บทที่ 604 ขวยเขิน
“ม้า ไม่ใช่ว่าโรงงานเล็ก ๆ นั่นกำลังไปได้สวยเหรอ ทำไมถึงไม่เปิดแล้วล่ะครับ?” โจวกุยหลายได้ยินข่าวก็กลับมาถามแม่ของเขา
“เอาไว้เป็นโกดังน่ะ ปีหน้าม้าจะเปิดร้านขายชาสองสามร้าน แต่ยังขาดโกดังเก็บของอยู่” หลินชิงเหอพูด
“จะเปิดร้านชาเยอะเลยเหรอครับ?” โจวกุยหลายถาม
“ไว้ว่ากันปีหน้าเถอะ” หลินชิงเหอพูด กิจการชายังคงเป็นกิจการที่ไม่เลว และของเหล่านี้ยังเก็บรักษาได้นานอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงวางแผนว่าจะขยายกิจการร้านชาให้ใหญ่โตไปเลย
โจวกุยหลายจึงไม่พูดอะไรแล้ว
โจวเฉวี่ยนอุ้มน้องสาวของเขาออกมาแล้วพูด “ม้า ดูเหมือนว่ามี่มี่จะหิวแล้วหรือเปล่าครับ?”
“หิวอะไรกัน นี่ต้องเป็นอึแล้วแน่ ๆ” หลินชิงเหอพูด “พาน้องไปทำความสะอาดแล้วค่อยมาหาม้า”
“พี่รองทำเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นผมทำเอง” โจวกุยหลายพูด
“นายน่ะไปเทน้ำร้อนซะ” โจวเฉวี่ยนโบกมือพูด เขาเคยเห็นพ่อของเขาทำแล้ว อีกทั้งเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้?
พี่ชายสองคนร่วมมือกันเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องสาวของพวกเขา พอเห็นผ้าอ้อม โจวกุยหลายก็พูดขึ้น “ตัวเล็กแค่นี้ อึก้อนใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!”
“กินเยอะก็อึเยอะนั่นแหละ เมื่อก่อนลูกอึเยอะกว่าหล่อนด้วยซ้ำ รีบล้างเร็วเข้า” หลินชิงเหอพูด
หลังจากซักผ้าอ้อมจนสะอาดแล้วถึงสามารถใส่เครื่องซักผ้าได้ ไม่อย่างนั้นจะมีเครื่องซักผ้าไว้ทำไมล่ะ?
แต่โจวกุยหลายก็ไม่ได้แสดงท่าทางฮึดฮัด เขานำไปซักออกจนหมด แม้ตัวเขาเองจะรู้สึกรังเกียจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
จะรังเกียจทำไมในเมื่อหล่อนก็คือน้องสาวของเขาเอง
แม่เฒ่าจางข้างบ้านมาเห็นเขาซักผ้าอ้อม แล้วก็เห็นโจวชิงไป๋และหลินชิงเหอกลับมาแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าไปคลอดลูกมา
ตอนที่แม่เฒ่าจางเดินผ่าน นางไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีเท่าไรนักให้โจวกุยหลาย ซึ่งโจวกุยหลายก็ไม่คิดจะสนใจยายเฒ่าคนนี้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าเอาเรื่องไปป่าวประกาส ตอนนี้ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ เพราะว่าจางเหมยเหลียนเหลือเงินอยู่น้อยนิดหลังช่วยประกันตัวให้สวี่เชิ่งเฉียงพ้นโทษคุมขังจากคดีทำร้ายร่างกายในคราวนั้น
ตอนนี้นางจะกล้าหาเรื่องบ้านหลักโจวได้อย่างไรกัน?
