บทที่7 คืนนี้รู้สึกพิลึกพิกล
เธอเขยิบไปข้างหลังอย่างตื่นเต้น “คุณโห้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแค่ข้อตกลงกันเฉยๆนะคะ”
“วางใจเถอะ ผมไม่พิศวาสคุณหรอก ถ้าขืนเรื่องมากอีก ผมจะเป็นคนโยนคุณเข้าห้องน้ำเอง”
โห้หลีเฉินหมดความอดทน ก้าวเท้าเดินมาที่ เย้นหว่าน
ไม่พิศวาส? แล้วเมื่อครู่จับไปจับมาอยู่บนตัวเธอ ตอนนี้ยังบังคับให้เธอไปอาบน้ำ………
แต่เห็นรูปร่างสูงใหญ่ที่ใกล้เข้ามา เย้นหว่านตื่นตกใจจนโดดลงมาจากเตียง “ฉัน ฉันไปเองค่ะ”
ระหว่างพูด เธอก็วิ่งเข้าไปห้องน้ำอย่างเร่งรีบและล็อคประตูไว้ เธอแนบอยู่บนประตูถึงได้รู้สึกโล่งอกไปที
แต่หัวใจยิ่งอยู่ยิ่งเต้นแรงอีกเช่นเคย คืนนี้โห้หลีเฉินดูพิลึกพิกลมาก เธอเองก็ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเขา
แต่ว่าเขาก็รอที่ข้างนอกอยู่อย่างนั้นแหล่ะ……….เย้นหว่านกุมศีรษะไว้อย่างหงุดหงิดและร้อนรนใจ
คืนนี้เธอจะทำยังไง?
“ก๊อกๆๆ” ผ่านไปครู่นึง นอกห้องมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น โห้หลีเฉินนั่งอยู่บนโซฟา
ไม่แม้แต่จะเงยหน้า “เข้ามา” เว่ยชีเปิดประตูก็ได้ยินเสียงในห้องน้ำ เขาอึ้งค้างไว้
รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ ที่ผ่านมาคุณท่านเป็นคนรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยากกับไม่สนใจผู้อื่น
และไม่ชอบผู้หญิงให้ใกล้ชิดเขามาก แล้วทำไมถึงยอมให้ เย้นหว่านอาบน้ำที่นี่ได้ล่ะ?
แต่เขาเก็บสีหน้าตนเองเร็วมาก เดินไปตรงหน้าโห้หลีเฉินอย่างมีมารยาท
“คุณท่านครับ มีเรื่องนิดหน่อยที่จะต้องให้คุณท่านไปจัดการครับ”
ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ เว่ยชีก็ไม่หามาถึงนี่หรอก โห้หลีเฉินเงียบไปครู่นึงถึงลุกขึ้น
แต่กลับไม่ได้เดินออกไปในทันที กลับมองไปที่ทิศทางของห้องน้ำ เขาเปิดปากด้วยเสียงทุ้มต่ำ
น้ำเสียงแฝงด้วยการออกคำสั่ง “ เย้นหว่าน รอผมอยู่ที่ห้องนะ”
โห้หลีเฉินจะออกไป?
เย้นหว่านรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและรีบตอบ “โอเคค่ะ”
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเท้าเดินออกไปด้านนอก จนกว่าได้ด้วยเสียงปิดประตู
เธอถึงเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินมาที่ประตู
เปิดประตูออกจากเล็กน้อยและส่องไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง ริมทางเดินว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคน
สติที่ตึงเครียดของเธอถือว่าได้ผ่อนคลายลงหน่อย เธอรีบร้อนวิ่งออกไปอย่างเร็ว
เย้นหว่านเพิ่งลงมาใต้ตึกก็เห็นรถของกู้จื่อเฟย เหมือนกับว่าเธอกำลังจะจากไป “จื่อเฟย รอฉันด้วย”
เย้นหว่านวิ่งไปดึงประตูแล้วขึ้นรถ กู้จื่อเฟยมองเธอด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเธอถึงลงมาได้? เธอถูกคุณโห้อุ้มตัวไป นึกไม่ถึงว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรหน่อยเลยหรอ?”
นึกถึงภาพที่กุ๊กกิ๊กอยู่ในห้องกับโห้หลีเฉินแล้ว หูของเย้นหว่านก็แดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เธอพูดอย่างไม่มีความมั่นใจ “จะเกิดอะไรขึ้นมาได้ ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาเป็นแค่ข้อตกลงเฉยๆ”
“ไม่มีอะไรจริงๆหรอ? งั้นเธอหน้าแดงทำไม?” กู้จื่อเฟยจ้องเธอด้วยความสงสัย
สายตามองขึ้นมองลงสำรวจเธอ เย้นหว่านถูกมองจนร้อนตัว จึงรีบยกมือกดกระจกรถลง
“อากาศร้อนจังเลย เธอรีบขับรถและส่งฉันกลับบ้านเถอะ”
“ฮึ่ม นี่เธอเปลี่ยนประเด็นพูดชัดเจนมากเลยนะ” กู้จื่อเฟยเปิดโปงอย่างซึ่งๆหน้าเลย
แต่ก็ได้สตาร์ทและขับรถมุ่งหน้าไปด้วย เธอไม่ได้ซักไซ้ถามเรื่องนั้นต่อ แต่เปิดปากถาม
“งานออกแบบของเธอทำไปถึงไหนแล้ว? พรุ่งนี้ก็ต้องส่งงานแล้ว จะให้ฉันช่วยเธอมั้ย?”
หลายวันมานี้ เย้นหว่านเกิดเรื่องพวกนี้ กู้จื่อเฟยกังวลว่าเธอจะยังทำไม่เสร็จ
“ทำเสร็จตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ถ้าถูกคัดเลือก ฉันก็มีสิทธิ์ออกแบบชุดของท่านประธานแล้ว
ประวัติการทำงานของฉันก็จะไม่ใช่เด็กใหม่กิ๊กก๊อกอีกต่อไป”
สายตาเย้นหว่านเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น การเข้ารับการคัดเลือกดีไซน์เนอร์
ของท่านประธานครั้งนี้สำคัญมากสำหรับเธอ
“พรสวรรค์ในการออกแบบของเธอเก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
ต้องถูกคัดเลือกอย่างแน่นอน สู้ๆนะเพื่อน” กู้จื่อเฟยยิ้มให้กำลังใจเย้นหว่าน
เย้นหว่านก็ยิ้มและตอบกลับ “อืมๆ ถ้าฉันถูกคัดเลือก จะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เธอเลย”
ดีไซน์เนอร์ที่เข้ารับการคัดเลือกต่างรวมตัวกันที่ห้องประชุม มีผู้จัดการที่คอยเป็นคนเก็บผลงานดีไซน์
แล้วให้ผู้ตัดสินระดับสูงพิจารณา ท้ายสุดก็ท่านประทานเป็นคนตัดสิน ตอนที่ เย้นหว่านมาถึง
ในห้องประชุมก็มีคนมากันเยอะมากแล้ว เธอทักทายกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ เพิ่งหาที่นั่งลง
ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเสิ่นโป๋เม๋ย “ เย้นหว่าน เธอยังกล้ามาอีกหรอ?
วันนี้คนที่เข้ารับการคัดเลือกต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในบริษัท มีประวัติของการเป็นดีไซน์เนอร์
มือใหม่ที่แม้แต่ผลงานยังไม่มีสักชิ้นอย่างเธอ มาโชว์ท่าทีขายหน้าให้พวกเราดูหรอ?”
เสิ่นโป๋เม๋ยถือกาแฟที่ร้อนระอุอยู่แก้วนึง ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน คอยเชิดหน้าชูตาจ้องเย้นหว่านไว้
เธอเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ตำแหน่งที่อยู่ในบริษัทก็ถือว่าสูง
ก็เป็นคนที่มีความสามารถคนนึงในการเข้ารับการคัดเลือกครั้ง
ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของโอวน่อหย่า ตั้งแต่ เย้นหว่านเข้ามาที่บริษัท เธอก็หาโอกาสรังแกเธอ
เหยียดหยามเธอและกดขี่เธอ จนถึงตอนนี้เย้นหว่านยังไม่มีผลงานดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบ
สาเหตุหลักก็หนีไม่พ้นเสิ่นโป๋เม๋ย
“การเข้ารับการคัดเลือกครั้งนี้ให้เด็กใหม่เข้าร่วมด้วย ก็แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม
และดูความสามารถแทนคำพูด” เย้นหว่านไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเลยสักนิด
“รุ่นพี่เสิ่นคะ คุณต้องระวังตัวดีๆนะคะ ถ้าถูกเด็กใหม่อย่างฉันเบียดลงไป
นั่นคงจะต้องขายหน้ามากเลยนะคะ”
“พูดจาโอ้อวดไม่กลัวกัดโดนลิ้นตัวเองรึไง?
ฉันไม่เชื่อว่าฝีมือกระจอกอย่างเธอจะออกแบบผลงานอะไรออกมาได้หรอก ”
เสิ่นโป๋เม๋ยพูดอย่างประชดและเย่อหยิ่ง เดินไปตรงหน้าเย้นหว่านแล้วหยิบงานออกแบบของเธอขึ้นมาจากโต๊ะ
พอเห็นงานออกแบบเธอกลับอึ้งค้างไว้ งานออกแบบนี้เรียบง่ายแต่สวยงาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ
สวยกว่างานออกแบบครั้งนี้ที่เธอทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเสียอีก
“คืนให้ฉัน!” เย้นหว่านแย่งงานออกแบบมาอย่างอารมณ์เสีย ถึงจะส่งงานออกแบบในเร็วๆนี้แล้ว
แต่นาทีนี้ถูกคู่แข่งเห็นก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เธอไม่อยากพัวพันกับเสิ่นโป๋เม๋ยต่อ
เตรียมจะเปลี่ยนที่นั่งใหม่ เสิ่นโป๋เม๋ยรู้สึกได้ถึงความอันตราย เธอแทบจะสามารถแน่ใจได้ว่า
ถ้างานออกแบบครั้งนี้ของเย้นหว่านเผยแพร่ออกมา มีโอกาสสูงที่จะได้ที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้
แต่เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด “คำพูดของรุ่นพี่ยังพูดไม่จบ ใครใช้ให้เธอไป? หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เสิ่นโป๋เม๋ยดึงตัว เย้นหว่านไว้ด้วยความโมโห ระหว่างที่ดึงเธอไว้ได้แกล้งเอากาแฟในมือสาดไปด้านหน้า
“ซึด!” กาแฟที่ร้อนอะรุสาดใส่บนมือ หลังมือของ เย้นหว่านรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
แต่เธอกลับไม่มีเวลาคำนึงถึงมือตนเอง รีบร้อนไปดูงานออกแบบของตนเอง
เห็นแต่งานออกแบบถูกกาแฟสาดจนเปียกไปครึ่งนึง ลายเส้นและสีบนกระดาษก็เลือนรางไปแล้ว
เย้นหว่านหน้าซีดขึ้นมาทันที อุ้งมือรู้สึกเย็นเฉียบ “บอกให้เธออย่าไป เธอไปทำไมล่ะ?
ดูซิกาแฟก็ถูกเธอชนจนหกหมดแล้ว” เสิ่นโป๋เม๋ยอาละวาดอย่างดัดจริต
มองดูงานออกแบบที่เลอะไปครึ่งนึงแล้วยิ้มอย่างพอใจ เธอเข้าใกล้ เย้นหว่านและพูดอย่างอวดเก่งที่สุด
“เย้นหว่าน งานออกแบบก็ไม่มีแล้ว คอยดูซิทีนี้เธอจะแย่งกับฉันยังไง?”
“เสิ่นโป๋เม๋ย!”
เย้นหว่านโมโหจนตัวสั่น แทบอยากจะบีบเสิ่นโป๋เม๋ยให้ตายๆไปเลย
เสิ่นโป๋เม๋ยถอยหลังไปสองก้าว ตักเตือนด้วยความไม่หวังดี “ผู้จัดการมาแล้ว ต้องไปส่งงานแล้ว”
เย้นหว่านหันหน้ามองไปที่หน้าประตู เห็นผู้จัดการใส่ชุดทำงานและรองเท้าส้นสูง เดินมาอย่างสง่างาม
ดีไซน์เนอร์ทุกคนต่างยืนเป็นระเบียบเรียบร้อย ต่อแถวเอางานส่งให้ผู้จัดการ ผู้
จัดการเก็บงานเสร็จก็มองไปที่ เย้นหว่าน