ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 239 การสังหารอันน่าทึ่ง

ตอนที่ 239 การสังหารอันน่าทึ่ง

เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบก็หายไปไม่ปล่อยโอกาสให้ผู้คนในจัตุรัสได้ตั้งคำถาม

และบรรดาผู้ตกรอบไปก่อนหน้านี้ในจัตุรัสต่างพากันจ้องถมึงทึงไปยังคนที่ทำให้พวกเขาตกรอบ

ก่อนการทดสอบจะเริ่มขึ้นกระบี่ได้ถูกชักออกมาและกลิ่นของดินปืนก็อบอวลไปทั่ว

 การสังหารที่มาพร้อมกับความแค้นสามารถระเบิดศักยภาพออกมามากขึ้น  มู่ชิงเกอเอ่ยเสียงเรียบราวกับกำลังอธิบายจุดประสงค์ของการทดสอบขั้นสุดท้ายนี้

ภายใต้กฎเกณฑ์ดังกล่าว ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมาถึงจะสามารถคัดกรองเมล็ดพันธุ์ชั้นเลิศ

 เจียงหลี พลังที่อยู่เบื้องหลังสถาบันไป๋หยวนไม่ใช่เรื่องง่าย  นางหันไปมองเจียงหลีแล้วเอ่ยขึ้น

เจียงหลีพยักหน้าเห็นด้วย  เพราะมันไม่ง่ายข้าถึงอยากพุ่งชน 

คำตอบของนางทำให้มู่ชิงเกอกกระหยิ่มยิ้มในใจ

 ฆ่า! ฆ่าพวกเขาได้คะแนนก็จะเป็นของเรา! 

 ฆ่าซะ! เมื่อก่อนพวกเขาฆ่าเรา ตอนนี้ถึงคราวเราฆ่าเขาบ้าง พี่น้องทั้งหลายโอกาสแก้แค้นมาถึงแล้ว! 

 ฮ่าๆๆ! ใช่ สถานที่ทดสอบให้โอกาสครั้งนี้กับเรา นั่นหมายความว่าเราแข็งแกร่งกว่าพวกเขา คะแนนของพวกเขาเป็นของเรา! 

 ฆ่ามันน! 

คนนับพันเปิดฉากต่อสู้กลางจัตุรัส

ตายในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตายจริง จึงทำให้คนไม่น้อยปล่อยสิ่งที่คิดในใจออกมาแล้วเข่นฆ่าคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด

แต่ทันใดนั้นพวกเจียงหลีสี่คนก็ติดอยู่ในห้วงเสียงของการห้ำหั่นกัน

พวกเจียงหลีทั้งสี่คนไม่ขยับเขยื้อน พวกเฉียนจวิ้นทั้งสี่คนก็ไม่ขยับด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนคนอื่นต่างรู้ว่าคนทั้งสองฝ่ายรับมือไม่ได้ง่ายๆ เมื่อเห็นการเผชิญหน้าระหว่างสองฝ่ายจึงตั้งใจหลีกเลี่ยงไม่ไปกวนน้ำให้ขุ่นเสียก่อน

 เจียงหลี เจ้าอาศัยความช่วยเหลือจากเบื้องสูงแล้วยังอยากชนะอีกหรือ เจ้าละอายบ้างไหม  เฉียนจวิ้นมองมู่ชิงเกออย่างหวาดกลัว

ที่เขายังไม่ขยับก็เพราะมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยิ้มอ่อนไม่เอ่ยสิ่งใด

เจียงหลียิ้มเยาะ  แม้รู้แก่ใจว่าเจ้ากำลังยั่วโมโห แต่ข้ายังคงสนองความปรารถนาของเจ้า  กล่าวจบนางก็หันไปพูดกับมู่ชิงเกอ  เจ้าไม่ต้องลงมือ เดี๋ยวข้ารับมือเอง 

 ระดับฝึกบำเพ็ญของคนรอบตัวเขาสูงกว่าเจ้า  มู่ชิงเกอพูดยิ้มๆ

เจียงหลีเบะปากแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดจะใส่ใจ  ข้าแค่บอกให้เจ้าไม่ต้องลงมือ ไม่ได้บอกให้เจ้าไม่ต้องมาช่วย 

มู่ชิงเกอยิ้มแล้วพยักหน้า  ได้ เจ้าโจมตี ข้าคุ้มกัน เจ้ากับข้าร่วมมือกันฆ่าเขาให้กระจุยไปเลย 

 นานแล้วที่ไม่ได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้า  ไฟสงครามลุกโชนในแววตาของเจียงหลี

มู่ชิงเกอหัวเราะร่า  วันนี้พวกเราร่วมรบสนามใหญ่อีกครั้ง 

เจียงหลียิ้มสดใสเจิดจ้า แสงสีทองเปล่งประกายจากร่างปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ ทันใดนั้นพลังในร่างกายของนางเกิดแปรผันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เฉียนจวิ้นยังไม่ทันได้หุบยิ้มก็มองนางหน้าถอดสีแล้วเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง  หลิงเจี้ยงขั้นแปด! 

