บทที่ 671 หยวนหยวน
แม่นางมี่มี่ก็มีความฝันจะเป็นพี่สาวเหมือนกันนะ
อย่าเอาแต่มองว่าเธอมีศักดิ์สูงกว่า แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นแฝดมังกรหงส์ของโจวเอ้อร์นีหรือพั่งพั่งของโจวซานนีล้วนอายุมากกว่าเธอ
ตอนนี้โจวซื่อนีคลอดลูกสาวพอดี นี่ไงล่ะ น้องสาวที่เธออยากได้อยากมี และด้วยความที่เธอรู้ว่านั่นเป็นเด็กบ้านพี่สี่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ดังนั้นก็ควรกลับบ้านมาขอน้องสาวน้องชายกับแม่ไม่ใช่หรือ?
หลินชิงเหอบอกปัดเธอไป จะเอาอะไรกันอีก เด็กคนนี้ช่างตื๊อจริง ๆ โดยเฉพาะตอนที่คลานเป็นเดินเป็นแล้ว ถ้าไม่ใช่โจวชิงไป๋ยอมแบกรับทุกอย่างไว้เพียงผู้เดียว เธอคงเลี้ยงไม่ไหวแน่ ๆ
โจวกุยหลายเข้ามาอุ้มน้องสาวออกไปและกล่อมให้เธอดูทีวี
หลินชิงเหอมองบนใส่โจวชิงไป๋ คิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าเขาเป็นคนสอนให้ลูกสาวพูด โจวชิงไป๋หัวเราะ ก่อนจะจูงมือเธอไปดู <<ไซอิ๋ว>> ที่เพิ่งออกฉายในปีนี้
มันฉายไปแล้ว 25 ตอนแรก มีภาคต่ออีกหนึ่งภาคสิบหกตอน แต่ถ่ายเสร็จช่วงยุค 90 ตอนนี้ยังไม่ฉาย
แต่ 25 ตอนนี้เป็นความทรงจำในวัยเด็กที่งดงามของทุกคน
แม้แต่ตัวหลินชิงเหอเองก็ดูอย่างสนุกสนาน ตอนที่ฉายวันนี้เป็นตอน ‘กำราบกระต่ายหยกที่เมืองเทียนจู๋’
ทั้งบ้านดูกันจนถึงสี่ทุ่มกว่าแล้วถึงไปนอน
วันรุ่งขึ้นหลินชิงเหอเอาซุปที่อาอี๋จ้าวตุ๋นไว้มาเยี่ยมโจวซื่อนี และถามโจวซื่อนีว่าแม่บ้านดูแลหล่อนดีไหม
แม่บ้านคนนี้มีชื่อเสียงไม่เลว อาอี๋จ้าวเองก็เป็นคนแนะนำหล่อนเหมือนกัน ดีกว่าคนก่อนที่เวิงกั๋วต้งคิดจะจ้างเยอะ
ทั้งตบเด็กเบา ๆ ให้เรอหลังกินนม ซื้อของกิน ทำกับข้าว ทำความสะอาด หล่อนเหมาหมดเลย
โจวซื่อนีจึงไม่ต้องเหนื่อย อย่างไรเสียเวิงกั๋วตงยังต้องไปทำงาน คุณแม่เวิงก็ต้องเปิดร้าน หล่อนมีลูกน้องผู้หญิงแค่คนเดียว ถ้าหล่อนไม่ไปจะขายของทันได้อย่างไร
แต่หล่อนเป็นคนออกเงินค่าของบำรุงตอนโจวซื่อนีอยู่ไฟทั้งหมด นอกจากนั้นยังให้รางวัลโจวซื่อนี 500 หยวน
หลินชิงเหอได้ยินแล้วหัวเราะ “คุณแม่เธอให้มาเธอก็รับไว้เถอะ อาได้ยินว่าตอนภรรยากั๋วเหลียงมีลูกก็ได้เท่านี้เหมือนกัน”
ถึงแม้พี่ใหญ่อย่างเวิงกั๋วต้งจะแต่งงานก่อนเวิงกั๋วเหลียง แต่เนื่องจากโจวซื่อนีอยากเรียนหนังสืออยู่และไม่อยากท้องไวขนาดนั้น จึงปล่อยให้เขานำหน้าไปก่อน
เวิงกั๋วเหลียงได้ลูกชาย คุณแม่เวิงจึงซื้อของบำรุงให้เหมือนกันและให้เงิน 500 หยวน หล่อนให้คุณพ่อเวิงส่งไปให้ที่ค่าย และจะได้ไปดูความเป็นอยู่ด้วย
