ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 40 เจ้าทำอะไรกับข้า
ภายในเนตรญาณสีเทา ลวดลายที่มหัศจรรย์ยิ่งอยู่ชัดเจนขึ้น สิ่งสกปรกสีเทาก็กลายเป็นสว่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ตกใจคือ สัญลักษณ์ของอสรพิษค่อยๆ โผล่ออกมาจากเนตรญาณนี้!
ราวกับว่าเป็นสิ่งที่มีมาแต่แรกอยู่แล้ว เป็นเพราะการล้างไขกระดูกทำให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้น!
เจียงหลีที่ถูกทรมานปางตายจากการล้างไขกระดูก ในขณะนี้นางตื่นรู้และลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นนัยน์ตาที่มืดมนทั้งคู่ของนางมีแสงสีทองที่คุ้นเคยส่องผ่าน
ลักษณะของนางขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ละเอียดอ่อน แสดงถึงเสน่ห์เย้ายวน แต่ถ้าไม่ได้มองอย่างละเอียด แทบจะไม่เห็นความแตกต่าง
แสงสีทองที่ลึกเข้าไปในนัยน์ตาได้เปลี่ยนรูปร่างไปในพริบตา เจียงหลีหลับตาลงอย่างช้าๆ เข้าสู่ความสงบ
เนตรญาณสีเทาค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับเนตรญาณสีทองทั้งเก้าก่อนหน้านี้
นางนั่งขัดสมาธิลงข้างสระน้ำ ของเหลวที่เหนียวข้นสีขาวได้กลายเป็นสระน้ำที่โปร่งใส หนอนสีดำเหล่านั้นราวกับได้รับคำสั่งให้ถอยกลับไปเหมือนกระแสน้ำ
ผ่านไปชั่วขณะ ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่พบหนอนในสระน้ำแล้ว เจียงหลีได้โผล่ไปที่ลานการประลองอีกครั้ง และหลับตาลงฝึกฝน
ที่แท้ สายเลือดอสรพิษของข้าไม่ได้หายไป เพียงแต่หลุดออกจากร่างกาย ได้กลายเป็นเนตรญาณดวงที่สิบ อสรพิษโบราณกลายเป็นหนึ่งในเนตรญาณ!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากที่เจียงหลีเสร็จสิ้นการฝึกฝนในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ นางลืมตาขึ้น ก้มมองไปยังแสงที่กะพริบในเบื้องลึก
เลือดที่ไหนเวียนในร่างกาย จากเดิมที่น่าจะหายไปพร้อมกับการยุบตัวของเนื้อหนัง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด สายเลือดอสรพิษถึงยังอยู่ มิหนำซ้ำยังมีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไร แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจ
สายเลือดแห่งความโหดร้าย มู่ชิงเกอ เป็นสิ่งที่นางมีความทรงจำที่ลึกซึ้งที่สุดสำหรับอดีตและเป็นความทรงจำเดียวเกี่ยวกับอดีตที่นางจำได้
“สายเลือดยังคงอยู่ แล้วความโหดร้ายล่ะ” เจียงหลีหลับตาลง ลองเรียกพลังอย่างละเอียด แต่กลับสัมผัสอะไรเกี่ยวกับความโหดร้ายไม่ได้
ลองทำไปหลายครั้ง ในที่สุดนางก็ยอมถอดใจ กล่าวกับตัวเองว่า “ความโหดร้ายเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น หรือว่าเป็นเพราะตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินไป ถึงไม่สามารถเรียกมันออกมาได้”
“หืม” นางตกใจไปครู่หนึ่ง ลักษณะของนางเปลี่ยนไป “หลิงซื่อระดับห้ามาโดยไม่คาดคิด”
รวมเข้าด้วยกันกับวิญญาณที่นางดูดซับ ทำให้นางกระโดดเป็นหลิงซื่อระดับที่สี่ แต่คิดไม่ถึงว่าการล้างไขกระดูกเพียงครั้งเดียวจะทำให้นางได้ก้าวไปอีกหนึ่งระดับ
ในวันนี้นางมีเนตรญาณระดับเดียวกับเย่ว์หนานซีแล้ว!
