บทที่ 686 พยายามจับคู่ให้
หลินชิงเหอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าขนาดเธอบิดเบือนเนื้อเรื่องไปถึงเพียงนี้แล้ว ยังไปเจอกันได้อีก
ถึงเธอไม่เคยสงสัยในพลังที่มองไม่เห็น คิดว่าคนที่ต้องเจอกันช้าหรือเร็วก็ต้องเจอ แต่ไม่รู้เลยว่าเจ้าสามรู้จักจงฉิงมานานแล้ว
ดูจากท่าทางกระตือรือร้นนั่นทำไมจะดูไม่ออกว่าเขารู้สึกดีกับจงฉิง
เจ้าสามเห็นท่าทางแบบนี้ของแม่เขาแล้วจะกล้าปิดบังอีกได้อย่างไร จึงรีบเล่าเรื่องที่เขาช่วยจับขโมยบนรถไฟก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่เข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับจงฉิงเลย ผมจำได้หมดว่าแม่ไม่ให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงแซ่จง จำได้ดีเลยครับ”
หลินชิงเหอถึงยอมปล่อยหูเขา และแค่นเสียง “ถ้าลูกกล้าคิดแบบนั้นม้าจะตีขาลูกให้หักเลย หล่อนดูมีโหงวเฮ้งความเป็นสามีภรรยากับพี่สวี้เจี๋ยของลูกชัด ๆ”
ในฐานะพระเอกนางเอก ไม่ว่าจะเป็นหานสวี้เจี๋ยหรือจงฉิงล้วนหน้าตาดีแบบไม่ต้องพูดมาก ระดับมังกรหงส์เหนือคนทั้งนั้น มองผ่านฝูงชนปราดเดียวก็เห็น แน่นอนว่าบรรดาลูกชายเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน
แต่พวกเขาน่ะเป็นบุพเพสันนิวาสที่ถูกกำหนดมา เธอไม่อนุญาตให้เจ้าสามไปแทรกหรอก แทรกแซงความรักคนอื่นจบไม่สวยแน่
เจ้าสามพึมพำ “แม่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ ระหว่างจงฉิงกับพี่สวี้เจี๋ยไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกครับ ตอนอยู่บนรถไฟผมฟังจงฉิงบ่นมาทั้งทาง ว่าพี่สวี้เจี๋ยเข้มงวดและหัวโบราณ”
หลินชิงเหอเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา นึกในใจอยู่ว่าตอนนี้จงฉิงยังไม่มีความรู้สึกต่อหานสวี้เจี๋ยจริง ๆ พูดให้ถูกคือยังไม่ตระหนักถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อหานสวี้เจี๋ย ไม่อย่างนั้นเรื่องอะไรที่หล่อนต้องบ่นถึงตลอดทั้งทาง?
แต่นี่ก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน ไม่เกี่ยวกับบ้านเธอ
“เชื่อม้า อย่าไปยุ่งกับเรื่องของพวกเขา อีกหน่อยลูกอยากมีแฟนเป็นดาราหนังยังได้” หลินชิงเหอกล่าว
“ดาราหนังหรอครับ คราวก่อนผมกับพี่เขยรองไปทานข้าวเชิงธุรกิจ มีดาราเล็ก ๆ ไปชงเหล้าให้จริง ๆ นะครับ” เจ้าสามบอกยิ้ม ๆ
“ต้องเป็นคนที่ประวัติไม่มัวหมอง แล้วตัวเองก็ไม่มัวหมองด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหวังจะได้แต่งเข้าบ้าน” หลินชิงเหอมองเขาและเอ่ย
โจวกุยหลายคลี่ยิ้ม “ผมรู้ครับผมรู้ แม่วางใจเถอะ”
หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขา ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่พูดอะไรมาก แต่นับจากครั้งนี้ไป ทุกครั้งที่หานสวี้เจี๋ยและจงฉิงเดินทางผ่านปักกิ่งก็จะแวะมาที่บ้าน บางครั้งอยู่ค้างคืนด้วย
ถึงแม้หลินชิงเหอจะระแวงจงฉิง แต่ตอนนี้งานของจงฉิงยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างเท่าไร หากเป็นเด็กหนุ่มมากความสามารถอย่างหานสวี้เจี๋ยมาหลินชิงเหอยินดีต้อนรับเป็นธรรมดา
ส่วนจงฉิง อาจเพราะเป็นการเขม่นเพศเดียวกัน และอาจเพราะเธอตั้งแง่มาแต่ต้น ที่จริงจงฉิงถือว่าเป็นเด็กสาวที่ไม่เลวเลย ทัศนคติก็ดี แต่พอนึกถึงเรื่องที่หล่อนอาจทำลายชีวิตเจ้าสามและพาลไปถึงคนโตอีกสองคนด้วย เธอก็รับไม่ได้
เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมา
อย่างไรก็เหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรม แม้จะมีคำเตือนจากเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าสามก็ยังคงมีท่าทีกระตือรือร้นต่อแม่นางจงฉิงมาก เป็นเหตุให้จงฉิงชอบมาเล่นที่บ้าน
หลินชิงเหอนึกถึงเนื้อเรื่องที่จงฉิงถูกเจ้าสามดึงดูดจริง ๆ หลังจากนั้นถึงใช้เจ้าสามเป็นการพิสูจน์ความรู้สึกที่เธอมีต่อหานสวี้เจี๋ยก็ชาหนังหัววาบ
เพราะฉะนั้นตอนที่หานสวี้เจี๋ยมาแต่จงฉิงไม่มา หลินชิงเหอจึงทำตัวเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย
“สวี้เจี๋ยเอ๋ย เธออายุมากกว่าเจ้าใหญ่อีกนะ อายุปูนนี้แล้วพ่อแม่เธอน่าจะร้อนใจบ้างแล้ว ตอนนี้มีแฟนหรือยังล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
หานสวี้เจี๋ยชะงัก ปีนี้เขาอายุไม่น้อยแล้วจริง ๆ พ่อแม่เขาก็เร่งทุกปี จนเขาไม่ค่อยอยากจะกลับบ้านแล้ว
“ทำไมวันนี้จงฉิงไม่มากับเธอด้วยล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“แม่หล่อนป่วยครับ หล่อนเลยลาหยุด 3 วัน” หานสวี้เจี๋ยตอบ
หลินชิงเหอพยักหน้า นางเอกถูกกำหนดให้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ แม่ของหล่อนไม่มีลูกชาย หลังจากคลอดหล่อนแล้วก็สุขภาพไม่ดี ตั้งครรภ์ไม่ได้อีก พ่อหล่อนจึงหย่าแล้วหาภรรยาใหม่ ซึ่งก็ได้ลูกชายอีกคนจริง ๆ
ทว่าแม้จะเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น นางเอกก็ยังเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด และยังมีทัศนคติต่อโลกใบนี้ดีมาก
หลินชิงเหอเอ่ยขึ้น “เธอว่าจงฉิงเป็นยังไง?”