ตัวหล่อนเองนั้นไม่ว่าง ไปกลับหลายวันขนาดนั้นกิจการที่ร้านอยู่ไม่ได้หรอก
หลินชิงเหอนั่งคุยกับโจวซื่อนีอยู่ตรงนี้สักพักแล้วถึงมาหาคุณแม่เวิง
ตอนนี้คุณแม่เวิงกับลูกน้องกำลังตั้งเสื้อผ้ากันอยู่
พอเห็นหลินชิงเหอมาหล่อนก็ดีใจมาก ให้ลูกน้องไปทำงาน ส่วนตัวเองเรียกหลินชิงเหอมานั่ง
“ไปเยี่ยมหงเสียมาแล้วเหรอจ๊ะ?” คุณแม่เวิงเอ่ยยิ้ม ๆ
“อื้ม ได้ข่าวว่าเธอให้อั่งเป่าเจ้าตัวไป 500 หยวนเลย” หลินชิงเหอยิ้ม
คุณแม่เวิงกล่าว “เพราะเห็นพวกหล่อนเป็นเหมือนกัน ไม่มีใครด้อยไปกว่ากันหรอกจ้ะ”
ขณะนั้นมีลูกค้าผู้หญิงเข้าร้านสองคน ลูกน้องจึงเข้าไปต้อนรับ ส่วนคุณแม่เวิงไม่ได้ไปเพราะคุยกับหลินชิงเหอ “เธอโทรไปบอกข่าวดีกับแม่ยายลูกชายฉันหรือยังจ๊ะ?”
“บอกแล้ว หล่อนเองก็ดีใจมากเหมือนกัน” หลินชิงเหอบอก ส่วนเรื่องที่สะใภ้ใหญ่โจวกังวลเรื่องบ้านเวิงจะเห็นผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงนั้นเธอไม่ได้พูด “ถ้าไม่ใช่ว่าปีนี้เจ้าใหญ่กับเหม่ยเจี่ยจะแต่งงานกัน เอ้อร์นีกับหวังหยวนอาจจะกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดพร้อมลูกแฝดมังกรหงส์แล้ว ฉันดูแล้วปีนี้ไม่น่าจะได้ไป ปีหน้าก็ให้กั๋วต้งกับซื่อนีกลับไปกับเอ้อร์นีและหวังหยวนเถอะจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นปีนี้พ่อตาแม่ยายลูกชายฉันจะมาฉลองปีใหม่ที่นี่ไหมจ๊ะ?” คุณแม่เวิงเอ่ย
“ยังไม่รู้เลยจ้ะว่าพวกเขาจะว่าอย่างไร” หลินชิงเหอบอก
“ถ้ามาฉลองที่นี่จะดีมากเลย เธอเอาเบอร์ที่บ้านเกิดให้ฉันหน่อย เดี๋ยวฉันจะโทรหาแม่ยายลูกชายฉัน ถ้าอีกหน่อยว่างจากงานที่ไร่แล้วมาฉลองปีใหม่ที่นี่ได้ ปีหน้าค่อยให้หงเสียกับกั๋วตงตามกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด” คุณแม่เวิงกล่าว
หลินชิงเหอยื่นเบอร์โทรศัพท์ให้หล่อน คุณแม่เวิงยิ้มพลางเอ่ย “เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันว่างเมื่อไหร่ค่อยโทรนะ”
สถานการณ์ตอนนี้ดีก่อนเมื่อก่อนมาก โจวซื่อนีอยู่ไฟอย่างสุขสบาย
ทั้งไม่มีเรื่องน่ารำคาญใจ แถมยังมีคนที่มีประสบการณ์คอยปรนนิบัติตอนอยู่ไฟอีก ไม่ต้องพูดเลยว่าจะสบายขนาดไหน
โจวซื่อนีอยู่ไฟไป 40 วันถึงออกจากบ้าน ส่วนลูกสาวหล่อนถูกย่าเลี้ยงดูจนตัวกลมดิ๊ก
เวิงกั๋วต้งรักเธอเป็นพิเศษ เรื่องแรกที่ต้องทำทุกวันตอนกลับไปคืออุ้มลูกสาว
โจวซื่อนีอยู่ไฟเสร็จก็เข้าเดือนพฤศจิกายนแล้ว ซึ่งอากาศเริ่มหนาว นับว่าหล่อนเลือกเวลาอยู่ไฟได้ดี อุ่นสบายมากจริง ๆ