จางเหมยเหลียนเอาเงินมาให้ที่บ้าน แม้ว่าเมื่อครั้งก่อนจะขาดทุนก้อนใหญ่ แต่ขาดก็ขาดไปแล้ว ปลงไม่ได้ก็ทำได้เพียงต้องปลงแล้วเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นกิจการร้านเสื้อผ้ายังขายดีมาก เพราะเป็นช่วงสิ้นปี ทุกคนล้วนต้องการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ดังนั้นในตอนนี้ก็ทำได้เพียงดูแลประคับประคองไปก่อน
หล่อนเอาเงิน 30 หยวนกลับมาพร้อมกับหิ้วเนื้อกลับมาด้วยจำนวนหนึ่ง
เห็นแบบนี้สะใภ้จางย่อมพูดจาดีกับหล่อน “ครอบครัวเราโชคดีที่มีน้องสามีช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะลำบากกว่านี้มาก งานของพี่ชายเธอได้เงินเดือนเพียง 50 หยวนเอง บอกตรง ๆ ว่าเงินเดือนต่ำมาก ถ้าต้องพึ่งเขา ครอบครัวเราคงต้องอดอยากไม่มีอะไรกินแน่”
จางเหมยเหลียนรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย “บอกให้พี่ใหญ่ออกมาเร็ว ๆ เถอะค่ะ เดือนหนึ่งได้แค่ 50 หยวนจะทำไปทำไม? เอาเสื้อผ้าที่ร้านฉันไปตั้งแผงลอยขาย เดือนหนึ่งก็ได้สัก 70-80 หยวนแล้ว”
สะใภ้จางไม่ค่อยพอใจ ตั้งแผงลอยอะไรกัน? น่าอายจะตาย ถ้าหล่อนกลับบ้านเกิดไปจะกล้าพูดให้ใครฟังได้บ้าง
“ถ้าเป็นเปิดร้านล่ะก็ นั่นอาจจะดีกว่าหน่อยนะจ๊ะ” สะใภ้จางพูด
“เปิดร้านก็จำเป็นต้องมีทำเลดี ๆ และก็ใช่ว่าจะหาเจอง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นการทำธุรกิจคงไม่มีความกดดันแล้ว อีกอย่างก็ต้องใช้เงินทุนที่จะเปิดร้านไม่น้อย พี่มีไหมล่ะคะเงินน่ะ!” จางเหมยเหลียนพูด
“ครอบครัวเราไม่มีเงินหรอก ว่าแต่น้องสามีมีใช่ไหมจ๊ะ?” สะใภ้จางมองหล่อนแล้วพูด
“พี่สะใภ้คะ ทรัพย์สินของฉันพี่อย่ามายุ่งเลยค่ะ ครั้งก่อนที่เสียให้เชิ่งเฉียงตั้ง 3,000 หยวนฉันยังเจ็บใจอยู่เลย เงินของครอบครัวก็อยู่ที่ตรงนั้นหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังอยากเปิดร้านเป็นของตัวเองเหมือนกัน!” จางเหมยเหลียนกลอกตา
ช่างกล้าพูด แล้วยังคิดจะยืมเงินหล่อนเปิดร้านอีกด้วยเนี่ยนะ?
สะใภ้จางรู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้หล่อนก็ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน เนื่องจากจางเหมยเหลียนมีเงินแล้ว เกิดทะเลาะกันเข้าอีกฝ่ายคงไม่เอาของมาให้ที่บ้านอีกแน่
“สองสามีภรรยาข้างบ้านนั่นอุ้มลูกกลับมาแล้วนะ” สะใภ้จางพูด
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” จางเหมยเหลียนนิ่งไปพักหนึ่งแล้วถาม
“ก็สองสามวันที่ผ่านมานี้แหละ” สะใภ้จางพูด “เรื่องครั้งก่อนที่บ้านใหญ่โจวช่วยออกหน้าให้ สามีของเธอได้ไปขอบคุณพวกเขาหรือยัง?”
จางเหมยเหลียนเองก็ไม่พอใจเรื่องนี้เหมือนกัน สวี่เชิ่งเฉียงไร้สามัญสำนึกเกินไปแล้ว
“ได้ยินว่าเป็นลูกสาวล่ะ เธอก็เอาของเด็กเล็กไปให้สักหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ญาติฝั่งนี้คงไม่มีเหลือแล้ว” สะใภ้จางพูด
“แม่ล่ะคะ?” จางเหมยเหลียนพูด
“ออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปทำอะไร” สะใภ้จางพูด
จางเหมยเหลียนไม่พูดอะไรมากก็กลับมาแล้ว สวี่เชิ่งเฉียงกำลังดูร้านอยู่ เขาดูร้านไปด้วยแล้วก็สูบบุหรี่ไปด้วย
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้คุณสูบบุหรี่ในร้าน กลิ่นมันเหม็นจะตายอยู่แล้ว อย่างนี้ใครเขาจะกล้าเข้ามาซื้อเสื้อพวกเรากันคะ!” จางเหมยเหลียนเข้ามาก็พูดว่าเขาอย่างไม่พอใจ
สวี่เชิ่งเฉียงปรายตามองหล่อน แต่ก็ยอมออกไปสูบด้านนอก พอเขาสูบเสร็จแล้วถึงค่อยเดินเข้ามา
“ฉันได้ยินมาจากพี่สะใภ้ใหญ่ฉันว่าน้ากับน้าสะใภ้ของคุณไปคลอดลูกกลับมาแล้ว พวกเราก็ควรเตรียมของขวัญส่งไปให้พวกเขานะคะ” จางเหมยเหลียนพูด
“คุณอย่าหาเรื่องเปลืองเงินเลย ตอนนี้พวกเขาคงไม่นับผมเป็นหลานนอกแล้ว” สวี่เชิ่งเฉียงพูด
“คุณไม่ต้องพูดอะไรมาก เตรียมของขวัญมาก็พอ มีน้ำใจไปก็พอแล้วร้านของพวกเรายังต้องพึ่งทางนั้นอยู่นะ” จางเหมยเหลียนพูด
สวี่เชิ่งเฉียงไม่พูดอะไรอีก และเปลี่ยนเรื่องพูดแทน “วันก่อนผมโทรศัพท์กลับไปบ้าน แม่ของผมถามว่าเมื่อไหร่ผมจะมีลูก?”
จางเหมยเหลียนชะงักพูดขึ้น “นี่ยังไม่ท้องั้นเหรอ?”
สวี่เชิ่งเฉียงมองมาที่หล่อน จางเหมยเหลียนเม้มปากแล้วพูด “เฉียงจือ คุณจะทิ้งฉันเหรอ? ทิ้งที่ฉันมีลูกให้ไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่ แต่ว่าลูกผมจำเป็นต้องมี” สวี่เชิ่งเฉียงหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งอัน แล้วพูด
“งั้นฉันจะไปโรงพยาบาลซื้อยากลับมาให้กิน” จางเหมยเหลียนทำได้เพียงพูดแบบนั้น
ในใจลึก ๆ หล่อนกลับไม่แน่ใจ โรงพยาบาลบอกว่าไม่ใช่ว่าหล่อนไม่สามารถมีลูกได้ แต่หากต้องตั้งท้องอีกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
สวี่เชิ่งเฉียงไม่พูดอะไร และจุดบุหรี่ที่ปลายบุหรี่
จางเหมยเหลียนพูด “คุณอย่าเข้ามาสูบในนี้ สูบเสร็จแล้วค่อยเข้ามา ฉันจะไปบอกพี่สาวของคุณหน่อย”
สวี่เชิ่งเฉียงไม่พูดไม่จา แต่จางเหมยเหลียนก็ไม่ได้สนใจเขาเช่นกัน แล้วก็เดินไปบ้านตระกูลจ้าว
ตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยไม่อยู่ หล่อนไปที่ร้านแล้ว เป็นจ้าวจวินออกมาเห็นแล้วก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “เข้ามานั่งข้างในก่อนไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาหาเชิ่งเหม่ย” จางเหมยเหลียนพูดพร้อมกับหน้าแดง
“เข้ามารอหล่อนข้างในก่อนเถอะครับ ในบ้านไม่มีคนอยู่มีแต่เด็ก” จ้าวจวินเอ่ยขณะมองหล่อน
“งั้นฉันเข้าไปนั่งสักครู่นะคะ” จางเหมยเหลียนพูด
หล่อนเข้ามาอยู่สักพักหนึ่ง ตอนที่ออกมานั้นจ้าวจวินเป็นคนเดินออกมาส่งเธอ จางเหมยเหลียนเดินไปที่ร้านเสื้อหาสวี่เชิ่งเหม่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำมาตลอดทาง
ไม่รู้เหมือนกันว่าจ้าวจวินเขาทำอย่างนั้นมันหมายความว่าอะไร เมื่อกี้ยังลูบมือของหล่อนจนทำให้รู้สึกขวยเขินแปลก ๆ หัวใจก็เต้นระรัวเร็ว
“เธอมาที่นี่ทำไม” สวี่เชิ่งเหม่ยเพิ่งจะส่งร้านให้พนักงานอีกคนดูแลต่อและกำลังจะกลับบ้าน ก็มองเห็นหล่อนเดินมาหา จนพูดออกมาตรง ๆ
“ฉันแค่จะมาบอกเธอสักหน่อย เมื่อกี้ฉันกลับไปบ้านแม่ ได้ยินว่าน้ากับน้าสะใภ้เธอพาลูกสาวกลับมาแล้ว” จางเหมยเหลียนพูด
สวี่เชิ่งเหม่ยมองหล่อนแล้วพูด “ฉันรู้แล้ว”
“เธอคิดจะส่งอะไรไปเหรอ? ถึงตอนนั้นช่วยส่งของขวัญของพวกเราไปให้ด้วยกันได้ไหม” จางเหมยเหลียนพูด
…………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใกล้เข้าตาจนแล้วสินะ ถึงอยากได้ผูกสัมพันธ์เป็นญาติไว้
เชิ่งเหม่ยเอ๋ยเตรียมตัวใส่หมวกเขียวเลย สภาพพพ
ไหหม่า(海馬)