หานสวี้เจี๋ยชะงัก ก่อนจะหลุดขำ “หล่อนน่ะเหรอครับ? น้าหลิน น้าคิดอะไรอยู่ครับเนี่ย แค่เด็กสาวคนหนึ่ง อายุน้อยกว่าผมเกือบ 10 ปี”
เด็กกว่าหานสวี้เจี๋ยเกือบ 10 ปีนี่ออกจะเกินไปหน่อย แต่ 7-8 ปีน่าจะถึงแน่
“จะเป็นอะไรไปเล่า? แค่ทำดีกับจงฉิงให้มาก ๆ ก็พอ แถมเด็กสาวคนนี้น้าดูแล้วว่ามีราศีของคนดี เห็นหล่อนดูแลแม่ขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นคนดูแลคนเก่ง” หลินชิงเหอกล่าว
ในตอนนี้หานสวี้เจี๋ยกับจงฉิงยังไม่มีการพัฒนาอะไรจริง ๆ เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานธรรมดาเท่านั้น
แต่เขาถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้วจริง ๆ
“ปีนี้ภรรยาเจ้าใหญ่ท้องแล้วนะ เขาดีใจจนแทบบ้า เธออายุมากกว่าเจ้าใหญ่อีกแต่ยังโสดอยู่เลย แบบนี้ไม่ได้นะ เชื่อน้าหลินไม่ผิดแน่ จงฉิงเป็นเด็กดี หน้าตาดูก็รู้ว่าเสริมดวงสามีและคนที่บ้านได้” หลินชิงเหอบอก
เธอไม่ได้ทำลายชีวิตใครนะ พระเอกนางเอกเกิดมาคู่กัน สามีธาตุไฟภรรยาธาตุไม้ ดวงสมพงศ์กันสุด ๆ
และเรื่องจริงก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ทั้งสองคนคบกัน หานสวี้เจี๋ยหน้าที่การงานก้าวกระโดดเพราะแม่ของหล่อนมีพี่ชายที่พลัดพรากจากกัน และจงฉิงก็เหมือนแม่ของหล่อนมาก น้าหล่อนจึงจำได้
ฐานะน้าหล่อนสูงมาก หานสวี้เจี๋ยมีความสามารถและมีความดีความชอบก็จริง แต่เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไร้รากฐาน ที่ได้ดีเพราะนางเอกเสริมดวงให้เขาไม่ใช่เหรอ?
หานสวี้เจี๋ยหัวเราะ “สนิทกันเกินไปครับ” และเขาไม่เคยอ่อนโยนต่อยัยนั่นเลยสักนิด สั่งสอนในฐานะลูกน้องมาตลอด คงจะแค้นเขาอยู่ไม่น้อย
“เด็กโง่” หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขาและยิ้มอย่างมีเมตตา “ก็ต้องหาที่สนิทกัน รู้ตื้นลึกหนาบางน่ะสิ ไม่อย่างนั้นไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าเคยผ่านอะไรมาบ้างด้วยซ้ำ แบบเธอกับจงฉิงนี่แหละดีที่สุดแล้ว เธอเชื่อที่น้าบอกไม่ผิดแน่ นั่นน่ะเป็นเด็กดีจริง ๆ นะ ถ้าพลาดแล้วคือพลาดเลย”
คืนนั้นหานสวี้เจี๋ยค้างที่บ้าน และเขาก็เก็บคำพูดของหลินชิงเหอมาใส่ใจ
ตอนแรกเขาไม่ได้คิดไปทางนั้นเลยจริง ๆ แต่พอหลินชิงเหอพูด ทำเป็นเล่นไป จงฉิงนี่ไม่เลวจริง ๆ นะ
เป็นคนทนความลำบากได้ แถมหน้าตาก็น่ารัก จิตใจก็ดีมีเมตตา แค่อายุน้อยไปหน่อย ยื่นกรงเล็บออกไปแบบนี้หานสวี้เจี๋ยก็รู้สึกถึงบาปกรรมนิดหน่อย
แต่ก็ยังยืนยันคำเดิม เขาอายุไม่น้อยแล้ว จะมัวยืดเยื้อต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่อย่างนั้นอีก 2-3 ปีก็ 30 แล้ว
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือนและมากันอีกครั้ง หลินชิงเหอพบว่าบรรยากาศระหว่างหานสวี้เจี๋ยและจงฉิงดูแตกต่างจากเดิม
เมื่อก่อนตอนสองคนนี้มาหานั้นดูเปิดเผยสุด ๆ แต่มาครั้งนี้ ทั้งสองคนแทบอยากจะติดประกาศบอกพวกเขาว่าทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ไม่มีอะไรเป็นอื่น
อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้ชัด ๆ
…………………………………