เวิงกั๋วต้งมีวันหยุดอย่างหาได้ยากพอดี โจวซื่อนีจึงให้เขาอยู่บ้านดูลูก ส่วนหล่อนให้นมลูกเสร็จก็ออกจากบ้าน ขี่จักรยานเร็วเสียจนอย่างกับจะบิน
หล่อนไปที่เรือนสี่ประสาน แต่มีแค่แม่บ้านและอาอี๋จ้าวที่อยู่ อาสี่อาสะใภ้สี่ต่างไม่อยู่บ้านทั้งคู่
หล่อนจึงมาที่ร้านขายชา ซึ่งหลินชิงเหอโจวเอ้อร์นีต่างอยู่ที่นี่หมด
“ฉันว่าแล้วว่าวันนี้เธอน่าจะได้ออกจากการอยู่ไฟล่ะ ถึงได้รีบมาที่นี่เชียว แล้วหยวนหยวนล่ะจ๊ะ” โจวเอ้อร์นียิ้ม
“วันนี้พ่อเธอหยุดอยู่บ้านเลี้ยงเธอ ฉันเลยออกมาเดินเล่นสองชั่วโมงน่ะค่ะ” โจวซื่อนียิ้มเหมือนกัน
หล่อนอุดอู้อยู่ในบ้านมาหนึ่งเดือนกว่า พอได้ออกมาสูดอากาศก็รู้สึกสดชื่น
“ออกมาข้างนอกบ้างดีกว่านะจ๊ะ เอาแต่หมกตัวในบ้าน ต่อให้สบายดีก็ยังอุดอู้จนป่วยได้” หลินชิงเหอกล่าว
“วันนี้ได้ออกมาแล้วรู้สึกเหมือนบินได้เลยค่ะ” โจวซื่อนีบอกยิ้ม ๆ
“โทรหาแม่เธอหรือยังจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม
“กั๋วต้งโทรไปแล้ว ส่วนฉันยังไม่โทรไปค่ะ” โจวซื่อนีบอก
“ข้างนอกมีตู้โทรศัพท์นะ ไปโทรได้ แม่เธอก็คิดถึงเธอเหมือนกัน” หลินชิงเหอกล่าว
โจวซื่อนีพยักหน้าและออกไปโทรศัพท์ ช่วงเวลาตอนนี้สะใภ้ใหญ่โจวกำลังสับอาหารเป็ดเตรียมต้มอยู่ที่บ้าน พอได้ยินหลานชายผู้ใหญ่บ้านเรียกให้ไปรับโทรศัพท์ หล่อนจึงวางงานในมือลงแล้วมารับสาย
พอได้ยินว่าลูกสาวคนเล็กตัวเองโทรมา สะใภ้ใหญ่โจวก็เอ่ยอย่างดีใจ “ออกจากการอยู่ไฟแล้วเหรอ?”
“ออกนานแล้วค่ะ แต่อาสะใภ้สี่ให้อยู่ถึง 40 วัน จนถึงวันนี้นี่แหละที่หนูเพิ่งออกมา” โจวซื่อนียิ้มพลางพูด
สะใภ้ใหญ่โจวถามเข้าประเด็น ที่สำคัญก็คือมีเด็กร้องไห้งอแงไหม? กั๋วต้งชอบรึเปล่า? แม่สามีหล่อนคิดเห็นอย่างไร?
โจวซื่อนีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ ทุกคนรักหยวนหยวนหมด ที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านเราหรอก”
แถบชนบท โดยเฉพาะครอบครัวที่ยากจนล้วนอยากมีลูกชายมากกว่า เพราะเป็นพละกำลังให้ที่บ้านได้ ลูกสาวทำอะไรไม่ได้ออกแรงไม่ไหว เลี้ยงจนเติบโตแล้วต้องแต่งงานอีก คนส่วนใหญ่จึงอยากมีลูกชายกันทั้งนั้น
หลังจากมีนโยบายคุมกำเนิดแล้วก็มีคนไม่น้อยที่อยากได้ลูกชาย และยกลูกสาวให้คนอื่นเป็นจำนวนมาก นี่ถือว่ามีมนุษยธรรมแล้วนะ มีที่ไร้มนุษยธรรมอย่างทอดทิ้งลูกเลยก็มี
สะใภ้ใหญ่โจวที่อยู่ชนบทได้ยินมามากจึงเป็นกังวล
……………………………………………………………………………………………………………………….