ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 241 พลังแห่งอวี้ซาน

ตอนที่ 241 พลังแห่งอวี้ซาน

ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ

น้ำเสียงราวกับสร้างบุญสร้างคุณเยี่ยงนี้ เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ พวกขายังมีศักดิ์ศรีอยู่ได้อย่างไร

เจียงหลียิ้มและรอยยิ้มของนางช่างดูเย้ยหยันแต่กลับดูบาดตาเป็นพิเศษ

 ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าที่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ทำได้พียง  เจียงหลีหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น  ฆ่าพวกเจ้าซะ! 

การทดสอบคราวนี้มีรายนามแค่สามคนที่ผ่านก็พอแล้ว

ตราบใดที่นางสามารถฆ่าทุกคนก่อนกฎการทดสอบจะสะท้อนออกมา นางก็จะสามารถทำให้ทุกคนตกรอบไปได้ทั้งหมด

ฆ่าพวกเจ้าซะ!

เมื่อสี่คำนี้หลุดออกจากปากนาง ท่าทางของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปทันที

บัดนี้นางไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์อีกต่อไป แต่นางคือราชินีที่ใต้หล้าต้องศิโรราบ

ผู้คนที่เหลือรวมถึงเฉียนจวิ้นมองไปที่นางอย่างสั่นผวา

คนบ้า!

นี่มันคนบ้าชัดๆ!

 พวกเจ้าตายๆ ไปพร้อมกันซะ!  เจียงหลีก้าวออกมาอย่างดุดัน เรือนผมสีหมึกปลิวทะยานสู่ห้วงอากาศ

อาภรณ์บิดพลิ้วส่งเสียงสะบัด

ทันทีที่ความโกรธของจักรพรรดิปรากฏ ทุกคนรู้สึกว่าถูกกักขังเคลื่อนไหวไม่ได้และทำได้เพียงยอมถูกเชือด

 ฆ่า! 

ฆ่า!

ฆ่า!

คำว่าฆ่าที่พ่นออกมาจากปากของเจียงหลีกลายเป็นเจตนาฆ่าพุ่งไปยังฝูงชนไม่มีที่สิ้นสุด

อ้ากกก!

เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด แต่หลายคนยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ตกรอบไปเสียแล้ว

เงาร่างของเจียงหลีวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าเฉียนจวิ้นกับหู่อี้ สายตาเย็นชามองไปยังสองคนนั้นด้วยความอำมหิตอย่างปิดไม่มิดจึงทำให้เฉียนจวิ้นใจสั่นผวาและพิโรธยิ่งกว่าเดิม

 องค์ชายรอง รีบถอยออกมา  หู่อี้ผลักเฉียนจวิ้นออกอย่างแรงแล้วเอาตัวเองมาบังข้างหน้าเจียงหลีเอาไว้

เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปากและรอยยิ้มนั้นช่างดูประหลาดเหลือเกิน

หู่อี้นึกหวาดหวั่นโดยไม่มีเหตุผล  เจ้ายิ้มอะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่หลิงเจี้ยงคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะหลิงไซว่ได้อย่างนั้นหรือ 

 หากอยากเอาชนะเจ้า ไม่จำเป็นต้องสู้กับเจ้า  จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น

ในขณะที่หู่อี้กำลังสงสัยว่าคำพูดของเจียงหลีหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเฉียนจวิ้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ

 อ้าก! หู่อี้ช่วยข้าด้วย 

แย่แล้ว!

หู่อี้หันกลับไปทันควัน ดันไปเห็นเฉียนจวิ้นที่เขาผลักไปข้างหลังอย่างปลอดภัยแต่แล้วกลับล้มตัวอยู่บนพื้น ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้บนร่างของเขา

เฉียนจวิ้นพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับมิสามารถหลุดพ้น ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับร่างเขาดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ กดทับเสียจนอวัยวะภายในแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังทรมานเขา จะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้

อัปยศ! อดสู!

บททดสอบครั้งหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายผู้สง่างาม แต่เขากลับถูกเจียงหลีหยามเกียรติด้วยกลอุบายแบบเดียวกัน

ยามนี้ เฉียนจวิ้นมิเพียงแต่เจ็บปวดร่างกายเท่านั้น แต่ในใจเขาเกลียดแค้นยิ่งกว่า

 องค์ชาย!  หู่อี้ตื่นตะลึง

เขามิสามารถทำให้เฉียนจวิ้นต้องมาตายภายใต้ความคุ้มครองของเขาอีกครั้งเป็นอันขาด

เขาต้องเข้าไปช่วยแต่พบว่าตัวเองกลับขยับไม่ได้

ตู้ม!

ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้น เขาหันศีรษะไปมองเจียงหลีด้วยความตกใจ

รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าหญิงสาวสะท้อนในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง

 กด!  เจียงหลีจิกมือแน่น เทือกเขาไร้รูปธรรมรวมตัวออกมาจากด้านหลังของนางอีกครั้งแล้วกดทับร่างของหู่อี้อย่างแรง

อวี้ซาน อวี้ซาน!

ดูดซับวิญญาณแห่งขุนเขา ปราบปรามทุกสรรพสิ่งบนโลก

 กด! 

 กด! 

 กด! 

เจียงหลพูดติดกันสามครั้ง ทุกครั้งทำให้หู่อี้รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เพิ่มขึ้นและความหวาดผวาในดวงตาของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น

 คาถา!  ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ

อ้ากกก!

และเมื่อเขากำลังตอบสนอง ขณะเดียวกันเฉียนจวิ้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาถูกกดทับอีกครั้งจนกระทั่งตาย เมื่อถูกทับจนตายเขาจึงตกรอบอย่างแท้จริง

นัยน์ตาหู่อี้สั่นไหวหันมามองเจียงหลีที่มีสีหน้าเย็นชา  เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าชนะบททดสอบแล้วแต่กลับลบหลู่ราชวงศ์! 

นางเพียงแค่ยิ้มเย้ยหยันกลับไปให้เขา

ภายใต้กฎเกณฑ์เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบผู้ช่วยก็ต้องตกรอบไปด้วย ฉะนั้นเงาร่างของหู่อี้จึงหายไปด้วย

เวลานี้สีหน้าของเจียงหลีซีดเซียวพลันตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่นางกำลังจะตกสู่พื้นเงาร่างอาภรณ์สีแดงอันคุ้นเคยก็โฉบตวัดเขารับร่างนางพร้อมทั้งเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกรอกปากนางทันที

 เป็นอย่างไรบ้าง  มู่ชิงเกอถามด้วยความเป็นห่วง

เจียงหลียิ้มให้  มียาวิเศษของเจ้า ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว 

 ปากคอเราะร้ายให้น้อยหน่อย  มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เจียงหลีหัวเราะลั่น  ความพิโรธของจักรพรรดิและคาถาจากทักษะการต่อสู้ระดับหายากถูกใช้ในเวลาเดียวกัน นี่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายพิเศษของนาง เกรงว่าป่านนี้นางคงถูกเผาผลาญตายไปแล้ว

ตู้มๆ!

ทันใดนั้นจัตุรัสเกิดการสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะถล่มลงมา

เจียงหลีหันสายตาและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่ามีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่บนจัตุรัส จูเสียก็กลายเป็นลำแสงและกลับไปที่ข้อมือของเจียงหลี

 เจ้ากล้าแหกกฎ!  น้ำเสียงแก่และดุดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จัตุรัสเริ่มพังทลายและเศษชิ้นส่วนยังคงตกลงมา

พวกของเจียงหลีทั้งสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันมองไปยังทิศทางของเสียง เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า  ข้าฆ่าคนตามกฎ แต่ท่านไม่สามารถตอบสนองได้แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า 

 บททดสอบขั้นสุดท้าย ไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ต่อสู้กันเอง นี่ไม่ใช่กฎหรอกหรือ พวกเราทำผิดกฎอันใด  เจียงเฮ่าเองก็ยืนออกมาถามขึ้น

 ท่านแก่เอง โทษใครไม่ได้ก็เลยมาโทษพวกเราอย่างนั้นหรือ  ลู่เสวียนเอ่ยยิ้มเยาะ

 บังอาจ!  น้ำเสียงของผู้เฒ่าตอบกลับมา

ดูเหมือนความพิโรธของเขาทำให้จัตุรัสพลังทลายเร็วขึ้น

 ไอ้พวกที่ถูกคัดออกทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจมากขนาดนั้นเชียวหรือ สิบอันดับแรกเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยึดติดกับกฎเกณฑ์เช่นนี้  เจียงหลีเอ่ยถาม

เสียงของผู้เฒ่าเงียบไปนาน

จัตุรัสพังทลายเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือเพียงส่วนที่เท้าทั้งสี่คนยืนอยู่

 เจ้ามาจากไหน  ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่พุ่งเป้าไปยังมู่ชิงเกอที่เงียบอยู่ตลอดเวลา

มู่ชิงเกอยิ้ม  ท่านควรประกาศผลตัดสินได้แล้ว 

นางไม่ตอบอีกฝ่าย ด้านนั้นจึงเงียบอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดอีกครั้ง  ข้าขอประกาศว่ามีเพียงเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียนสามคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ คะแนนที่ได้รับสามารถสะสมได้ในการทดสอบครั้งต่อไป 

เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา

เพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าร่วมการทดสอบสามครั้งและสิบอันดับแรกที่สะสมคะแนนได้สามครั้งจะต้องแข่งขันอีกครั้งในตอนท้าย สุดท้ายผ่านเข้ารอบรับเลือกได้เพียงสามรายชื่อเท่านั้น

 อาหลี ดูเหมือนคะแนนสะสมของเจ้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมบททดสอบ สามารถผ่านคัดเลือกได้เลย  เจียงเฮ่ากระซิบเสียงเบาข้างหูของนาง

ก่อนหน้านี้พวกเขามีคะแนนเยอะ อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมากจนได้คะแนนมากตามไปด้วย

เกรงว่าเมื่อคะแนนของเจียงหลีถูกเผยออกมาจะทำลายสถิติของสถาบันทั้งหมด

 พวกเจ้าก็เช่นกัน  มุมปากของเจียงหลีเจือความยินดี

 ควรไปกันได้แล้ว  เสียงของผู้เฒ่าประกาศผลครั้งสุดท้าย ลำแสงตกลงมาจากอากาศครอบคลุมทั้งสี่

ท่ามกลางแสงสีทอง เจียงหลีหยอกล้อมู่ชิงเกออย่างนึกสนุก  อีกฝ่ายต้องยอมเพราะเจ้าแน่ๆ 

มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่ตอบ

จึงทำให้เจียงหลีบ่นอุบในใจ ความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ข้าสามารถกวาดทะเลดาวได้ถึงจะอยู่เหนือใต้หล้าได้อย่างแท้จริง

แสงสีทองสลายหายไป พวกเขาทั้งสี่ก็มาปรากฏตัวยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมา

เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากรอบด้าน

…………………

 

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท