ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 249 อยากยั่วก็จงยั่วอย่างใจกล้า

ตอนที่ 249 อยากยั่วก็จงยั่วอย่างใจกล้า

เจียงหลีคาดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาร้องไห้ขี้มูกโป่งในอ้อมกอดของลู่เจี้ย อีกทั้งตอนท้ายยังให้เขาประคองกอดกลับห้องอีก

เจียงหลีนั่งไขว่ห้างบนเตียงของลู่เจี้ย เหม่อมองกระถางกล้วยไม้ที่อยู่ข้างเตียงด้วยดวงตาแดงก่ำและอยู่ในห้วงอารมณ์เศร้าหมอง

อาจจะกล่าวได้ว่าหลังจากนางกลับชาติมาเกิดในโลกใบนี้ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดคือการได้กลับไปหามู่ชิงเกอ

แล้วตอนนี้ล่ะ

กลับทิ้งโอกาสของตัวเองที่จะได้กลับไปกับมู่ชิงเกอเสียแล้ว

 เสียใจหรือ  ลู่เจี้ยนั่งลงข้างนางพร้อมกับเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

เจียงหลีส่ายหน้าช้าๆ เพียงแต่ในสายตาไร้ซึ่งแสงสว่างแห่งอนาคต ท่าทางนางเช่นนี้ทำเอาลู่เจี้ยนึกสงสารแต่ลึกๆ ก็แอบดีใจที่นางไม่ได้จากเขาไปไหน

เขาหลุบสายตาต่ำปกปิดความเห็นแก่ตัวของตน

ลู่เจี้ยประชดตัวเองในใจ ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย รู้ทั้งรู้ว่าเจ้ามีชีวิตได้อีกไม่นาน ใยกลับเห็นแก่ตัวหวังให้นางเคียงข้างกายอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม ทั้งยังหวังให้นางเกี่ยวดองกับตระกูลลู่อีก

บางครั้งลู่เจี้ยมิอาจแยกแยะได้ชัดเจน เขาอุตส่าห์ทำทุกหนทางเพื่อให้เจียงหลีเข้ามาในตระกูลลู่ เพื่อให้นางคุ้มครองตระกูลลู่ในวันข้างหน้า ด้วยเหตุนี้สามารถพิสูจน์ระหว่างเขากับนางเคยมีความเกี่ยวข้องกัน

คนตายเสมือนดั่งตะเกียงที่มอดดับ เขาไม่อยากให้เจียงหลีลืมเขาอย่างรวดเร็วในยามที่เขาจากไปแล้ว

เช่นนั้นเขาจึงเห็นแก่ตัวทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เจียงหลีลืมเขาลง!

 ลู่เจี้ย  จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยเรียกชื่อเขา

ลู่เจี้ยเก็บซ่อนความสับสนไว้ในใจแล้วหันมามองนาง  หืม 

 ข้าทรมานจังเลย  เจียงหลีพูดพลางโถมร่างใส่เขา

ลู่เจี้ยประหม่าในใจรีบเอ่ยถาม  เจ้าป่วยอีกแล้วหรือ 

เจียงหลีกะพริบตาปริบๆ ปีนป่ายบนร่างกายของชายหนุ่ม  ใช่น่ะสิ ข้าป่วยแล้วเจ้าต้องช่วยข้าคลายความเจ็บปวด 

เมื่อได้ยินคำพูดของนางแววตาลู่เจี้ยก็จมดิ่ง รู้ดีนางแค่โกหกเพื่อเอยากอาเปรียบเขาเท่านั้น แม่นางผู้นี้นี่ เมื่อครู่ยังเสียใจที่ต้องจากกับสหายอยู่เฉย เผลอนิดเดียวก็บังอาจลักกินเต้าหู้เขาจนได้!

ทันใดนั้นลู่เจี้ยถูกผลักอย่างแรงจนล้มลงบนฟูกนอนโดยไม่ทันตั้งตัว

แต่ผู้มาดร้ายกลับถือโอกาสนี้ปีนคร่อมทับร่างของเขา มิให้เขาได้ขัดขืน

 ลงมา!  ลู่เจี้ยเอ่ยเสียงเรียบ

เจียงหลีกลับไม่สนใจ นางหยิบหยกขาวออกมาจากลำคอของนางแล้วแกว่งไปมาตรงหน้าเขา  เจ้าทำได้อย่างไร 

 …  ลู่เจี้ยไม่ปริปากพูด

 เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ จี้หยกนี้ไม่ได้เป็นชิ้นเดียวกัน  จู่ๆ เจียงหลีรู้สึกตระหนกใจ

ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรต้องปิดบังขนาดนี้เชียวหรือ

 เพื่อเก็บพลังพวกนั้นเอาไว้ในจี้หยก เจ้าต้องทรมานตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าใช่หรือไม่  เจียงหลีจี้ถาม

 เปล่า  ลู่เจี้ยเอ่ยตอบ

เจียงหลีมองเขาอย่างกลุ้มใจและบังคับให้เขาเผชิญหน้ากับตนเอง  คนบ้า ดีกับข้าขนาดนี้เพราะอยากให้ข้าไม่มีวันลืมเจ้าใช่หรือไม่ 

แววตาเจียงหลีวูบไหวเล็กน้อย ลู่เจี้ยขำออกมา  หลีเอ๋อร์ฉลาดจริงๆ 

 เรียกข้าว่าท่านอา  เจียงหลีเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

ลู่เจี้ยยิ่งหัวเราชอบใจ  ได้ ท่านอา เช่นนั้นท่านอาลงไปจากตัวของเจี้ยได้หรือไม่ ท่าทางเยี่ยงนี้ดูมิสำรวมนัก 

 เจ้าฝันไปเถอะ!  เจียงหลีสบถเสียงเย็นแล้วโน้มศีรษะลงไปขบเม้มริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง

นี่ไม่เรียกว่าจูบแต่เรียกว่ากัดเพื่อเอาคืนต่างหากล่ะ!

เจียงหลีขบกัดรุนแรงเพราะนางโกรธลู่เจี้ย ไม่ว่าอะไรก็แบกรับเองทุกอย่าง นางเกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ รู้แก่ใจว่าลู่เจี้ยมีชีวิตได้อีกไม่นาน นางก็ได้แต่มองเขาที่เวลาเหลือน้อยลงไปทุกวัน

 ลู่เจี้ย เจ้ามอบตัวเองให้ข้าเถอะ 

ระหว่างริมฝีปากยังแตะกันจู่ๆ เจียงหลีก็พึมพำประโยคนี้ออกมา

ลู่เจี้ยซึ่งอยู่ภายใต้การนำของนางหลังจากได้ยินคำนี้กลับเบิกตาโตแล้วผลักนางออกจากตัวเอง  หลีเอ๋อร์เจ้าบ้าไปแล้ว! 

ริมฝีปากของเขาแตกมีรอยเลือดซึมออกมา

แต่เขากลับเหมือนไม่รู้สึกเจ็บแล้วจ้องนางเขม็งทั้งตกตะลึงและประหลาดใจ เพราะเหตุใดนางถึงได้พูดออกมาเช่นนี้

เจียงหลีขยับเข้าไปใกล้เขา  เจ้าอยากให้ข้าอยู่ในตระกูลลู่ตลอดไปมิใช่หรือ หากเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์กันบางทีอาจมีทายาทให้กับเจ้า มันมิใช่การตัดไม่ขาดจากตระกูลลู่หรอกหรือ 

 เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!  ลู่เจี้ยมีสีหน้าเย็นชา

 ข้าไม่หยุด!  เจียงหลีมองเขาอย่างดื้อดึง  เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ใช่เด็กๆ 

 แต่ร่างกายของเจ้าตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่ดี  ลู่เจี้ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม

เจียงหลีหัวเราะ  เจ้ากังวลเรื่องนี้เองหรือ 

ลู่เจี้ยอึ้งค้างมิรู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

 หากข้าบอกเจ้าว่าข้าไม่แยแสเลยสักนิดล่ะ ตอนนี้ข้าต้องการเจ้าล่ะ  ในขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นางก็รีบโถมกายเข้าไปโน้มคอของเขาลงมาบดจูบริมฝีปาก

ลู่เจี้ยตัวแข็งทื่อ สมองสั่งให้เขาดันกายดรุณีน้อยผู้นี้ออกไปแต่ร่างของเขากลับขยับไม่ได้อยากจะกระชับกอดให้แน่นขึ้นอย่างอดใจมิไหว

 ท่านอา!  ลู่เจี้ยแทบจะใช้สติสุดท้ายที่เหลืออยู่ตะโกนเรียกชื่อนี้ออกมา

เดิมทีคิดว่าจะดับความบ้าคลั่งของนางได้

แต่หลังจากที่เจียงหลีได้ยินเข้ากลับสบถออกมา  ช่างท่านอามันสิ! 

เอ่อะ!

ร่างกายที่แข็งเกร็งของลู่เจี้ยพลันผ่อนคลายลง นางต้องรู้สภาพร่างกายที่แท้จริงของตนเองแล้วแน่เลยถึงได้บังอาจเช่นนี้

ริมฝีปากของเจียงหลีอ่อนนุ่มและหอมหวาน

รสชาติที่ซึมซับเข้ากระดูกเช่นนี้ได้กัดกร่อนสติสัมปชัญญะของลู่เจี้ยไม่หยุดหย่อน

มือทั้งคู่ของนางยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อของลู่เจี้ยอย่างซุกซนจุดไฟไปทั่วสรรพางค์กาย

ร่างอันเย็นเฉียบของเขาบัดนี้กลายเป็นร้อนลวก ร่างกายราวกับถูกแผดเผาด้วยไฟที่โหมกระหน่ำ

เอาแล้วๆ!

ลู่เจี้ยหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ จากนั้นโอบเอวคอดของเจียงหลีไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างจากนั้นพลิกกายกดเจียงหลีเอาไว้ใต้ร่าง  หลีเอ๋อร์ นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกเองนะ 

เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปาก  ข้ารอวันนี้มานานแล้ว 

ตู้ม!

คำพูดนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หมดขีดความอดทนเส้นสุดท้ายในใจของลู่เจี้ย เขาเริ่มประทับจุมพิตริมฝีปากของนางก่อนเกี่ยวกระหวัดรัดรึงอย่างไม่หยุดพักหายใจ นิ้วเรียวยาวสวยอันสั่นเทาเปลื้องเสื้อผ้าของนางอย่างอ้อยอิ่ง

เสื้อคลุมบนร่างของเจียงหลีถูกปลดทิ้งไว้ล่างเตียง

เสื้อคลุมตัวใหญ่ของลู่เจี้ยก็ถูกเจียงหลีถอดออกทิ้งไว้ข้างๆ เช่นกัน ผิวเนื้อของทั้งคู่ต่างร้อนรุ่ม

ในกระโจมที่อบอ้าวร้อนเสียจนเหงื่อไหลพลั่ก ขณะนี้ได้ยินเสียงหอบหายใจถี่กระชั้นเล็ดลอดออดมา

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกราวกับน้ำเย็นอ่างใหญ่สาดใส่ลู่เจี้ยตั้งแต่หัวจรดเท้า

 นายน้อย ใต้เท้าเงาพาหยวนหวังมาขอรับ 

ลู่เจี้ยได้สติกลับคืนทันทีแล้วรีบลุกขึ้นให้ห่างจากเจียงหลี เขามองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายและหญิงสาวที่เปลือยท่อนบนแล้วแอบคิดใจใจ อันตรายมาก! เขาเกือบพรากความบริสุทธิ์ของเจียงหลีไปเสียแล้ว

 ลู่เจี้ย!  เจียงหลีกัดฟันมองเขานึกโมโหในใจ

กว่านางจะยั่วเขาได้ถึงเพียงนี้มิใช่เรื่องง่ายแล้วยังจะไม่สำเร็จอีก ไม่ว่าใครก็ตามนางขอฝากเอาไว้ก่อนเถอะ

 ข้าจะออกไปก่อน  ลู่เจี้ยหยิบเสื้อคลุมตัวกว้างขึ้นมาแล้วรีบลงจากเตียงออกไป

จ้องมองหลังของคนที่ราวกับกำลังหนี เจียงหลีเต็มไปด้วยความโกรธ นางรวบกำปั้นทุบเตียงอย่างแรง

ตู้ม!

ลู่เจี้ยที่เดินออกไปได้ยินเสียงเตียงดังสะเทือนให้หลัง เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยังเลือกเดินออกไป

…………………

 

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น…

ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้!

โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท