ตอนที่ 60 สิบอันดับแรกต้องมีนาง
พูด “ทำไม จะรวมพลังต่อสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ”
เจียงหลีก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวพลังเลี่ยเทียนซื่อยิ่งมากขึ้น นางยิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกาย ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตา
นางเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาจริงหรือ
ชั่วขณะนั้น ไม่ว่าผู้ตรวจตราที่ซ่อนตัวอยู่หรือว่าผู้เข้าร่วมการประลองจากเมืองไป๋ลู่ ล้วนแต่ยากที่จะเชื่อสิ่งที่เห็น
ผิดคาด
ผิดคาดกันหมด
ลั่วเทียนเจียวพูดกับตัวเอง และพูดกับคนอื่นๆ ด้วยเสียงดังว่า “ผิดคาดแล้ว รีบฆ่านางซะ”
เจียงหลียิ้มมากขึ้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่ารอยยิ้มนั้นขัดกับหน้าตาที่สะสวยของนาง
“จะฆ่าได้หรือ” ทันใดนั้น เจียงหลีแววตามุ่งมั่น เงาร่างกายพุ่งไปเหมือนกับลูกธนู เริ่มจู่โจมก่อน
เท้าของนางเคลื่อนไหวออกไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับผีเสื้อมายา ลอยไปมาท่ามกลางผู้เข้าร่วมการประลองเมืองไป๋ลู่
กรอบๆ
เสียงกระดูกหักดังขึ้นไม่หยุด
ผู้ตรวจตราที่ซ่อนตัวอยู่ มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตะลึง มองดูผู้เข้าประลองจากเมืองไป๋ลู่ที่สู้ไม่ได้เลยสักนิดนอนกองอยู่กับพื้น เสียวสันหลังวาบ
ตระกูลลู่นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ ขนาดสาวใช้ยังเก่งกาจเช่นนี้เชียวหรือ เขาทอดถอนใจ
พลังและความเร็วของเจียงหลี เดิมคนเหล่านี้ก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว นี่ยังปลุกใช้เลี่ยเทียนซื่อ ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหลีจู่โจมในตอนที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว การโจมตีที่ร่างกายและฝ่ามือเข้ากันได้เป็นอย่างดี จัดการกับคนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
อีกอย่างจุดประสงค์ของนางไม่ใช่การทำร้ายคน แต่เป็นการทำให้พวกเขาสูญเสียพลังการต่อสู้ เพียงแต่ว่าทุกคนที่ถูกนางโจมตี ข้อต่อกระดูกมือและเท้าหลุดหมด กองอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
พวกเขามองพลาดไป!
เด็กผู้หญิงอายุน้อย แท้จริงแล้วไม่ใช่คนอ่อนแอที่ใครก็รังแกได้ แต่เป็นผู้เก่งกาจไม่อาจมีใครเทียบได้
ในชั่วพริบตา เจียงหลีพุ่งไปอยู่ตรงหน้าลั่วเทียนเจียว
ลั่วเทียนเจียวหยุดหายใจ ดวงตาเบิกโพลง เจียงหลีเข้ามาใกล้แล้ว วิญญาณยุทธ์องเขาเหมือนจะสั่นเทา
อ้ากกก เขาตะโกนด้วยความโกรธแล้วใช้พลังการต่อสู้ “นางคนชั้นต่ำ”
เขาพูดจบ ตรงหน้าของเขาและเจียงหลี ก็มีพลังที่คล้ายกับเข็มปรากฏขึ้น พุ่งไปที่เจียงหลี
ลั่วเทียนเจียวยิ้มด้วยความชั่วร้าย ในระดับหลิงซื่อยังไม่มีใครสามารถทำลายทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ของเขาได้
จากนั้น เขายังยิ้มไม่ทันสุด หน้าเขาก็นิ่งไป ตาถลน มองเจียงหลีที่ยังคงพุ่งมาหาเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
เป็นไปได้อย่างไร
กำปั้นของเจียงหลี ผสานกับพลังอันยิ่งใหญ่ พลังที่ทำลายได้แม้แต่ภูเขาและแม่น้ำ เข้าประชิดเขา
“แตก” นางพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
หมัดพิฆาตขั้นหกใช้แค่ขั้นห้าโจมตีอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำลายทักษะการต่อสู้ของลั่วเทียนเจียวได้เหมือนกับไม้ไผ่ที่แตกออกจากกัน จู่โจมไปที่หน้าอกของเขาได้อย่างง่ายดาย
เอื้อกก
ในตอนที่ลั่วเทียนเจียวถูกจู่โจมก็เหาะขึ้นไปบนฟ้า กระอักเลือด ชั่วพริบตาสีหน้าดูไม่ค่อยดี
“หมัดพิฆาตขั้นหกของตระกูลลู่” ผู้ตรวจตราที่ซ่อนตัวอยู่ยืนขึ้นด้วยความตกตะลึง เขาตกใจไม่หยุด พึมพำว่า “แท้จริงแล้วนางเป็นตัวอะไรกันแน่ หมัดพิฆาตขั้นหกของตระกูลลู่ขึ้นชื่อเรื่องฝึกยาก แม้แต่ลู่จ้าน จะฝึกถึงหมัดพิฆาตขั้นหกที่รุนแรงได้ ก็ยังต้องใช้เวลาถึงเจ็ดแปดปี แต่นางเพิ่งจะอายุแค่นี้ ใช้เวลาฝึกหมัดพิฆาตนี้นานแค่ไหนทำไมถึงใช้หมัดหนักในขั้นห้าได้”
“เจ้า…” ลั่วเทียนเจียวตกลงมาที่พื้นอย่างแรง รู้สึกปวดเหมือนกระดูกหน้าอกหัก
เพราะว่าเจ็บปวดเกินจะรับไหว เขาไม่สามารถรับมือกับพลังได้ วิญญาณยุทธ์ก็สูญสลาย เขามองเจียงหลีด้วยความโกรธแค้น ร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา วิญญาณยุทธ์ที่ชั่วร้ายของนาง สายตาที่น่ากลัวสะท้อนให้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่เย็นชาของนาง ผู้ที่อยู่เหนือคนทุกคน
ข้าไม่ยอม! ลั่วเทียนเจียวร้องตะโกนในใจด้วยความโกรธ ปิดตาแล้วสลบไป
มีเสียงตะโกนร้อง ผู้เข้าร่วมการประลองเมืองไป๋ลู่เห็นลั่วเทียนเจียวผู้แข็งแกร่งถูกชกสลบ สีหน้าก็ไม่สู้ดีทันที
เจียงหลีเก็บพลัง ภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อข้างหลังนางจางหายไป แต่ว่าคนที่นอนกองอยู่กับพื้นมองเห็นสายตาที่ยังเต็มไปด้วยความน่ากลัว
แม้แต่ผู้ตรวจตราที่ซ่อนตัวอยู่ก็คิดในใจว่าต้องระวังตัว กลัวเจียงหลีผู้อายุน้อยและอารมณ์รุนแรง ทำอะไรเกินเรื่อง
ใครจะรู้ เจียงหลีเพียงแค่เดินมาอย่างช้าๆ โค้งตัวลงคลำหากระสุนที่เหลือของพวกเขา หลังจากรอนางเก็บเสร็จ นางก็ดีดกระสุนใส่คนที่นอนกองอยู่บนพื้น
ปิ้วๆๆ
กระสุนหล่นลงบนตัวพวกเขา กลายเป็นรอยเปื้อนสีเหลือง
“กลับกันดีๆ ล่ะ” เจียงหลีเก็บกระสุนที่เหลือไว้ โบกมือให้พวกเขาด้วยความเป็นมิตรอย่างมาก
ผู้ตรวจตรายิ้มมุมปาก มองเด็กผู้หญิงชุดดำที่อยู่บนพื้นอย่างพูดไม่ออก
เหล่าผู้เข้าร่วมการประลองเมืองไป๋ลู่ตกรอบ ถูกนางกำจัดไปเช่นนี้หรือ
เห็นใบหน้าที่โกรธแค้นของเหล่าผู้เข้าร่วมการประลองเมืองไป๋ลู่ ผู้ตรวจตราก็หัวเราะแบบไม่มีเสียงขึ้นมา เขาคิดว่าคอยตรวจตราเด็กผู้หญิงคนนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
อยู่ตรงนั้น เจียงหลีก็หยุดลง มือไขว้หลัง เอียงหัว พินิจพิเคราะห์ชายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตนด้วยความสงสัย
ไป๋หลี่เฟิ่ง!
สวมเสื้อคลุมยาวสีกรมท่า ร่างกายซูบผอม ใบหน้าราวกับสลัก ทำให้คนรับรู้ถึงความสามารถ สิ่งที่ทำให้คนยากที่จะไม่สนใจมากที่สุดก็คือดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยความเดียวดายและความเหินห่าง
เจียงหลีรู้สึกว่าสายตาของไป๋หลี่เฟิ่งไม่ได้มองนางอยู่ แต่มองที่เหล่าผู้เข้าร่วมการประลองเมืองไป๋ลู่ที่อยู่ด้านหลังนาง
นี่…
เอ่อ!
เจียงหลีหมดคำจะพูด มองไปที่ไป๋หลี่เฟิ่งที่เดินจากไป พูดในใจ ทำเป็นเล่นตัวกับข้า นางรู้สึกงง ไม่รู้ว่าการปรากฎตัวและการจากไปในทันทีของไป๋หลี่เฟิ่งมีความหมายว่าอย่างไร
“ดู ไป๋หลี่เฟิ่งจริงๆ ด้วย!”
“มีเพียงแค่ไป๋หลี่เฟิ่งถึงจะเอาชนะพวกคนเมืองไป๋ลู่ได้ง่ายดายเช่นนี้”
“…”
คนที่ถูกความเคลื่อนไหวของพลังดึงดูดให้มา เห็นแค่ไป๋หลี่เฟิ่งที่เดินจากไป เจียงหลีที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ถูกเมินเฉย
และพวกที่นอนกองอยู่กับพื้น เหล่าผู้ประลองเมืองไป๋ลู่ที่รอทหารของจวนท่านเจ้าเมืองหามออกไปก็หลับตาแกล้งตาย อ้อ ข่าวออกไปว่าแพ้ไป๋หลี่เฟิ่ง อย่างไรก็ดีกว่าแพ้เด็กผู้หญิงอายุสิบสองปี
ได้ยินคนเหล่านี้คุยกัน เจียงหลียิ้มด้วยความเข้าใจ ขี้เกียจจะอธิบายแล้วเข้าร่วมการประลองต่ออย่างทะนงองอาจ ในเมื่อมีคนเป็นแพะรับบาปให้นาง แล้วทำไมนางจะไม่เห็นดีด้วยเล่า
…
การต่อสู้ครั้งนี้ เรื่องรู้ไปถึงข้างนอก
เฮ่อเหลียนเฟิงและคนอื่นๆ ดูรายงานที่ผู้ตรวจตราส่งมา เกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ก็แค่ลงมือก่อน ถึงได้โชคดีชนะ ถ้าหากผู้ประลองเมืองไป๋ลู่เหล่านั้นไม่ประเมินศัตรูต่ำเกินไป ก็ไม่มีทางแพ้” อู๋เชียนดูเสร็จแล้วพูด
หนานอู๋เฮิ่นกลับยิ้มแล้วพูดด้วยความมั่นใจว่า “เด็กคนนี้ ต้องเข้ารอบสิบคนสุดท้ายเป็นแน่”
—–