การท้าดวลในงานประลองชิงเจียว ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้นางตั้งตารอ
หลังจากตื่นเต้น เจียงหลีก็ได้แสดงอาการตกใจขึ้นมา เมื่อครู่ตอนอยู่ในกระบวนการล้างไขกระดูก ทำให้นางเหลือบเห็นความลับอย่างหนึ่งของร่างนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ร่างของเจ้าของเดิม เหมือนว่าจะมีความพิเศษบางอย่าง ทำให้ตอนที่นางฝึกฝน ต้องใช้ปริมาณหินวิญญาณมากกว่าคนทั่วไป และตำนานพรสวรรค์เนตรญาณเก้าดวงแต่กำเนิดนั้น เหมือนกับว่าจะมาจากดวงวิญญาณที่ลึกลับอีกดวงหนึ่ง ตอนที่ข้ากลืนพลังก็ได้เอาพรสวรรค์อื่นมาเป็นของตัวเองด้วย” เจียงหลีกระซิบด้วยเสียงทุ้ม ดำดิ่งไปในความคิด
พรสวรรค์ของนางในตอนนี้เป็นการรวมกันของสามคน ไม่ได้เป็นพลังของนางเพียงคนเดียว เจ้าของเดิมมีร่างกายที่พิเศษ จึงสามารถดูดซับวิญญาณลึกลับเข้าไปได้ แต่บังเอิญ นางก็ถูกร่างกายดูดเข้ามา หลังจากนั้นเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น แต่สุดท้าย นางก็ได้กลายเป็นผู้ชนะ
“เจียงหลี เจียงหลินเฟิง กู่หลานเย่ว์…” เจียงหลีพูดสามชื่อนี้ด้วยเสียงทุ้ม กูหลานเย่ว์เป็นชื่อของมารดาของร่างเจ้าของเดิม ร่างกายของนางมีความพิเศษที่ไม่อาจรับรู้ได้ว่าคืออะไร ทำให้นางเริ่มสงสัยถึงความลับของตระกูลเจียง หรือควรพูดเช่นนี้ เป็นความลับของกู่หลานเย่ว์ แต่ตอนนี้กู่หลานเย่ว์ได้ตายไปแล้ว ไม่สามารถมาไขปริศนาให้นางได้ เช่นนั้นผู้ที่จะสามารถตอบคำถามนางได้เหลือเพียงคนเดียวก็คือ…“เจียงเฮ่า” เจียงหลีหายใจออกพูดชื่อนี้ออกมาเงียบๆ
เจียงเฮ่าอยู่เมืองหลวง นี่เป็นข้อความเดียวที่กู่หลานเย่ว์ทิ้งไว้ให้นาง
แต่เมืองหลวงใหญ่ขนาดนั้น เจียงเฮ่าผู้หลบหนีจะไปซ่อนที่ไหนกัน
เจียงหลีส่ายหัว ถอนหายใจกล่าว “ดูแล้ว น่าจะต้องค่อยๆ หาไป”
ทันใดนั้นเจียงหลีรับรู้ได้ว่าจิตของนางได้ถูกบังคับให้เปิดเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อออก นางไม่มีเวลามาคิดอะไรแล้ว เห็นเพียงแต่ท้องฟ้าที่เป็นสีเทาหม่น มีตัวหนังสือสีทองโผล่ออกมา ‘เป็นเวลาเช้าแล้ว รอการเปิดครั้งถัดไป’
“…” เจียงหลียังไม่ทันได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออก รู้สึกถึงความมืดมนตรงหน้า พอนางตื่นขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่สะท้อนในม่านตาคือใบหน้าที่มีเสน่ห์ของลู่เจี้ย
เพียงแต่…
เอ่อ…
เจียงหลีมุมปากกระตุก ด่าในใจอีกครั้ง เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อเจ้าขี้โกง! สติของนาง ได้ล้างไขกระดูกในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อแต่คิดไม่ถึงว่าการขับเศษซากของเสีย จะถูกขับออกมานอกร่างกาย
เนื่องจากตอนที่นางเข้าไป นางไปเกาะร่างกายของลู่เจี้ย ดังนั้น…
นี่…
นั่น…
แค่กๆ สิ่งที่ไหลออกมา สิ่งของสีดำเป็นชั้นๆ ปกคลุมไปทั่วร่างกายของลู่เจี้ย
กลิ่นเหม็นทำให้นางแทบจะเป็นลม
ให้ตายสิ ขายขี้หน้าชำมัด ต่อให้เจียงหลีจะหน้าหนา แต่ขณะนี้ก็ยังรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนฉ่า นางหลับตาลง อยากทำเหมือนว่านางไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มีสิ่งเหล่านี้
ในขณะที่นางจะแอบหนีไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เจี้ยโมโห นายน้อยที่หลับใหลในตอนแรก ได้ลืมตาขึ้นมากะทันหัน
ดวงตาที่งดงามราวกับดวงดาว กำลังจ้องมาที่นาง
“เจ้ากำลังจะทำอะไรกับร่างกายของข้า” รู้สึกถึงมือที่วางไว้บนอก ลู่เจี้ยค่อยๆ เปิดปาก พูดออกมาโดยที่ไม่เห็นความโกรธ อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ เขาพูดเช่นนั้นแต่เขาซ่อนความประหลาดใจไว้ในใจ ทำไมกัน พอตื่นขึ้นมาเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่เหมือนก่อนหน้า โหงวเฮ้งเดิมยังอยู่แต่ดูเหมือนว่าจะภายใต้ลักษณะใบหน้าที่อ่อนเยาว์นี้ได้ซ่อนอีกความงามที่ชวนมองเอาไว้ด้วย
เจียงหลีปากกระตุก ค่อยๆ นำแขนขาลงจากร่างกายของลู่เจี้ย
ถ้าเป็นปกตินางต้องถือโอกาสลวนลามนายน้อยอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางได้ทำเรื่องที่ไม่ดีลงไป จึงรู้สึกผิดเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เจี้ย
“คือ นายน้อย ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัวไปก่อนนะเจ้าคะ” เจียงหลีพอขาแตะพื้นปุ๊บก็พร้อมจะไปทันที
“ยืนอยู่กับที่” ลู่เจี้ยกล่าวเบาๆ
ปฏิกิริยาของเจียงหลีทำให้เขารู้สึกผิดปกติ ขณะนั้นกลิ่นโชยมาแตะจมูกของเขาเป็นกลิ่นที่ยากจะสูดดมทำให้เขาขมวดคิ้วเบาๆ
เขาสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นจากเตียง นั่งลงบนเตียงค่อยสังเกตเห็นบนชุดคลุมสีม่วงของเขากลับมีคราบสีดำเต็มไปหมดแถมยังส่งกลิ่นเหม็นหึ่งมา
ไม่เพียงแต่ตามร่างกายเขา ยังมีบนเตียง แม้กระทั่งตามร่างกายของเจียงหลีล้วนแต่มีสิ่งนี้
ลู่เจี้ยนัยน์ตาดำดิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขามองเงาเล็กๆ ที่กำลังจะหลบหนี กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจียงหลี เจ้าทำอะไรกับข้า”