บทที่ 417 แผนท่องเที่ยวแบบพูดปุ๊บไปปั๊บ
หลินชิงเหอรู้สึกว่าโจวเอ้อร์นีกับหวังหยวนคงต้องเจอช่วงเวลาเหนื่อยยาก แต่นั่นก็ไม่สำคัญ อย่างที่เธอพูดไปว่าหลานสาวของเธอโตแต่ตัวเท่านั้น ปล่อยให้พวกเขาได้คบหากันไปก่อนจะดีกว่า
ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็แค่เลิกกัน พวกเขาไม่ต้องกังวลอะไรกับเรื่องแต่งงานกันเลย
แต่ว่าไปแล้ว การหาคนที่ดีกว่าหวังหยวนคงจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ
โจวชิงไป๋กลับมาพร้อมกับเด็ก ๆ ทุกคนต่างรู้สึกสดชื่นแจ่มใส
หลินชิงเหอคว้าครีมบำรุงผิวมาทาให้เขา ทันทีที่เด็ก ๆ กำลังจะส่งเสียงเรียกร้องอยากได้การปฏิบัติแบบเดียวกัน หลินชิงเหอก็ไล่พวกเขาออกไป
จากนั้นจึงเหลือเพียงพวกเขาสองคนอยู่ในบ้านเท่านั้น เป็นช่วงเวลาเงียบสงบอันหาได้ยากยิ่ง
“ร้านเรากำลังจะเปิดพรุ่งนี้แล้วนะคะ แต่ช่วงนี้กิจการคงยังไม่เฟื่องฟูนัก” หลินชิงเหอพูด
“คุณอยากไปที่ไหนเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ถาม
หลินชิงเหอคิดครู่หนึ่ง มันไม่มีที่ไหนที่เธออยากไปเลย แม้สังคมในตอนนี้จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังเป็นไปอย่างช้า ๆ
ดังนั้นในยุคนี้จึงไม่มีที่ท่องเที่ยวสนุก ๆ อยู่เลยจริง ๆ
“ไปเมืองท่าไหมล่ะครับ?” โจวชิงไป๋เสนอ
“ไม่ล่ะค่ะ นอนอยู่ที่บ้านดีกว่า” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋ไม่ได้เอ่ยอะไร เขาเริ่มเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดร้านวันพรุ่งนี้ และเขาต้องไปที่ร้านเพื่อไปรับเนื้อมา
เขาสั่งเนื้อเอาไว้แล้วทั้งเนื้อหมูและเนื้อแกะในปริมาณมหาศาล
หลินชิงเหอไม่มีอะไรต้องทำ เธอจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน และในวันที่แปดของเทศกาลปีใหม่ คุณแม่เวิงก็มาหาเธอ
“ขอโทษด้วยนะคะที่มาหาอย่างปุบปับในช่วงปีใหม่นี้ที่คุณกำลังยุ่งอยู่” คุณแม่เวิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ยุ่งอะไรกันล่ะคะ? คุณไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ฉันเบื่อขนาดไหน คุณมาได้จังหวะพอดีเลยล่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างรู้สึกดีใจและกระตือรือร้นอย่างมาก
คุณแม่เวิงนั่งลงและเห็นหนังสือภาษาอังกฤษหลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะ หล่อนก็รู้ว่าหลินชิงเหอได้อ่านหนังสือพวกนี้ตอนที่หล่อนมาถึง
“ฉันได้ยินกั๋วเหลียงพูดว่าภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับที่แม้แต่คณบดียังเอ่ยชมเลยล่ะค่ะ” คุณแม่เวิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“เรื่องนี้ดูถูกกันไม่ได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยถาม “รับชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตดีไหมคะ?”
“ค่ะ” คุณแม่เวิงพยักหน้า
หลินชิงเหอลงมือชงชาในเหยือกแก้วขนาดใหญ่ จากนั้นก็มานั่งดื่มชากับคุณแม่เวิงพลางพูดว่า “ดื่มเยอะ ๆ นะคะจะได้รักษาความชุ่มชื้น ผิวจะได้ไม่แห้งมาก ฉันคิดว่าจะหนาวไปอีกสักระยะเลยล่ะค่ะ เทียบกับบ้านเกิดของเราแล้วที่นี่หนาวกว่ามาก วันที่หนาวที่สุดคืออากาศหน้าหนาวปกติของที่นี่เลยล่ะค่ะ”
“แต่ฉันว่าที่นี่ปกติอยู่นะคะ เพราะได้ยินมาจากกั๋วต้งว่าที่เฮยหลงเจียงหนาวกว่านี้อีก แล้วก็ได้ยินมาว่าที่นั่นมีเมืองน้ำแข็งด้วย เขาว่าสวยมาก ๆ เลยนะคะ” คุณแม่เวิงพูด
“เมืองน้ำแข็งนี่เหมือนจะอยู่ในฮาเอ๋อร์ (1) หรือเปล่าคะ?” หลินชิงเหอเอ่ย
“ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ถึงอย่างไรมันก็น่าจะอยู่แถว ๆ นั้นล่ะค่ะ ฉันยังไม่เคยไปที่นั้นเลย” คุณแม่เวิงเอ่ยขณะดื่มชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตรสหวานอมเปรี้ยว
“เราจะไปดูด้วยกันก็ได้นะคะถ้าคุณมีเวลา ฉันรู้สึกกระวนกระวายจากความเบื่อเหงาทั้งหลายแล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอเสนอ
“ภาคเรียนใหม่ของคุณเปิดเมื่อไหร่เหรอคะ?” คุณแม่เวิงถามกลับ
“หลังเทศกาลโคมไฟค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
“สายเกินไปหน่อยน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นเราก็คงได้ไปที่นั่นด้วยกัน เหม่ยเจี่ยอยากกลับเข้าโรงเรียนวันนี้และพ่อของหล่อนก็ไปเยี่ยมบ้านคนอื่นอยู่ เหลือแต่ฉันอยู่ที่บ้านคนเดียว เราพาเสี่ยวเฉวียนกับน้อง ๆ ของเขาไปด้วยก็ได้นะคะ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย” คุณแม่เวิงบอก
หลินชิงเหอคำนวณเวลาแล้วก็พูดว่า “ถ้าคุณอยากไปก็ตกลงค่ะ ไปกลับแปดวันถือว่าพอดีอยู่”
เธออ่านหนังสือที่บ้านทุกวันและไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอยากจะออกไปท่องโลกกว้างบ้าง ถึงอย่างไรเธอก็ว่างอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้นเธอยังไม่เคยไปเมืองน้ำแข็งในช่วงนี้เลย
“ไปจริงเหรอคะ?” คุณแม่เวิงถาม “ถ้าคุณจะไป งั้นฉันไม่นั่งนิ่ง ๆ แล้วนะคะ ฉันต้องกลับไปจัดกระเป๋าแล้ว ไปวันพรุ่งนี้เลยดีไหมคะ?”
สิ่งที่หล่อนไม่ได้บอกก็คือหล่อนเพิ่งทะเลาะกับคุณพ่อเวิงมา ชายแก่คนนั้นนิสัยไม่ดี หล่อนเลยไม่อยากเห็นหน้าเขาในช่วงนี้
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ คุณนั่งก่อนเถอะ” หลินชิงเหอยิ้ม “ก็มีแค่เสื้อผ้าที่ต้องเก็บ ไม่ต้องใช้พวกจดหมายแนะนำตัวหรืออะไรอย่างอื่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเลยค่ะ”
“แต่พ่อของเสี่ยวข่ายจะยอมเหรอคะ?” คุณแม่เวิงพูด
“เขายุ่งอยู่กับการเปิดร้าน ไม่มีเวลามาใส่ใจฉันหรอกค่ะ เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรคะ?” หลินชิงเหอตอบ “แล้วพ่อของเหม่ยเจี่ยว่าอย่างไรคะ?”
“อย่าห่วงเขาเลยค่ะ ฉันไปกับคุณอยู่แล้ว เขาไม่มีทางไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ” คุณแม่เวิงบอก
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว แผนท่องเที่ยวแบบ ‘พูดปุ๊บไปปั๊บ’ ก็เกิดขึ้น
เมื่อบรรดาเด็กหนุ่มได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็แสดงท่าทางว่าอยากไปด้วย ทั้งหู่จือกับกังจือต่างมีท่าทางกระตือรือร้นกันทั้งคู่
“เจ้ารองกับหู่จือไปกับเรา ส่วนเจ้าสามอยู่บ้านกับกังจือไปนะ” หลินชิงเหอโบกมือ
สองคนแรกคงช่วยยกสัมภาระได้ ส่วนอีกสองคนที่เหลือลืมไปได้เลย ให้พวกเขาอยู่ที่บ้านเป็นเด็กถูกทิ้งไปแล้วกัน
“ผมไม่อยากอยู่บ้าน ผมอยากไปด้วย!” โจวกุยหลายไม่เห็นด้วย “ม้ากับป๊าล่องใต้โดยไม่พาผมไปด้วยมาแล้ว คราวนี้ม้ากับคุณป้าเวิงจะไปดูเมืองน้ำแข็งที่ฮาเอ๋อร์ผมต้องได้ไปด้วย ถ้าไม่พาผมไป ผมจะซื้อตั๋วไปเอง!”
“เจ้าเด็กเหม็นนี่!” หลินชิงเหอถลึงมองเขา
แต่ถลึงตาใส่ก็ไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงเพิ่มคนอีกคนหนึ่ง ทำให้กังจือรู้สึกอิจฉา
แต่ในเมื่อเจ้าสามได้ไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะเพิ่มกังจือเข้าไปด้วย
ดังนั้นแผนการท่องเที่ยวในคราวแรกที่มีแค่หลินชิงเหอกับคุณแม่เวิงจึงกลายเป็นกลุ่มทัวร์ที่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มทั้งตัวโตตัวเล็ก
หลินชิงเหอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และออกคำสั่ง “เจ้ารอง ไปที่บ้านอาเล็กแล้วถามว่าพี่เอ้อร์นีอยากไปด้วยหรือเปล่าทีสิ”
ในเมื่อพวกเขาไปด้วยกันหลายคนแล้ว จะเพิ่มหลานสาวเข้ามาอีกคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร
ไม่ผิดคาด โจวเอ้อร์นีตกลงไปด้วยเหมือนกัน
หากหล่อนสามารถติดตามอาสะใภ้สี่ออกท่องโลกกว้างได้ ทำไมจะไม่ไปล่ะ? หล่อนต้องไปอยู่แล้ว
ส่วนหวังหยวนนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขาหรอก
แผนท่องเที่ยวสำเร็จแล้ว ปล่อยให้พวกเขาไปจัดกระเป๋ากันเถอะ
แต่แล้วหลินชิงเหอก็สังเกตเห็นว่าโจวชิงไป๋มีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ
เมื่อใดที่โจวชิงไป๋รู้สึกผิดหวัง เขาก็จะเงียบไม่พูดอะไรพร้อมกับทำหน้านิ่ง
“มีอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอกำลังอารมณ์ดี เธอคิดว่าจะอยู่บ้านชั่วคราวก่อนจะเริ่มการเรียนการสอน แต่แผนท่องเที่ยวกับคุณแม่เวิงก็เข้ามาในจังหวะเหมาะพอดี
เรื่องบันเทิงนี้เองทำให้เธอกระดี๊กระด๊าเปี่ยมด้วยพลังงานขึ้นมา
“คุณจะปล่อยผมให้อยู่บ้านคนเดียวเหรอครับ?” โจวชิงไป๋พูดขณะมองภรรยาไร้จิตสำนึกของเขา
หลินชิงเหอตอบโดยไม่หันหลังกลับมามองขณะเก็บของลงกระเป๋า “เป็นอะไรไปคะ? คุณเองก็โตขนาดนั้นแล้ว ฉันยังมีเรื่องให้ต้องกังวลอีกเหรอคะ?”
“ผมถูกปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวใช่ไหมครับ?” โจวชิงไป๋เอ่ยอีกครั้ง
“ตอนแรกฉันอยากปล่อยเจ้าสามกับคนอื่น ๆ ไว้กับคุณน่ะค่ะ แต่คุณก็เห็นแล้วนี่คะว่าเขายืนกรานจะไปด้วย ฉันก็เลยทำได้แค่ให้พวกเขามากับฉันน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
โจวชิงไป๋นอนลงบนเตียงโดยไม่มองเธอ เขานอนหันหลังชนกับหลังของเธอ
เมื่อหลินชิงเหอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ โจวชิงไป๋ก็โกรธเธอมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ในตอนกลางดึกเธอจึงทำได้แค่ปลอบเขาโดยเสนอตัวเองเป็นอาหารหมาป่า
“คุณจะไปนานเท่าไหร่ครับ?” ถึงตอนนี้โจวชิงไป๋ก็ได้แต่จำใจเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ต่อให้มันจะไร้ประโยชน์หากเขาไม่เห็นด้วยก็ตาม
“ฉันจะกลับมาก่อนที่จะเปิดเทอมน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบแล้วก็นอนหลับไป
ช่วยไม่ได้นี่นะ มีดของรักของหวงของโจวชิงไป๋ไม่เคยเก่าเลย มันกระหน่ำแทงเธอจนสูญเสียเกราะป้องกันตัวไป เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………