ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 638 ว่าที่แม่ย่ากับแม่ยายมาเจอกัน

บทที่ 638 ว่าที่แม่ย่ากับแม่ยายมาเจอกัน

บทที่ 638 ว่าที่แม่ย่ากับแม่ยายมาเจอกัน

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์สะใภ้ใหญ่เหอจึงค่อยกลับมาถึงบ้านแม่สามี พอกลับมาก็ได้ยินแม่สามีพูดเรื่องนี้ หล่อนก็พูดอย่างเห็นด้วยเช่นกัน “พวกเราก็ควรจะต้องไปดูบ้านของว่าที่สามีให้อนาคตของน้องสามีเสียหน่อยนะคะ เลือกวันก็สู้วันที่เหมาะสมไม่ได้[1] พรุ่งนี้เช้าสาย ๆ พวกเราไปเยี่ยมเยียนพวกเขาสักหน่อยก็ดีค่ะ”

“ได้” คุณแม่เหอก็พอใจที่สะใภ้ใหญ่ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด

ถ้าต้องไปเยียมเยียนก็ควรต้องบอกคนไว้ก่อนล่วงหน้า เหอเมี่ยนเมี่ยนจึงพูดขึ้น “หนูจะโทรศัพท์บอกน้าหลินนะคะ”

พอได้ยินว่าอีกฝ่ายยังมีโทรศัพท์ด้วย ในใจของคุณแม่เหอก็มีความมั่นใจอีกขั้นหนึ่งแล้ว

โทรศัพท์นั้นเดิมทีอยู่ที่ร้านเกี๊ยว แต่ร้านเกี๊ยวสามวันเปิดสองวันปิดแบบนั้น ดังนั้นหลังจากย้ายบ้านใหม่ ก็จ่ายเงินนิดหน่อยย้ายมาที่เรือนสี่ประสานแห่งนี้แล้ว

ตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงกว่า พวกของหลินชิงเหอไม่ได้อยู่บ้าน อาอี๋แม่บ้านจึงเป็นคนรับโทรศัพท์

“คุณหนูเหอนี่เอง คุณนายออกไปแล้วน่ะค่ะ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรไหมคะ ถ้ามีดิฉันจะไปหาพวกเขาที่ร้านให้ค่ะ” อาอี๋พูด

“ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรค่ะ ฉันแค่อยากบอกน้าหลินก่อนว่าพรุ่งนี้เช้าสาย ๆ คุณแม่กับพี่สะใภ้ใหญ่จะไปเยี่ยมน่ะค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนบอก

“ได้ค่ะ รอคุณนายกลับมาแล้วดิฉันจะเรียนให้ทราบนะคะ” อาอี๋แม่บ้านได้ยินก็พูด

หลังวางสาย เหอเมี่ยนเมี่ยนถึงหันมาทางแม่และพี่สะใภ้ใหญ่ “น้าหลินไม่อยู่ค่ะ อาอี๋แม่บ้านเลยมารับโทรศัพท์แทน แต่ว่ารอน้าหลินกลับมาแล้ว อาอี๋จะฝากบอกให้เองค่ะ”

“ที่บ้านมีแม่บ้านด้วยเหรอ?” สะใภ้ใหญ่เหอพูด

“บ้านตระกูลโจวเป็นเรือนสี่ประสานที่ไม่เล็กไปกว่าบ้านพวกเราเลยค่ะ โจวเฉวี่ยนเขาติดดินเกินไป เลยดูไม่ออกว่าบ้านเขามีเงิน” เหอเมี่ยนเมี่ยนหัวเราะพูด

มีเรือนสี่ประสานวงใหญ่ขนาดนั้น ทั้งยังมีรถยนต์ รถบรรทุก ของพวกนี้ครอบครัวธรรมดาจะมีได้อย่างไร?

สะใภ้ใหญ่เหอมองไปทางแม่สามีหล่อน “คุณแม่คะ งั้นพรุ่งนี้พวกเราเตรียมอะไรไปดีคะ?”

“แม่ของโจวเฉวี่ยนดื่มไวน์ไหมลูก?” คุณแม่เหอคิดแล้วถามออกไป

“ดื่มค่ะ ครั้งก่อนที่ไปหล่อนยังชวนหนูดื่มอยู่เลย” เหอเมี่ยนเมี่ยนพยักหน้า

คุณแม่เหอจึงจัดเตรียมไวน์นำเข้าสองขวดไปเยี่ยม

ตอนหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋กลับมากินข้าวเที่ยง ก็ได้ยินเรื่องนี้

เจ้าสามโจวกุยหลายพูด “พี่เมี่ยนเมี่ยนกับแม่และพี่สะใภ้ใหญ่ของหล่อนจะมาดูสภาพแวดล้อมของว่าที่สามีในอนาคตสินะครับ?”

“พวกเขาจะมาดูก็เป็นเรื่องปกติล่ะ” หลินชิงเหอพูดอย่างเข้าใจ ลูกสาวกับแฟนคบกันมาถึงขั้นนี้แล้ว คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ต้องมาดูว่าครอบครัวฝ่ายชายเป็นอย่างไร คนในครอบครัวเป็นคนแบบไหน

ถ้าเกิดเจอกลุ่มคนผีที่มีหัวเหมือนวัว เทพเจ้าที่มีลำตัวเหมือนงู * ขึ้นมา นั่นจะไม่เป็นการหยุดยั้งไม่ทันการณ์หรือ?

(อุปมาว่า คนไม่ดี หรือสำนวนไทยว่า เสือสิงห์กระทิงแรด)

“ให้เงินหนึ่งหมื่น เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ทองสามเงินหนึ่ง[2] แล้วก็ให้เงินแสนหนึ่งไว้ให้พวกเขาสองคนย้ายบ้านใหม่” โจวชิงไป๋เปิดปากพูด

ที่เขาพูดเงิน 10,000 หยวนนั้นเป็นเงินสินสอดทั่วไป แต่หลังจากเงินสินสอด ยังมีเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ทองสามเงินหนึ่ง ก็คือสร้อยกำไลแหวนทองคำและก็กำไลเงิน

และการให้เงินหนึ่งแสนไว้ให้พวกเขาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ก็เป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตแต่งงานของพวกเขา ตัวเองไปวางแผนกันเอง ทรัพย์สินในครอบครัวเหล่านี้หากจะพูดก็คือมันเป็นของพวกเขาสามีภรรยา หลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปีพวกเขาก็ต้องเหลือทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังเช่นกัน แต่ตอนนี้ค่อย ๆ ทำไปทีละเรื่องดีกว่า

ไม่เพียงเจ้ารองโจวกุยหลายกับเหอเมี่ยนเมี่ยนที่เป็นแบบนี้ โจวข่ายพี่ใหญ่ของเขากับเวิงเหม่ยเจี่ยก็ต้องทำเช่นนี้ หลังจากนั้นหากเจ้าสามเจอคู่ครองแล้วก็จะไม่ด้อยไปกว่านี้เช่นกัน

หลินชิงเหอยิ้ม “พวกหล่อนก็แค่มานั่งคุยเล่นเท่านั้น ไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอกค่ะ”

“ควรปรึกษาเรื่องหมั้นหมายกันสักหน่อย ปีนี้เจ้าใหญ่จะได้แต่งงานแล้ว พวกเขาสองคนสามารถหมั้นกันก่อนได้ เรื่องนี้พูดกับบ้านพวกเขาก็น่าจะไม่มีปัญหา” โจวชิงไป๋พูด

สำหรับสินสอดทองหมั้นฝ่ายหญิงนั้นถ้าไม่ให้เป็นรถยนต์ เขาก็จะบอกว่าจะให้สินสอดแต่งงานทั้งหมดแล้วให้พวกเขาสองสามีภรรยาไปซื้อกันเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรือนสี่ประสานทางนี้

วันถัดมาเหอเมี่ยนเมี่ยนก็ขับรถพาคุณแม่เหอแล้วก็สะใภ้ใหญ่เหอมาที่นี่พร้อมกัน

โจวชิงไป๋ไปเปิดร้านเกี๊ยว ในบ้านมีแค่หลินชิงเหอกับเจ้าสามอยู่ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากผู้เป็นพ่อของฝ่ายหญิงไม่มา เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เช่นกัน

หลินชิงเหอมาต้อนรับว่าที่แม่ยายของลูกคนรอง ซึ่งเธอย่อมออกไปต้อนรับอย่างเป็นมิตรอยู่แล้ว หลังจากเชิญพวกเขาเข้ามาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไปแล้วฉันนี่เสียมารยาทจริง ๆ นะคะ ฉันน่าจะถามเบอร์โทรจากเมี่ยนเมี่ยนก่อน แล้วโทรไปเชิญพวกคุณมานั่งคุยกันหน่อย”

“เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย” ตอนที่คุณแม่เหอเห็นหลินชิงเหอ ในใจก็มั่นใจแล้วว่าไม่แปลกใจเลยที่ว่าที่แม่สามีแบบนี้เลี้ยงลูกชายสามคนให้เรียนจบมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ ความรู้สึกนั้นแตกต่างจากคนอื่นอย่างมาก

“วันนี้มารบกวนแล้ว ต้องขอบคุณคุณน้าที่เชิญมาด้วยนะคะ” สะใภ้ใหญ่เหอก็พูดขึ้นเช่นกัน

“พูดอย่างนี้ได้อย่างไรกันคะ ถ้าพวกคุณมาหาฉันอย่างไรฉันก็ต้องต้อนรับอย่างดี” หลินชิงเหอยิ้มพูด

พวกเธอเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว เหอเมี่ยนเมี่ยนก็นำของขวัญวางไว้บนโต๊ะ หลินชิงเหอพูด “คนมาก็พอแล้ว จะเอาของขวัญมาด้วยทำไมจ๊ะ”

“แม่หนูได้ยินว่าน้าหลินชอบดื่มไวน์น่ะค่ะ จึงนำมาฝากสองขวด” เหอเมี่ยนเมี่ยนยิ้มมุมปากพูด

“งั้นขอบคุณคุณพี่ด้วยนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

คุณแม่เหอพูด “เป็นเรื่องที่สมควรค่ะ ครั้งก่อนเสี่ยวเฉวี่ยนยังเอาปลิงทะเลกับกระเพาะปลาไปฝาก ฉันยังไม่ได้พูดขอบใจคุณเลยสักคำ”

“อร่อยไหมคะ? ฉันเตรียมไว้ให้คุณด้วยนิดหน่อย ไว้คุณนำกลับไปกินทั้งเมี่ยนเมี่ยนแล้วก็พ่อของหล่อนด้วยนะคะ” หลินชิงเหอพูด

คุณแม่เหอย่อมเกรงใจเธอเป็นธรรมดา

ผู้หญิงสามคนเปิดฉากสนทนากันไปยกหนึ่ง หลินชิงเหอกับสะใภ้ใหญ่เหอเป็นคนพูดเก่ง บวกกับคุณแม่เหอด้วยอีกคน แม้ว่าจะเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก กลับไม่มีเงียบใส่กันเลยสักนิด

คุยกันตั้งแต่เรื่องโรงเรียนไปจนถึงธุรกิจ และคุยตั้งแต่เด็กไปจนถึงการอบรมเลี้ยงดู

เจ้าสามโจวกุยหลายนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ รู้สึกนับถือเป็นอย่างยิ่ง พวกหล่อนช่างพูดเก่งเกินไปแล้วจริง ๆ

เขามีหน้าที่แค่ชงชารินชาแล้ว

“เจ้าสามก็ตัวสูงเหมือนกันค่ะ แต่หน้าดูไม่ค่อยเหมือนพี่รองของเขาเท่าไรนะคะ ฉันดูแล้วเหมือนพี่รองของเขาจะหน้าเหมือนแม่ เจ้าสามก็น่าจะหน้าเหมือนพ่อของเขาสินะคะ” คุณแม่เหอยิ้มไปพูดไป

“ใช่ครับ ผมกับพี่ชายใหญ่หน้าเหมือนพ่อของเรา พี่รองของผมกับน้องสาวที่กำลังเรียนอนุบาลอยู่นั่นเหมือนแม่ของผมจริง ๆ หล่อเหลามาก ช่างเอาเปรียบกันจริง ๆ เลย” โจวกุยหลายใบหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาพูด

คุณแม่เหอถูกหยอกล้อจนหัวเราะออกมาแล้ว “พี่รองของเธอหน้าตาดี แต่เธอก็หน้าตาดีเหมือนกัน ไม่มีตรงไหนที่แย่เลย”

โจวกุยหลายพูดยิ้ม “ถ้าต่อไปผมได้เจอคุณป้าที่พูดจาและกระทำมีเหตุผลแบบนี้ล่ะก็ ผมคงจะตื่นจากฝันมาพร้อมรอยยิ้มแน่”

“คุณป้าของเธอไม่เพียงพูดจาและกระทำมีเหตุผลหรอกนะ ยังเป็นแม่ยายที่ดีคนหนึ่งด้วย” สะใภ้ใหญ่เหอพูดต่อ

สองคนผลัดกันชมคุณแม่เหอคนละรอบ ทำเอาคุณแม่เหอดีใจแทบไม่ไหว

ส่วนเหอเมี่ยนเมี่ยนก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลายเช่นกัน หล่อนจะได้วางใจลงมาได้เสียที

“เจ้าใหญ่ของฉันจะแต่งงานปีนี้แล้ว พวกเราเตรียมสินสอดไว้ 10,000 หยวน เฟอร์นิเจอร์และเครื่องไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด ถ้าไม่ให้พวกเราซื้อล่ะก็ ก็จะเปลี่ยนเป็นเงิน 1,000 หยวน แล้วให้สามีภรรยาคู่นั้นเขาไปซื้อเครื่องเรือนเครื่องใช้ไฟฟ้ากันเอง แล้วก็ยังมีทองสามเงินหนึ่ง ของเหล่านี้พวกเขาก็ต้องจัดเตรียมไว้ด้วย” หลินชิงเหอพูด

“เมื่อวานไม่ใช่ป๊าพูดว่ายังมีอีกแสนหยวนเหรอครับ?” โจวกุยหลายให้ความร่วมมือกับเธอเป็นอย่างดี

“นั่นให้เป็นเงินไว้ให้พวกเขาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ แสนหยวนนี้แม่จะให้พวกลูกสามคนเป็นหลักประกันเท่ากันแน่นอน” หลินชิงเหอพยักหน้า

…………………………………………………………………………………………………………………………….

[1] เลือกวันก็สู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ ( 选日不如撞日 ) หมายถึง สรรพสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติก็ดีแล้วหรือทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว

[2]ทองสามเงินหนึ่ง ในสินสอดแต่งงานจะให้ทองสามอย่างคือแหวน ตุ้มหู สร้อยคอ และกำไลข้อมือเงินอีกหนึ่ง เพื่อเป็นการอวยพรให้รักใคร่กลมเกลียว รักกันไปนาน ๆ

สารจากผู้แปล

ครอบครัวฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงเข้ากันได้ก็ราบรื่นไปเปลาะหนึ่งแล้วค่ะ เหลือแค่เจ้าสามแล้วที่จะได้ใครมาแต่งงานด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท