บทที่4 เข้าข้างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
โห้หลีเฉินเห็นผู้ชายแปลกหน้าในรูปถ่าย สายตาที่มีแสงเปล่งประกายเล็กน้อยกลับคืนสู่ความเย็นชา
จากนั้นเขายื่นมือรับรูปถ่ายมา โอวน่อหย่าดีใจเป็นอย่างมากและรีบเอ่ยขึ้น “คุณโห้คะ ฉันไม่กล้าหลอกคุณหรอกนะคะ รูปถ่ายใบนี้เป็นของจริงแน่นอนค่ะ พวกเขา……….”
คำพูดเธอยังไม่จบ พอเห็นท่าทีของผู้ชายคำพูดก็ติดอยู่ที่คอหมด นาทีนี้เห็นแค่มือที่ขาวและเรียวยาวของโห้หลีเฉิน
กำลังฉีกรูปถ่ายให้เป็นชิ้นๆ สีหน้าแววตาเขาเย็นชา มุมปากมีรอยยิ้มที่อันตรายผิดปกติ
“กล้าเหยียดหยามความบริสุทธิ์ใจของว่าที่ภรรยาผม คุณนี่ใจกล้ามากเลยนะ”
ผู้คนต่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าโห้หลีเฉินจะเข้าข้างอย่างขนาดนี้
ตรวจก็ไม่ตรวจสอบหน่อยก็ทำการตัดสินแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ ใครยังกล้าวิพากวิจารณ์เรื่องนี้อีกล่ะ?
สายตาที่พวกเขามอง เย้นหว่านก็จากมองดูอย่างสืบหาความจริงกลายมาเป็นยำเกรง
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างอึ้ง ในใจรู้สึกอบอุ่น
ที่แท้ความรู้สึกที่ถูกคนปกป้องอย่างไม่มีเหตุผลมันอบอุ่นและหัวใจสั่นไหวอย่างนี้นี่เอง
“คุณ คุณโห้……..” โอวน่อหย่าอ้าปากอึ้งจนตาค้าง ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะทำแบบนี้
ที่เขาทำคือเขาเชื่อเย้นหว่านหรือเพราะว่าไม่แคร์เลยด้วยซ้ำ? โห้หลีเฉินโยนรูปถ่ายทิ้งอย่างชิวๆ
สายตาที่ดูถูกเหมือนกับว่ากำลังดูตัวตลกคนนึงอยู่ เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชา “เว่ยชี เอาตัวเธอไป”
“ครับ คุณผู้ชาย” เว่ยชีรีบมุ่งไปที่โอวน่อหย่า ทันใดนั้นโอวน่อหย่าตกใจจนขาอ่อน ไปหลบที่หลังของ
ซือหนานอย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “ซือหนาน ช่วยฉันด้วย รีบช่วยฉันเร็ว”
ถ้าถูกคนของโห้หลีเฉินพาตัวไป เธอไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะตกอยู่ในสภาพแบบไหน?
สีหน้าของซือหนานไม่ดีเลย โมโหโอวน่อหย่าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไปล่วงเกินโห้หลีเฉิน
แต่เขาก็กล่าวขอโทษกับโห้หลีเฉินอย่างจริงใจ “คุณโห้ครับ ต้องขอโทษจริงๆครับ ที่โอวน่อหย่า
พูดจาเหลวไหลล่วงเกินคุณเย้น ตอนนี้เธอก็สำนึกผิดแล้ว เห็นแก่หน้าของตระกูลเราทั้งสอง
ครั้งนี้คุณปล่อยน่อหย่าไปเถอะนะครับ?”
โห้หลีเฉินหัวเราะเยาะ “คุณซือนี่คือกำลังเตือนผมให้จัดการตระกูลซือไปด้วยทีเดียวใช่มั้ย?”
ซือหนานรู้สึกทึ่งมาก ตกใจจนหนาวไปทั้งตัว โห้หลีเฉินทำเรื่องอันใดก็ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมไม่คำนึงอะไรเลย
เขาพูดได้ก็ย่อมทำได้อย่างแน่นอน ซือหนานปาดเหงื่อไปทีนึง
“คุณโห้อย่าถือสาเลยครับ ผมปากพล่อยเอง ถึงโอวน่อหย่าจะเป็นภรรยาของผม
แต่เธอทำผิดก็ควรได้รับการลงโทษ ตระกูลซือไม่มีทางเห็นต่างแน่นนอนครับ”
โอวน่อหย่ามองซือหนานอย่างไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกเย็นเฉียบตั้งแต่หัวใจไปจนถึงหนังศีรษะ
นึกไม่ถึงว่าสามีเธอจะละทิ้งเธออย่างเฉียบขาดอย่างนี้
ผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า เว่ยชีเห็นมาเยอะแล้ว
เขาหัวเราะเยาะไปทีนึง แล้วเดินไปจับโอวน่อหย่าไว้ “ไปเถอะครับคุณโอว ”
“แกปล่อยฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฉันเป็นคุณหนูของตระกูลโอว พวกแกทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
โอวน่อหย่ากลัวสุดขีดจนไม่สามารถคำนึงถึงภาพลักษณ์ตนเองอีกต่อไป เธอขัดขืนกับเว่ยชีอย่างสุดฤทธิ์
แต่พลังของเธอไหนจะสู้พลังของผู้ชายที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วได้ล่ะ มองดูตรงหน้าก็จะถูกพาตัวไปแล้ว
ในความสิ้นหวัง เธอจ้อง เย้นหว่านอย่างคับแค้นใจสุดขีด “เย้นหว่าน
อย่านึกว่าฉันถูกจับไปแล้วก็สามารถปกปิดความจริงที่แกเปิดห้องกับผู้ชายนะ!
แกทำตัวสำส่อนก่อนแต่งงานและสวมเขาให้โห้หลีเฉิน เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วทุกคนต้องรู้หมดแน่ๆ”
เสียงตะโกนของโอวน่อหย่าสะท้อนอยู่ในห้องโถง ดึงดูดผู้คนมายิ่งอยู่ยิ่งเยอะ
เย้นหว่านมองโอวน่อหย่าด้วยความเกลียดชัง นี่เธอต้องมีความคิดที่ดื้อด้านขนาดไหน
ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้วยังจะทำลายชื่อเสียงเธออีก?
“พูดเหลวไหล! เสี่ยวหว่านไม่ได้เปิดห้องกับเหอเฟยหยางสักหน่อย เรื่องนี้เธอเป็นคนวางแผนทั้งหมด”
กู้จื่อเฟยเดินมาจากหน้าประตูอย่างโมโห มือของเธอถือรูปถ่ายและข้อมูลมาปึกนึง
เธอได้ยื่นให้โห้หลีเฉินอย่างมีมารยาท “คุณโห้คะ นี่เป็นข้อมูลที่ฉันตรวจสอบได้ คืนก่อนโอวน่อหย่า
ฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวหว่านเมาเหล้า แล้วพาเธอไปที่โรงแรมซ่างผิ่น และมอบให้เหอเฟยหยาง
ที่รออยู่ในโรงแรมตั้งนานแล้ว ที่พวกเขาทำนี่คือจงใจวางแผนล่อลวงไปข่มขืนเลยนะคะเนี่ย!
แต่ว่า คุณวางใจเถอะ ถึงเสี่ยวหว่านดื่มจนเมาแต่ก็ตีเหอเฟยหยางจนได้รับบาดเจ็บแล้วหนีออกมาได้
ฉันที่ได้รับจากเธอจากลิฟท์ ขอรับประกันว่าเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัยและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้นค่ะ”
พูดจบ กู้จื่อเฟยก็กะพริบตาให้ เย้นหว่าน สองวันนี้เธอคอยช่วย เย้นหว่านตรวจสอบเรื่องนี้ตลอด
โชคดีที่มาทันในเวลานี้ เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง นี่ถึงรู้ว่าทำไมคืนนั้นเธอถึงโผล่อยู่ที่โรงแรมซ่างผิ่น
และทำไมถึงเจอเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ ที่แท้โอวน่อหย่าเป็นคนบงการทั้งหมด! โอวน่อหย่าหน้าซีด
คอยแก้ตัวอย่างกินปูนร้อนท้อง “ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ฉันแค่ใจดีส่งเย้นหว่านไปพักผ่อนที่โรงแรม
แต่เธอเป็นคนจะไปกับเหอเฟยหยางเอง” ไม่มีใครฟังคำแก้ตัวที่มีรูรั่วของโอวน่อหย่า
สายตารอบๆที่มองเธอยิ่งอยู่ยิ่งเกลียดชัง ถึงก่อนหน้านั้นโห้หลีเฉินจะปกป้องเธอ แต่ก็ไม่เห็นว่าเชื่อใจเธอ
ตอนนี้ดูรูปพวกนี้แล้วได้รู้ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ใจ เริ่มมีความรู้สึกดีกับเธอขึ้นมาหน่อยแล้ว
เขายื่นรูปถ่ายให้เย้นหว่าน “คุณอยากจัดการเธอยังไง?”
นึกไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะถามความคิดเห็นของเธอ?
เย้นหว่านรู้สึกตกใจที่ถูกเอ็นดู ความรู้สึกที่ถูกคนใหญ่โตปกป้องไว้นี่ไม่เลวเลยจริงๆ
เธอมองโอวน่อหย่าที่ไม่ยอมสำนึกผิดอีกเช่นเคย เธอก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ
คิดไปคิดมาเธอเปิดปากพูด“พาเธอไปส่งให้ตำรวจเถอะค่ะ”
ได้ยินคำนี้แล้ว สีหน้าของโอวน่อหย่าซีดขึ้นมาทันที ตื่นเต้นจนร้องออกมา
“ไม่ได้นะ ฉันเข้าสถานีตำรวจไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นงานแต่งฉัน ชื่อเสียงฉันก็จะถูกทำลายหมด
เย้นหว่าน เธอทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!” เย้นหว่านรู้สึกตลกมาก “ถ้าคุณไม่วางแผนใส่ร้ายฉัน
ก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ย่อมต้องรับเอง”
“ไม่ ไม่ใช่ เพราะแกคนเดียว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแกคนเดียว” โอวน่อหย่าตื่นตระหนกจนจะพังทลาย
เธอกระโดดเข้าไปหาเย้นหว่าน แต่ถูกเว่ยชีจับตัวไว้แล้วลากออกไปเหมือนขยะ
ตำรวจที่ลาดตระเวนอยู่ระแวกนี้ก็มาอย่างเร่งรีบ แล้วรับโอวน่อหย่ามาจากมือเว่ยชี
“ครึก”เสียงนึงเธอก็ถูกใส่กุญแจมือเข้า “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
โอวน่อหย่าขัดขืนและกรีดร้องด้วยความกลัว จนผมเผ้ายุ่งเหยิงและเครื่องสำอางหลุดจากหน้าหมด
ทรุดโทรมจนเหมือนยัยผีบ้า สีหน้าซือหนานดูแย่มาก รู้สึกอาบอายขายขี้หน้าไปหมดแล้ว
เจ้าสาวถูกคุมตัวไปคาหนังคาเขา งานแต่งของเขาเกรงว่าจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของสังคมไฮโซซะแล้ว
มองดู เย้นหว่านที่เคยถูกคนในตระกูลเขารังเกียจ นาทีนี้กลับควงแขนของผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งในเฉิงหนานไว้
สง่างามจนเป็นที่ดึงดูดของสายตาผู้คน มีความสูงส่งที่ไม่อาจสัมผัสถึงของเขาอยู่
เขารู้สึกใจอ้างว้างอย่างแปลกประหลาด นึกไม่ถึงว่าจะมีความคิดรุนแรงที่อยากจะแย่ง เย้นหว่านกลับคืนมา