บทที่ 26 ติดกับดัก
เมื่อได้ยินเย้นหว่านพูดขึ้นเช่นนั้น มู่จื่ออี้จึงมองหล่อนด้วยความสงสัย
เย้นหว่านหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง รีบพูดต่อ
“เมื่อห้าปีก่อนที่สนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยA นายยังจำได้ไหม? ฉันประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฉันไปสายและทำให้เข้าสอบไม่ได้ ตอนนั้นนายช่วยฉันไว้”
ถ้าไม่ได้มู่จื่ออี้ช่วยไว้ เย้นหว่านคงพลาดโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยA
มู่จื่ออี้ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เพียงแค่ยิ้มให้หล่อน
“คิดว่าคุณจำผมไม่ได้แล้วเสียอีก”
อันที่จริงครั้งแรกที่เขาเห็นหล่อน เขาก็จำหล่อนได้แล้ว
ตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หล่อนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังไม่ทันได้ทำแผล หล่อนก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าสนามสอบแล้ว
ความพยายามและความมุ่งมั่นของหล่อน เขายังคงจดจำได้จนถึงทุกวันนี้
คำพูดนี้ เป็นเช่นนั้นแน่นอน
เย้นหว่านดีใจมาก “หลังจากสอบเสร็จ ฉันอยากขอบคุณนาย แต่หานายไม่เจอเลย”
“หลังจากนั้นผมไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ยุโรป”
มู่จื่ออี้หรี่ตาลง เหมือนกับไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ
เขายิ้มพลางพูดขึ้น “ขอบคุณผมตอนนี้แทนก็ได้นะ เลิกงานแล้วเลี้ยงข้าวผม โอเคไหมครับ?”
“ได้สิ”
เย้นหว่านตอบกลับโดยไม่ลังเล แม้ว่ามู่จื่ออี้จะไม่พูด หล่อนก็จะเป็นคนพูดเองอยู่แล้ว
เสิ่นโป๋เม๋ยถือมือถือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เดินเข้ามาในบริษัท
วันนี้ถือได้ว่าหล่อนอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ความอึดอัดและหงุดหงิดที่สั่งสมมานาน ในที่สุดวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ปลดปล่อย
“พี่เสิ่น ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลย?”
เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นเสิ่นโป๋เม๋ย ทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี
เสิ่นโป๋เม๋ยเป็นดีไซน์เนอร์อาวุโส ตำแหน่งในบริษัทถือว่าสูงทีเดียว มักจะมีสาวๆรายล้อมอยู่รอบตัวหล่อนเสมอ
หล่อนหยิบมือถือขึ้นมา “มีเรื่องใหญ่มาเมาท์ พวกเธอตามฉันไปที่ห้องพักผ่อนนะ ฉันะเล่าให้ฟัง”
พูดพลาง เสิ่นโป๋เม๋ยเหลือบมองไปที่เย้นหว่านด้วยแววตาเกรี้ยวกราด แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหล่อคนนั้น กลับตกตะลึงขึ้นมาทันที
หล่อนถามขึ้นด้วยความสงสัย “เขาเป็นใคร?”
“เขาเป็นพนักงานใหม่ แต่เสียดายที่เป็นผู้ช่วยของเย้นหว่าน!”
หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา
ผู้ช่วยคนใหม่?
เสิ่นโป๋เม๋ยหรี่ตามองด้วยสายตาร้อนแรงเป็นไฟ พวกเขาคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน
และถ้าทั้งสองสนิทสนมกัน ทำงานด้วยกันทุกวัน ก็คงจะเกิดความรู้สึกดีต่อกันได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นเสิ่นโป๋เม๋ยเกิดความคิดที่ดีกว่านั้น
ในขณะที่เย้นหว่านกับมู่จื่ออี้กำลังพูดคุยกันอยู่ สวู่หานผู้เป็นหัวหน้าก็เดินเข้ามา
“เย้นหว่าน ท่านประธานให้เธอไปพบที่ห้องทำงาน เขาขอดูความคืบหน้างานออกแบบของเธอ”
หล่อนมองไปที่เย้นหว่าน ด้วยสายตาอันคลุมเครือแปลกๆ
ถ้าโดยปกติแล้ว ความคืบหน้างานออกแบบของเย้นหว่านส่งให้หล่อนดูเพียงคนเดียว ตรวจสอบกันเป็นขั้นเป็นตอน อย่างมากท่านประธานจะดูเพียงแค่ภาพรวมและผลงานสำเร็จเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ท่านประธานขอดูความคืบหน้าของงาน และต้องให้ดีไซน์เนอร์นำไปให้ดูด้วยตัวเอง ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
และยังได้ยินมาว่าโห้หลีเฉินเป็นคนที่ยุ่งมากๆ
เย้นหว่านไม่ได้คิดอะไรมาก ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่หล่อนทำผลงานขึ้นมาด้วยตัวเอง และยังไม่ค่อยเข้าใจกฎเกณฑ์ของแผนกออกแบบมากนัก
หล่อนรีบจัดเตรียมเอกสาร จากนั้นตรงไปที่ห้องทำงานท่านประธานทันที
“ก๊อกๆๆ”
เมื่อเดินถึงหน้าประตูห้องทำงาน เย้นหว่านเคาะประตูอย่างมีมารยาท
ภายในประตู มีเสียงแหบแห้งอย่างมีเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้น “เข้ามา”
เย้นหว่านค่อยๆผลักประตูเข้าไป แต่กลับรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นโห้หลีเฉินนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่กลับนั่งอยู่บนโซฟาตรงห้องรับแขก
บนโต๊ะด้านหน้าเขา มีกาแฟและนมตั้งอยู่อย่างละแก้ว และยังมีขนมหวานที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม
ชีวิตของท่านประธาน ช่างมีความสุขเหลือเกิน
เย้นหว่านพูดตัดพ้อในใจ ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย จากนั้นยื่นเอกสารในมือให้โห้หลีเฉิน
“ประธานคะ นี่คือแผนออกแบบขั้นต้นในช่วงสองวันนี้ค่ะ”
โห้หลีเฉินรับเอกสารในมือมา จากนั้นชี้ไปตรงที่นั่งด้านข้างโซฟา
“นั่งลง”
ตรงหน้าที่นั่งมีนมวางอยู่หนึ่งแก้วพอดี
เย้นหว่านตกใจเล็กน้อย หรือว่าเขาเตรียมไว้ให้หล่อน?
หล่อนเพียงแค่มานำเสนองาน แต่กลับมานั่งกินขนม เกรงว่าจะดูไม่ดีเท่าไหร่
จากนั้น เย้นหว่านยังคนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนได้”
เย้นหว่านอยากแยกแยะเรื่องทำงานกับเรื่องส่วนตัว แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ให้โอกาสหล่อน
เขามองหล่อนด้วยความไม่พอใจ “ฉันดูนานนะ ถ้าเธอยืนอยู่ตรงนั้นจะทำให้ฉันหงุดหงิด”
เย้นหว่าน “…” โห้หลีเฉินมีนิสัยแปลกๆแบบนี้ด้วยเหรอ?
หล่อนพูดอะไรไม่ออก จึงต้องจำใจนั่งลง
โห้หลีเฉินถึงจะเริ่มเปิดเอกสารดู พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ
“ถ้าเธอเบื่อ กินขนมได้นะ”
ที่แท้เกรงว่าหล่อนจะเบื่อ? เย้นหว่านเข้าใจความหมายของโห้หลีเฉินขึ้นมาทันที
ถ้าเขาดูงานออกแบบนาน เอกสารอย่างอื่นก็คงต้องใช้เวลานานเช่นกัน ถ้าคนที่มาเสนองานรอจนเบื่อ เขาจึงเตรียมขนมของหวานต่างๆไว้ให้ ช่างเป็นคนดีเสียจริง
เย้นหว่านรู้สึกสบายใจขึ้นมา หยิบช้อนขึ้น เริ่มกินขนมหวานที่ดูน่าอร่อยตรงหน้า
อร่อยมาก เป็นรสชาติที่หล่อนชอบมากที่สุด
เย้นหว่านกินหมดด้วยความอิ่มเอมใจ โห้หลีเฉินก็ดูเอกสารเสร็จพอดีเช่นกัน
เขาถือเอกสารออกแบบไว้ในมือ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ตอนที่เธอวาด รู้สึกกดดันมากงั้นหรือ?”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยความประหลาดใจ
หล่อนคิดว่าเขาจะพูดตำหนิถึงปัญหาหรือข้อผิดพลาดในงานออกแบบของหล่อน คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะมองออกจนรู้ไปถึงอารมณ์ความรู้สึกตอนที่หล่อนออกแบบงานชิ้นนี้
ตอนที่หล่อนออกแบบงานชิ้นนี้ หล่อนรู้สึกกดดันมากจริงๆ จนทำให้ออกแบบได้อย่างไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่นัก
เพราะการออกแบบชุดนี้ครั้งนี้เป็นการทำชุดให้โห้หลีเฉิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าต่างหรือรูปร่าง เขาล้วนดูดีมากอยู่แล้ว เสน่ห์ของเขายิ่งชวนให้คนหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นชุดระดับไหน ก็ดูเหมือนไม่เหมาะกับคนเพอร์เฟคอย่างเขา
โห้หลีเฉินเปิดแฟ้มเอกสารออก ยื่นไปวางตรงหน้าของเย้นหว่าน
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ธรรมดาของทุกคน เมื่อรู้สึกไม่คุ้นเคยจะรู้สึกว่าสิ่งนั้นลึกลับ ไม่อาจจับต้องได้ เย้นหว่าน ถ้าเธออยากทำความรู้จักฉัน ฉันไม่ถือสาอะไรเธอหรอกนะ”
ในเรื่องของการออกแบบ เมื่อรู้สึกจนตรอก การทำความเข้าใจกับเจ้าของผู้ใช้คือวิธีที่รวดเร็วและดีที่สุด
เย้นหว่านใจเต้น “ได้จริงๆเหรอคะ?”
“อื้ม ก่อนจะออกแบบ เธอสามารถติดตามฉันได้ตลอด”
โห้หลีเฉินให้อภิสิทธิ์พิเศษกับหล่อน
คอยติดตามและสังเกตเขาได้ตลอดเวลา ดีจังเลย แต่เย้นหว่านกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนติดกับดักของใครบางคนที่วางไว้
หล่อนยังคิดไม่ออก ก็หันไปเห็นโห้หลีเฉินกำลังโทรศัพท์
“เว่ยชี เอาโต๊ะทำงานชุดใหม่เข้ามา ใช่แล้ว…ให้เย้นหว่านใช้”
เย้นหว่านตกใจตะลึง รีบพูดขึ้น “เตรียมโต๊ะทำงานให้ฉันที่นี่ทำไมคะ?”
หล่อนไม่ใช่เลขา ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องนั่งทำงานที่นี่
“ให้เธอได้ทำความรู้จักและเข้าใจฉันได้สะดวกขึ้น” โห้หลีเฉินพูดด้วยเหตุผล
“แต่ว่า…”
“เธอไม่อยากได้โอกาสเหรอ? เธอไม่ได้รักและตั้งใจทุ่มเทกับงานออกแบบงั้นหรือ?”
มองดูสายตาที่มองมาด้วยความสงสัยของฝ่ายชาย เย้นหว่านพูดอะไรไม่ออกทันที
ขืนหล่อนพูดอะไรต่อ ก็คงเป็นการบอกว่าหล่อนไม่ทุ่มเทให้กับงานต่อหน้าประธานบริษัท หล่อนยังจะรักษางานนี้ไว้ได้อีกหรือไม่?
แต่เมื่อนึกว่าตัวเองต้องนั่งทำงานที่ห้องทำงานของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็รู้สึกแปลกขึ้นมา