ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 646 ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

บทที่ 646 ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

บทที่ 646 ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ตระกูลจ้าวไม่รู้ว่าสองพี่น้องกำลังวางแผนการอะไรอยู่ในใจ ส่วนด้านตระกูลโจวนั้นสถานการณ์คลื่นลมสงบอย่างยิ่ง โจวชิงไป๋เพียงแค่คิดถึงภรรยาเขาเท่านั้น เพราะแค่เพียงเธอหายไปวันแรกเขาก็รู้สึกไม่ชินแล้ว

เขาที่ไม่ได้เห็นเธอเลยตลอดทั้งวันจะให้รู้สึกชินได้อย่างไร?

ก่อนหน้านี้ก็น้อยมากที่พวกเขาจะแยกกัน ดังนั้นโจวชิงไป๋จึงรู้สึกคิดถึงภรรยาขึ้นมา เพียงแค่เขาไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้นเอง

ถึงเขาจะไม่พูด สาวน้อยมี่มี่กลับเอ่ยปากออกมาอย่างอดไม่อยู่ว่า “ปะป๊าคะ เมื่อไหร่หม่าม้าจะกลับมาเหรอคะ?”

นานมาก ๆ แล้วที่เธอไม่ได้เห็นแม่ของเธอ

“ใกล้แล้วล่ะค่ะ” โจวชิงไป๋ทำได้เพียงพูดปลอบประโลมลูกสาวคนเล็ก

เพียงแต่ว่าลูกสาวของเขาไม่ได้ปลอบง่ายขนาดนั้น ในตอนเย็นเธอก็ถามถึงขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่ โจวชิงไป๋ก็ทำได้เพียงกล่อมเธอให้นอนหลับไป

“หม่าม้าคงไม่ได้ลืมหนูหรอกใช่ไหมคะ ในห้องของพวกเรามีเพื่อนคนหนึ่งน่าสงสารมากเลยค่ะที่หม่าม้าไม่ต้องการเธอแล้ว แม้แต่ผมก็ไม่มีใครถักเปียให้” ลูกสาวตัวน้อยของเขาพูดด้วยน้ำเสียงสงสารเห็นใจ

หรือว่าเธอกำลังจะเป็นผักกาดขาวหัวน้อยที่ไม่มีแม่เหมือนกันแล้ว?

“หม่าม้าของหนูแค่ไปทำงานนอกสถานที่ ไปหาเงินจากข้างนอกค่ะ รอหม่าม้ากลับมาหล่อนก็จะซื้อของอร่อย ๆ ให้หนูกินไงคะ หม่าม้าไม่ได้ไม่ต้องการหนูหรอกนะ” โจวชิงไป๋พูดด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

มี่มี่มองพ่อของตัวเอง “หม่าม้าไปหาเงินมาเลี้ยงปะป๊ากับมี่มี่เหรอคะ?”

“จ๊ะ” ในใจของโจวชิงไป๋รู้สึกราวกับมีบางอย่างที่อ่อนนุ่มมาสะกิดหัวใจตนเบา ๆ

ได้ยินดังนั้นมี่มี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงพูดว่า “งั้นหนูจะกินขนมให้น้อยลงหน่อย หม่าม้าจะได้ไม่ต้องลำบากเกินไป”

ไม่นานลูกสาวเขาก็ได้หลับไป ส่วนโจวชิงไป๋ยังไม่หลับ เขาห่มผ้าให้ลูกสาวในตอนกลางคืน เพราะลมที่พัดผ่านหน้าต่างนั้นเย็นมาก ส่วนเขาก็คิดถึงภรรยาตัวเองและนอนหลับไป

หลินชิงเหอไหนเลยจะรู้ว่าตัวเองตกเป็นบทสนทนาของสองพ่อลูก ในตอนนี้เธอกับลูกชายก็เปลี่ยนเส้นทางมาที่เจียงซูแล้ว

ชาเขียวปี้หลัวชุน[1] ของเจียงซูก็เป็นหนึ่งในสิบของชาที่มีชื่อเสียงที่สุดเช่นกัน ครั้งนี้เธอจึงมาทำการค้าที่นี่ด้วย

วิวทิวทัศน์ของเจียงซูดีมากเช่นกัน โจวกุยหลายจึงพูดขึ้น “ม้าครับ ที่นี่วิวดีขนาดนี้ ต่อไปพวกเราพาป๊ากับน้องสาวมาพักผ่อนเที่ยวเล่นที่นี่ด้วยกันเถอะครับ”

หลินชิงเหอพยักหน้า ที่นี่นั้นวิวดีมากจริง ๆ ถ้าหาเวลามาได้ เธอก็จะพาโจวชิงไป๋กับลูกสาวมาด้วย นั่นก็ไม่เลวเหมือนกัน

หลังจากเซ็นสัญญาร่วมมือทำการค้าด้วยกันเสร็จ หลินชิงเหอและโจวกุยหลายก็ตรงกลับปักกิ่งทันที

ต่อไปเพียงแค่ถึงเวลานั้น ก็ค่อยให้คนมารับสินค้าจากที่นี่กลับไปก็พอแล้ว พวกเธอเพียงนำใบชาจำนวนหนึ่งกลับปักกิ่งไป

แต่เวลาที่เสียไปทั้งหมดนั้นช้ากว่าที่วางแผนไว้ครึ่งเดือนไปหลายวัน

ไม่แปลกใจเลยว่าตอนที่หลินชิงเหอกลับมานั้น จะพบกับสายตาขื่นขมระคนเศร้าใจจากพ่อและลูกสองคน

“หม่าม้า หนูนึกว่าหม่าม้าจะไม่กลับมาแล้ว หนูแทบจะลืมแล้วด้วยว่าหม่าม้าหน้าตาเป็นยังไง” มี่มี่วิ่งมากอดขาของเธอแล้วพูดขึ้น

หลินชิงเหอหัวเราะออกมาและอุ้มเธอขึ้นมา และก็ถูกพี่ชายสามของเธอรับไป “พี่สามก็กลับมาแล้ว ทำไมน้องไม่พูดว่าคิดถึงพี่ชายสามบ้างล่ะคะ?”

“มี่มี่ก็คิดถึงพี่เหมือนกันคะ” มี่มี่รีบพูด

โจวกุยหลายยิ้มก่อนก็พูดว่า “งั้นก็ดีค่ะ ไม่อย่างนั้นพี่ชายสามก็คงเอาของเล่นน่าสนุก ๆ เยอะขนาดนั้นกลับมาให้น้องเสียเที่ยวแล้ว”

ระหว่างทางลงไปที่เจียงหนาน ที่เจียงหนานนั้นมีของเล่นน่าสนุกไม่น้อยที่เขาเห็นแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าจะไม่เลวทีเดียว จึงซื้อกลับมาด้วย อย่างอื่นเขาไม่ได้ซื้อมา เพียงเอาของเหล่านี้กลับมาก็แน่นเต็มกระเป๋าเขาทั้งใบแล้ว

ตอนนำออกมามี่มี่ก็ดีใจจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วพูดว่า “พี่ชายสามของหนูดีที่สุดเลยค่ะ!”

หลังจากนั้นเธอก็ถูกของเล่นดึงความสนใจไป รอจนดูของเล่นทั้งหมดแล้ว เธอก็เลือกของขวัญออกมา รถของเล่นคันหนึ่งเธอให้พั่งพั่ง เรือลำเล็กเธอให้แฝดมังกรหงส์คนน้อง ตุ๊กตาแกะสลักไม้เธอให้แฝดคนพี่ แล้วก็ยังมีเพื่อนสนิทที่สุดของเธออีกสองคน เธอก็ให้พวกเขาเหมือนกันคนละชิ้น…..

สายตาของโจวชิงไป๋ตกอยู่ที่ภรรยา และถามขึ้นว่า “คุณหิวแล้วยัง?”

“นิดหน่อยค่ะ” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋จึงบอกให้แม่บ้านทำบะหมี่มาให้เธอกิน หลังจากนั้นเขายังต้มน้ำเตรียมให้เธออาบ

หลินชิงเหอก็ได้ใช้มันทั้งหมด เธอแช่น้ำร้อนอยู่ในอ่างน้ำที่บ้านของตัวเองแล้ว จึงค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย

“มาช้าไปตั้ง 5 วัน” รอจนกระทั่งเธอกินอิ่มและอาบน้ำจนสบายตัวแล้ว โจวชิงไป๋จึงค่อยพูดขึ้นอย่างขมขื่นใจ

“ตอนนี้คมนาคมสู้กับในโลกอนาคตไม่ได้ อีกทั้งที่โน่นก็ยังฝนตกด้วยน่ะค่ะ” หลินชิงเหอพูด ที่จริงนั้นมีโอกาสหายากมากที่เธอจะพาลูกชายไปด้วย เธอจึงพาเขาเดินทางไปหลายสถานที่เลย

หลินชิงเหอไม่สนใจเขาอีก และล้มตัวลงนอนบนเตียงตัวเอง ก็ยังคงเป็นเตียงของที่บ้านที่ทำให้เธอรู้สึกสบายที่สุด เพียงได้เอนตัวลงนอน เธอก็รู้สึกไม่อยากจะขยับกายไปไหนอีกแล้ว

แต่โจวชิงไป๋ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ เขาปิดประตูและสองสามีภรรยาก็แสดงความคิดถึงกัน ก่อนที่จะนอนหลับไปพร้อมกัน

ส่วนสาวน้อยมี่มี่ก็ถูกพ่อของเธอปิดประตูทิ้งไว้ข้างนอก

เจ้าสามยิ้มแล้วพูด “มานี่มา มานอนกับพี่ชายสามเถอะ”

“ไม่เอา หนูอยากนอนกับหม่าม้า” มี่มี่ปฏิเสธ

“เมื่อกี้น้องพูดไม่ใช่เหรอว่าพี่ชายสามดีที่สุดน่ะ ตอนนี้กลับไม่อยากนอนกับพี่แล้วเหรอ มี่มี่ทำพี่ชายสามเจ็บปวดใจมากนะคะ” เจ้าสามพูดพลางตีหน้าเศร้า

มี่มี่เริ่มลังเลมองพี่ชายสามของเธอแล้วพูด “ก็ได้ค่ะ แต่แค่ครั้งนี้นะคะ พรุ่งนี้หนูจะนอนกับหม่าม้า”

“จ้า ๆ” เจ้าสามพยักหน้า แล้วอุ้มน้องสาวของเขากลับห้องไปแล้ว ส่วนพ่อของเขาก็น่าจะกำลังทำตัวไปข้าวใหม่ปลามันอยู่แน่ ๆ จริง ๆ เลย อายุก็ปูนนี้แล้ว เขายังไม่เคยเห็นคู่สามีภรรยาที่ไหนหวานชื่นแบบนี้เลย

เพราะภรรยาเขาของเขากลับมาแล้ว โจวชิงไป๋จึงกลับมาสดใสอีกครั้ง กินอะไรก็หอมอร่อย ทำอะไรก็ดีไปหมด อาอี๋แม่บ้านจึงพูดกับหลินชิงเหอยิ้ม ๆ ว่า “คุณผู้ชายน่ะ ตั้งแต่ที่คุณผู้หญิงกับคุณชายสามออกไปทำงานข้างนอก เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร แต่พอคุณผู้หญิงกลับมา คุณผู้ชายก็ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเลยค่ะ”

หลินชิงเหอกระแอมนิด ๆ เมื่อวานตอนเย็นเธอก็ได้รับรู้ด้วยตัวเองมาแล้ว เขาไม่เอ่ยปากพูดแต่แสดงออกผ่านการกระทำออกมาเลยตรง ๆ ผู้ชายคนนี้จะติดเธออะไรขนาดนี้กันนะ ทำให้เธอรู้สึกขึ้นมาหน่อย ๆ​ ว่าต้องรับผิดชอบเขาอย่างไรอย่างนั้นเลยให้ตายสิ

แต่ว่าในใจของหลินชิงเหอกลับรู้สึกชอบการกระทำของเขาไม่น้อย

โจวชิงไป๋ที่จริงไม่ใช่คนติดใคร อย่างวันนี้เธอกลับมาเขามีงานอะไรก็ทำอย่างนั้นไป ไม่ได้อยู่กับเธอตลอดทั้งวัน แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนไม่สามารถแยกออกจากกันได้นั้นแบบนั้น ตอนที่เธอกลับมาก็รู้สึกต่างกันแล้ว

หลินชิงเหอมาที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่โจว และเอาห่อชามาไว้สองห่อ

ผู้เฒ่าหวังก็อยู้ด้วยเช่นกัน เขากับท่านพ่อโจวชอบดื่มชาด้วยกันทั้งคู่

พอย้ายบ้านไปอยู่เรือนสี่ประสานที่มีพื้นที่กว้างขวาง หลินชิงเหอก็บอกให้ท่านพ่อท่านแม่โจวและก็ผู้เฒ่าหวังมาอยู่ด้วยกันที่นั่นด้วยเช่นกัน

แต่ทั้งสามก็ตอบปฏิเสธ

อันดับแรกที่นี่ก็กว้างมากแล้ว สามเฒ่าอยู่ด้วยกันที่นี่ก็สามารถช่วยดูแลกันทำกิจกรรมด้วยกันได้ อีกทั้งพวกเขาก็จ้างคนมาทำอาหารทำงานบ้านอยู่แล้ว สบายจะตาย

รอบข้างก็มีทั้งสวนสาธารณะและร้านค้าต่าง ๆ ที่เหมาะกับการใช้ชีวิต และที่นี่ยังมีที่รวมตัวกันของคนมีอายุ พวกเขาต่างก็สนิทสนมคุ้นเคยกันแล้ว อีกอย่างพวกของโจวเสี่ยวเหมยก็อยู่แถวนี้ด้วย ซึ่งดูคึกคักทีเดียว และถ้ามีเรื่องอะไรก็สามารถมาดูแลกันได้

โจวเอ้อร์นีติดตั้งโทรศัพท์ในบ้านแล้ว ตอนนี้หล่อนจะโทรศัพท์กลับบ้านเกิดก็สามารถโทรได้เลยตรง ๆ

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่เรือนสี่ประสาน อยู่ที่นี่ก็สบายดีแล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ ทีหลังไม่ต้องไปอีกนะ ทำเอาคนข้างหลังไม่เป็นอันกินอันนอน ฉันเห็นตั้งแต่เธอไปทั้งชิงไป๋ทั้งมี่มี่ก็ทำตัวไม่ชินกันหมดเลย” ท่านแม่โจวพูดกับเธอ

“ค่ะ ต่อไปฉันจะให้คนอื่นไปแทนแล้ว” หลินชิงเหอยิ้มพูด

………………………………………………………………………………………………

[1]ชาเขียวปี้หลัวชุน(碧螺春)หรือแปลตรงตัวว่า หอยทากมรกตฤดูใบไม้ผลิ มีแหล่งกำเนิดในมณฑลเจียงซู เมืองซูโจว บริเวณทะเลสาบไท่หู เขาต้งถิง

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท