“เหอะๆ น่าสนใจ บุตรสาวของเจียงหลินเฟิงคนนี้ช่างเป็นคนยอดเยี่ยมน่าสนใจเยี่ยงนี้จริงๆ”
นอกจากฝูงชนจะตกตะลึงแล้วร่างหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวไม่ฉูดฉาดทว่าโดดเด่นท่ามกลางหมู่คนราวกับดาวล้อมเดือน นัยน์ตาของเขาเป็นประกายวาววับสะท้อนให้เห็นสาวน้อยชุดดำคนนั้นที่กำลังแกล้งข่มใส่ฝูงชนอยู่
“คุณชายจิ่ง นางเป็นบุตรสาวของเจียงหลินเฟิงหรือ” คนข้างกายเขาถามด้วยความประหลาดใจ
น้ำเสียงนั้นแสดงความเคารพอย่างยิ่ง แม้กระทั่งดวงตายังแสดงออกถึงความเทิดทูนบูชาบุคคลตรงหน้า
หรงจิ่งผงกศีรษะเส้นผมสีหมึกพลิ้วไหวเองแม้ไร้คลื่นลม
“เคยแต่ได้ยินว่าบุตรชายของเจียงหลินเฟิงเป็นอัจฉริยะ กลับไม่รู้เลยว่าบุตรสาวของเขาก็เก่งกาจเช่นนี้ หลิงเจี้ยงที่อายุสิบสาม ดูแล้วทั้งโฮ่วจิ้น ไม่สิ ดูแล้วทั่วทั้งแดนใต้มิมีผู้ใดเหมือนแน่นอน”
คนอื่นต่างพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
ต่อหน้าหรงจิ่งพวกเขาไม่กล้าเอ่ยเสียงดังเกรงว่าจะรบกวนความสงบของเขา
หรงจิ่งกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ “บางทีแม้เจียงหลินเฟิงเองอาจจะไม่รู้ก็ได้”
…
ตู้มมม!
พวกอันธพาลถูกเจียงหลีใช้พลังข่มจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างเข่าอ่อนคุกเข่าต่อหน้านางทีละสองคนสามคน ขณะเดียวกัน มิต้องให้รอผู้อื่นบอกพวกเขาก็รู้ว่าตัวเองเตะโดนตอเหล็กเข้าให้แล้ว
หลิงเจี้ยงอายุสิบสาม อ้ากก!
แม้แต่เชื้อพระวงศ์ต่างก็เป็นบุคคลที่ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง พวกเขาจะไปหาเรื่องได้อย่างไร
“แม่นางน้อย พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรามีตาหามีแววไม่ ท่านผู้ยิ่งใหญ่มีพลังกล้าแกร่ง ปล่อยพวกเราไปเถอะ” หัวโจกอันธพาลตบหน้าตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายร้องขอชีวิตไม่หยุดหย่อน
ผู้คนโห่ร้องทั่วสารทิศอย่างหยามเหยียดพฤติกรรมเยี่ยงนี้ของพวกเขา
แต่ทว่าพวกเขาไม่กล้าพูดสิ่งใดออกไปและไม่อยากผูกความแค้นกับหลิงเจี้ยงอายุสิบสามเช่นเดียวกัน
มุมปากของเจียงหลีเจือรอยยิ้ม หรี่ตาจึงทำให้มองไม่ออกว่านางกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
ขณะเดียวกันคนที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้กลับรู้สึกประหลาดใจ สาวน้อยในอาภรณ์สีดำผู้นี้ไฉนถึงมีพรสวรรค์เก่งกาจเยี่ยงนี้ การฝึกตนก็ดูไม่อ่อนแอกลับไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์หลงทะนงตนเลยสักนิด
พรสวรรค์น่าอัศจรรย์ การฝึกฝนไม่อ่อนแอแต่กลับยังสามารถรักษาพื้นฐานจิตใจ ไม่หยิ่งผยองหรือหุนหันพลันแล่น
เมื่อนึกถึงข้อนี้ สายตาของฝูงชนที่มองเจียงหลีก็เปลี่ยนไป
“รู้สำนึกแล้วหรือ” เจียงหลีเก็บพลัง ยิ้มอ่อนเอ่ยถาม
เสียงร้องขอชีวิตพลันหยุดชะงัก
พวกอันธพาลพยักหน้าอย่างรู้ความราวกับไก่ที่กำลังจิกกินข้าว
“ไสหัวไป” เจียงหลีตะคอกใส่หนึ่งคำ
ฝูงชนหน้าถอดสี คำนี้คำเดียวราวกับหิมะถล่มผืนปฐพี ทรงพลังเคร่งขรึมที่ใครก็มิอาจต่อต้านหรือมิอาจลบหลู่ได้
คนที่คุกเข่าพากันตะเกียกตะกายหายไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี
เจียงหลียังคงยืนเอามือไพล่หลังตรงอยู่อย่างเดิม
ตัวเล็กบอบบางแต่กลับทำให้ผู้คนมองข้ามไม่ได้ง่ายๆ ขณะนั้นเองนางกลายเป็นแสงเปล่งประกายที่สุดดำรงไว้ซึ่งงานฤดูล่าสัตว์
“พรสวรรค์น่าตื่นตะลึง พื้นฐานการฝึกฝนรวดเร็ว บุคลิกกล้าหาญสุขุม อารมณ์ใจเย็นและรอยยิ้มแฝงไปด้วยพลัง แม่นางผู้นี้สามารถทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้าฟ้าได้แน่นอน” หรงจิ่งเอ่ยเบาๆ
เขาปกปิดความชื่นชมในใจเอาไว้ไม่มิดและไม่มีผู้ใดกล้าท้วงติงในคำพูดของเขา เพราะคุณชายท่านนี้ได้รับความเคารพเชื่อถือจากผู้คน ไม่เพียงเพราะพรสวรรค์การฝึกตนของเขาเท่านั้นแต่ด้วยเพราะสายตาคู่นั้นของเขาแหลมคมมองทะลุปรุโปร่งทุกสิ่งอย่างอีกด้วย
…
“นางไปถึงขั้นหลิงเจี้ยงแล้วจริงๆ ด้วย” มู่หว่านโหรวพึมพำออกมา
ความตกตะลึงในใจมีเพียงนางคนเดียวที่รู้ ตอนที่เจอเจียงหลีครั้งแรกการฝึกของนางพึ่งจะขั้นที่เท่าไหร่เอง ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนนางกลับทะลุถึงขั้นหลิงเจี้ยงได้
มู่หว่านโหรวหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อก่อนนางอาจจะไม่เห็นเจียงหลีอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้นางกลับพบว่า นางทาสตระกูลลู่คนนี้ดึงดูดความสนใจของนางสำเร็จแล้ว
“นางเก่งกาจขนาดนี้ข้าสู้นางไม่ไหวหรอก” ต่อหน้าพวกพี่สาวโจวยวนไม่มีอะไรต้องปิดบัง นางจึงเอ่ยขอร้อง “พี่ชิงเหยียน ท่านพี่ช่วยข้าสั่งสอนนางหน่อยสิเจ้าคะ”
ในที่สุดสายตาของมู่ชิงเหยียนก็ละออกจากการจ้องมองจิ่งเยี่ย
นางมองไปยังเจียงหลีที่หัวร่อต่อกระซิกกับลู่เสวียนด้วยอารมณ์ซับซ้อนอยู่บ้าง
“พี่ชิงเหยียน ท่านช่วยข้าเถิดนะ” โจวยวนแกว่งแขนของมู่ชิงเหยียนอย่างออดอ้อน
“ได้” ในที่สุดมู่ชิงเหยียนก็พยักหน้าให้กับเสียงร้องอ้อนวอนของโจวยวน
คำตอบของนางกลับทำให้โจวยวนอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากได้สติแล้วก็เผยสีหน้าดีใจออกมา
มู่หว่านโหรวมองมู่ชิงเหยียนด้วยความตกใจราวกับเป็นมีความแปลกประหลาด นี่ไม่เหมือนสิ่งที่มู่ชิง
เหยียนจะกระทำได้ แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแค่ตอนมองไปยังไป๋หลี่เฟิ่งที่ยืนในมุมเงียบๆ ดวงตาของนางก็ประกายวูบไหวราวกับกำลังชั่งน้ำหนักอะไรบางอย่าง
มู่ชิงเหยียนเดินไปยังทิศทางที่เจียงหลีอยู่ ส่วนโจวยวนก็รีบเดินตามหลังไปเช่นกัน
มู่หว่านโหรวไร้การเคลื่อนไหวแต่กลับยืนอีกด้านส่งสายตามองตามไป
แม้งานฤดูล่าสัตว์จะไม่แบ่งชนชั้น ไม่จำกัดสถานะ แต่ถึงอย่างไรมู่ชิงเหยียนก็มีสถานะเป็นองค์หญิงแล้วยิ่งโจวยวนมีสถานะเป็นจวิ้นจู่ หากพวกนางกระทำการบุ่มบ่ามจะทำให้เป็นจุดสนใจแก่สายตาผู้คนไม่น้อยทันที
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชนจึงทำให้เจียงหลีหยุดสนทนากับลู่เสวียน
งานฤดูล่าสัตว์สำหรับนางถือเป็นโอกาสดีที่จำทำความเข้าใจถึงมาตรฐานศักยภาพของยุวชนในยุค
โฮ่วจิ้น ฉะนั้นนางถึงได้มา
สำหรับการแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์ท่ามกลางสาธารณะเช่นนี้นางเองก็ไม่เคยพิจารณามาก่อน
ถ้าพวกอันธพาลไม่มาหาเรื่องนาง นางก็จะไม่เปิดเผยอาณาเขตฝึกฝนของตนให้แก้ปัญหาที่ตามาภายหลัง
มู่ชิงเหยียนและโจวยวนเดินมาข้างหน้าเจียงหลีทั้งสองคน
“โจวยวน เจ้าอีกแล้วหรือ” หลังจากที่ลู่เสวียนเห็นโจวยวนจึงเผยความเหลืออดในน้ำเสียงเล็กน้อย
น้ำคำของเขาทำให้โจวยวนได้รับความสะเทือนใจแต่กลับไม่ตอบโต้ เพียงแต่อธิบายไปหนึ่งประโยค “ข้ามากับพี่ชิงเหยียน”
ลู่เสวียนมองไปยังมู่ชิงเหยียน แต่มู่ชิงเหยียนกลับจ้องไปที่เจียงหลีแทน
เจียงหลีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย โจวยวนตั้งตนเป็นศัตรูของนางอันนี้นางเข้าใจซึ่งเจ้าตัวซวยอย่างลู่เสวียนเป็นคนสร้างปัญหาเดือดร้อนให้ในคราวก่อน แต่เหตุไฉนองค์หญิงพระองค์นี้ถึงได้แสดงท่าทีเยี่ยงนี้กับนาง
ณ ที่ห่างไกล จิ่งเยี่ยเห็นมู่ชิงเหยียนยืนประจันหน้ากับเจียงหลีจึงขมวดคิ้วมุ่นแววตาพลันเย็นเยียบ
เขาเดินจ้ำอ้าวไปยังทิศทางนั้นอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ยอมสู้กับข้าสักตั้งหรือไม่” มู่ชิงเหยียนรุกถาม
เจียงหลีกระตุกคิ้ว “เพราะอะไร”
“เพราะเขาเขาปฏิบัติต่อเจ้าไม่เหมือนกัน” มู่ชิงเหยียนเอ่ยตอบ
ห้ะ?
เจียงหลีกะพริบตาปริบๆ สีหน้างุนงง เขา? เขาคนไหน ผู้ชายหรือผู้หญิง สูงหรือเตี้ย อ้วนหรือผอม สวยหรือขี้เหร่
“เริ่มกันเถอะ” ชิงเหยียนพูดง่ายเกินไปแล้ว
แต่เจียงหลีกลับยกมือห้ามไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อน ท่านพูดให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหม เขาคนนั้นหมายถึงใคร ข้ารู้จักหรือไม่ ข้าไม่สามารถต่อสู้กับท่านเพื่อใครที่ไหนก็ไม่รู้หรอกนะ” ยุติธรรมซะที่ไหน!
“มู่ชิงเหยียน!” ขณะนั้นเองน้ำเสียงกล่าวเตือนแสนเย็นชาก็แทรกกลางขึ้นมา
การปรากฏตัวของเขาทำให้เจียงหลีและมู่ชิงเหยียนหันไปมองพร้อมกัน คนอื่นก็มองตามมาที่เขาด้วย
เมื่อเห็นพี่ชายแววตาของเจียงหลีก็เป็นประกายและเข้าใจขึ้นมาทันที เชี่ยย! องค์หญิงซีสยาคงไม่ได้ชอบเจียงเฮ่าหรอกมั้ง จึ๊ๆๆ ช่างเป็นเวรเป็นกรรมจริงๆ
นัยน์ตาประกายสุกใสของมู่ชิงเหยียนมองไปยังจิ่งเยี่ยไม่สนใจเสียงเตือนของเขา “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับนาง”
แววตาของจิ่งเยี่ยเฉียบคม ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดแต่กลับถูกเจียงหลีขัดขึ้นเสียก่อน “จึ๊ๆๆจิ่งเยี่ยกลายเป็นไอ้ขี้แพ้ภายใต้เงื้อมมือข้า ไม่พอแถมยังไม่ยอมรับว่าแพ้หาผู้หญิงมาแก้แค้นข้าแทนอีกเช่นนั้นหรือ”