ขั้นแปด! ขั้นแปด!

ผ่านไปไม่นานแค่ปีเดียว การบำเพ็ญเพียรของเจียงหลีก็ไปถึงหลิงเจี้ยงขั้นแปดเสียแล้ว

ตู้มม!

การบีบอัดกดดันของหลิงเจี้ยงขั้นแปดสั่นสะเทือนไปทั่วจัตุรัสขัดจังหวะการต่อสู้ของทุกคน

พวกเขาหยุดมองไปที่หญิงสาวที่ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีทองกลางอากาศ

ร่างของเจียงหลีหมุนกลางอากาศ ชุดเกราะงามสง่าปรากฏขึ้นบนร่างของนาง

 เสวียนกังกุย! นางก็คือสาวน้อยคนนั้นที่ได้รับเสวียนกังกุยในอาณาเขตหลิงอู่เมื่อปีนั้น  มีคนอุทานขึ้นมาอย่างประหลาดใจท่ามกลางฝูงชน

เห็นได้ชัดว่าบางคนในสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนประสบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเริ่มต้น

ถึงแม้พวกเขาจะรู้แล้ว แต่ในเมื่อแรงกดดันของหลิงเจี้ยงขั้นแปดของเจียงหลีปรากฏออกมา พวกเขายังคงกริ่งเกรงอยู่จึงเงียบปากเอาไว้

อัจฉริยะเยี่ยงนี้ เขามิอาจล่วงเกิน

ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายนางมีพละกำลังมหาศาล อีกทั้งยังมียอดฝีมือที่แม้แต่ผู้อำนวยการสอบวัดระดับยังเกรงกลัว

 เฉียนจวิ้น ข้าฆ่าเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่งก็สามารถฆ่าเจ้าได้อีกครั้ง เจ้าแส่หาเรื่องเองอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ  ร่างที่คลุมด้วยชุดเกราะของเจียงหลีมาพร้อมกับพลังของเลี่ยเทียนซื่อ ดำดิ่งจากอากาศไปยังเฉียนจวิ้นที่กำลังตื่นตะลึง

 องค์ชาย ระวัง!  ดวงตาของหู่อี้เบิกค้าง ฝ่ามือใหญ่ผลักเฉียนจวิ้นไปอีกด้าน เสียงคำรามเกรี้ยวกราด เขาปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์ทมิฬออกมาจากด้านหลัง

ตู้ม!

หลิงไซว่และหลิงเจี้ยงปะทะกันซึ่งหน้า

เมื่อพลังวิญญาณชนกันจึงทำให้ทั้งสองกระเด็นถอยกลับไป

ร่างของเจียงหลีหมุนเคว้าถอยหลังกลางอากาศเรื่อยๆ ไปยังฝูงชน

แววตามู่ชิงเกอวูบไหว อาภรณ์สีแดงดุจเปลวเพลิงพลันหายไปจากที่เดิมและปรากฏตัวอีกครั้งตรงข้างล่างเจียงหลี นางยกขาขึ้นเหนือศีรษะ เท้าของเจียงหลีเหยียบพื้นรองเท้านางเอาไว้ด้วยท่วงท่ามั่นคง

สาวน้อยในชุดเกราะสีดำโดยมีเท้าของ ‘คุณชาย’ ชุดแดงเป็นฐานยืน ร่างของทั้งสองสัมผัสกันผสมผสานอย่างลงตัว เป็นที่น่าทึ่งแก่ผู้คนนับพันในที่นี้

 หึ  มู่ชิงเกอแสยะยิ้มมุมปาก ยกแรงที่ปลายเท้าส่งตัวอันบางเบาของเจียงหลีทะยานไปข้างหน้า

 ฉีกเวหาาาาา! 

ทันใดนั้นก็ปล่อยทักษะพรสวรรค์ออกมา คู่ต่อสู้ที่โจมตีคือเฉียนจวิ้นมิใช่หู่อี้

คราวนี้หู่อี้เข้ามาช่วยไว้ไม่ทัน

ได้ยินแค่เสียงดังตู้มเพราะเลี่ยเทียนซื่อพุ่งชนหน้าอกของเฉียนจวิ้นอย่างรุนแรงจึงทำให้เขาลอยกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดเส้นลมปราณแตกสลาย

 องค์ชาย!  หู่อี้ตะลึงงัน โจมตีไปที่เจียงหลี

 กลับมา!  มู่ชิงเกอยกมือขึ้นดึงดูดร่างเจียงหลีที่ลอยกลางอากาศให้กลับมาอย่างรวดเร็วจึงรอดพ้นจากระยะโจมตีของหู่อี้ทันที

เมื่อโจมตีกับความว่างเปล่า แต่เพราะหู่อี้เป็นห่วงสถานการณ์ของเฉียนจวิ้นเลยไม่ได้ตามไป

และเมื่อเจียงหลีถอยกลับมา มู่ชิงเกอจึงคว้าแผ่นเกล็ดบริเวณเอวของนางเอาไว้พร้อมกับหมุนไปรอบๆ แล้วทิ้งตัวลงพื้นอย่างปลอดภัย

การร่วมมือที่เข้าจังหวะกันได้ดี เพราะความเลือดร้อนที่ห่างหายไปนานทำให้ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน

 องค์ชาย เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ  หู่อี้พุ่งไปข้างหน้าเฉียนจวิ้นแล้วประคองเขาขึ้นจากพื้น

โจวยวนขยับดวงตาแล้ววิ่งไปหาเฉียนจวิ้น

ยังคงมีเลือดไหลออกจากปากเฉียนจวิ้น สายตาของเขาจ้องมองเจียงหลีอย่างอำมหิตแล้วยกนิ้วชี้หน้า  ฆ่าพวกมัน! ฆ่าพวกมันให้ข้า! ทุกคนฆ่าพวกมันให้ข้า! ข้าเป็นถึงองค์ชายรองแห่งซีเฉียน ใครฆ่าพวกมันได้ ข้าจะตอบแทนเขาด้วยหินวิญญาณหมื่นก้อน! 

หินวิญญาณหมื่นก้อน!

นี่อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรกับขุนนาง แต่สำหรับชาวบ้านธรรมดากลับถือเป็นแหล่งทรัพยากรฝึกบำเพ็ญขนาดใหญ่

จะว่าไป ณ ที่แห่งนี้พวกเขาต่างเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว

และบรรดาลูกขุนนางเหล่านั้นจำเป็นต้องทำตามคำบัญชาเพราะด้วยสถานะของเฉียนจวิ้น

 อาหลี!  เจียงเฮ่าเรียกอย่างร้อนรน

เจียงหลีหันสายตามองสองคนนั้นแล้วเผยรอยยิ้ม  พวกเจ้าดูแลตัวเองดีๆ 

นางหันสายตากลับมามองมู่ชิงเกอ ทั้งสองไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดจากการถูกปิดล้อม

เจียงหลียิ่งแสดงท่าทางเยี่ยงนี้ เฉียนจวิ้นจึงยิ่งเกลียดชัง  ฆ่ามันนน! 

ตู้ม!

แสงสีทองระเบิดบนจัตุรัส วิญญาณยุทธ์รูปแบบต่างๆ ปรากฏออกมาไม่มีหยุดแล้วพุ่งเข้าสังหารพวกเจียงหลีทั้งสี่

มู่ชิงเกอดึงมือเจียงหลีขึ้นโยนขึ้นไปข้างบนโดยใช้ตัวเองเป็นฐานวางเจียงหลีไว้บนที่สูงเพื่อสามารถมองเห็นผู้คนข้างล่างและเปิดฉากสังหาร

 ฆ่ามันนน! 

คนนับพันแบ่งสายโจมตี คนจำนวนไม่น้อยไล่ขยี้มู่ชิงเกอ ใครใช้ให้เจียงหลีบอกให้นางไม่ต้องลงมือกันล่ะ

พวกเขานึกว่าในขณะที่มู่ชิงเกอยังไม่เอาคืนจะสามารถรับมือกับนางได้โดยง่าย แต่กลับคาดไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอจะทะยานสู่อากาศเปลี่ยนท่าร่างให้นางลงมาอยู่ด้านล่างแทนที่พร้อมสังหารฝูงชน

ทักษะการต่อสู่เฉกเช่นนี้ทำเอาฝูงชนต่างตกตะลึง

ทั้งสองรวมร่างเป็นหนึ่งให้ความร่วมมืออย่างสนิทแนบชิด

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอคว้าข้อมือของเจียงหลีแล้วตะโกนเสียงก้องว่า  จูเสียยยย! 

…………………….

 

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท