาถึงไม่เต็มใจจะพาเขาไปบ่อน้ำพุร้อนมา 2-3 ครั้งแล้ว เจ้าสามยังสามารถขอลางานทำเกี๊ยวที่ร้านไปได้เลย ถ้าเขากับภรรยาได้ไปบ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน มันจะดีสักแค่ไหนกันนะ?

ท่านแม่โจวจึงนั่งรออยู่ที่นั่น

สวี่เชิ่งเหม่ยมาที่นี่คนเดียว สวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้มาด้วย เพราะสวี่เชิ่งเหม่ยเองก็โมโหน้องชายของตนมากเช่นกัน

เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สิ่งที่ควรทำคือต้องมาที่บ้านครอบครัวโจวเพื่อแสดงท่าทางของตน ครั้งก่อนเขาก็มีเรื่องทะเลาะวิวาท ครั้งนี้ก็ทะเลาะวิวาทอีก ที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกัน? ทำตัวราวกับยังอยู่ที่ชนบท? ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทไปซะทุกที่ได้อย่างนั้นหรือ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้มีสาเหตุเกิดจากผู้หญิง? แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นนังตัวร้าย ตอนแรกหล่อนได้ยินมาว่าน้องชายของสวี่เชิ่งเหม่ยมีงานทำและโรงงานนั่นยังเป็นของพี่เขยเขาด้วย หล่อนจึงได้วางแผนการในใจและต้องการจะเข้ามาตีสนิท วิธีนี้ง่ายกว่าการหางานทำหรืออะไรอย่างอื่นเสียอีก

หญิงคนนั้นไม่มีงานทำ ที่หล่อนมาเรียนหนังสือก็เพราะต้องการที่จะหางานทำได้ง่ายขึ้น และเจอสวี่เชิ่งเฉียงเข้าพร้อมกับได้ยินเรื่องที่เขาคุยโอ้อวด หล่อนจึงอยากจะจับสวี่เชิ่งเฉียงไว้

หล่อนยอมจับมือถือแขนกับสวี่เชิ่งเฉียงในเวลาที่อยู่กันตามลำพัง ในสายตาของสวี่เชิ่งเฉียงแล้ว เขาถือว่าหล่อนเป็นภรรยาของตน ซึ่งเขาเองก็อยากหางานให้ผู้หญิงคนนั้นได้ทำด้วยเช่นกัน แต่การที่พี่สาวของเขาช่วยจัดการให้เขาเข้าทำงานได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายอยู่แล้ว แล้วจะมีตำแหน่งงานเหลืออยู่อีกได้อย่างไร?

หลังจากนั้นไม่นาน สัญชาตญาณของผู้หญิงก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังโกหกหล่อน ที่จริงแล้วเขาก็เป็นแค่คนไม่มีราคา

จึงเป็นธรรมดาที่หล่อนต้องการจะเลิกกับเขา

อย่างไรก็ตามสวี่เชิ่งเฉียงไม่ยอมเลิก เป็นเรื่องยากนักที่จะหาคู่รักในปักกิ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนยังเป็นคนสวยแถมยังอบอุ่นและอ่อนโยน ถ้าเขาได้พาหล่อนกลับไปที่หมู่บ้าน เขาจะได้หน้าขนาดไหนกันล่ะ?

อันที่จริงสวี่เชิ่งเฉียงยังคงตามตื๊ออีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเกิดเรื่องชกต่อยขึ้น ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกรำคาญและเสียใจอย่างมาก หล่อนแค่ต้องการใช้ความสัมพันธ์ของเขาเพื่อให้ตนเองได้งานทำ ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นไอ้โรคจิต แถมยังเป็นหนักด้วย!

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแค่จับมือกันเท่านั้น ทว่าเขาเอาแต่พูดว่าหล่อนเป็นคนของเขาแล้ว ราวกับความสัมพันธ์ได้ถูกพัฒนาขึ้นไปแล้วอย่างนั้นล่ะ

ครั้งนี้การทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสวี่เชิ่งเฉียงไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป เขาบังเอิญไปเห็นหล่อนพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายอีกคน ดังนั้นเขาจึงเข้าไปชกต่อยกับอีกฝ่าย

อีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในโรงงานของครอบครัวจ้าวถึงจะได้ยอมเขาโดยไม่ตอบโต้ ชายคนนั้นสู้สวี่เชิ่งเฉียงกลับอย่างไม่ออมมือ ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้ากันทั้งคู่

ไม่ต้องพูดเลยว่าครอบครัวจ้าวได้รับรู้ในเรื่องนี้ด้วย คุณแม่จ้าวถึงกับจิกกัดสวี่เชิ่งเหม่ย โดยพูดว่าพวกคนที่มาจากบ้านนอกควรต้องเก็บเอาไว้ใต้โต๊ะ(2) เพราะไม่เข้าใจแม้แต่คำว่า ‘อารยธรรม’ เอาแต่ใช้กำลังครั้งแล้วครั้งเล่า พวกคนป่าเถื่อน!

ไม่ต้องบอกเลยว่าสวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกวิตกกังวลมากเพียงใด

……………………………………………………………………………………………..

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท