บทที่ 32 เหยียบเรือสองลำ
อยู่ดีๆก็เหมือนมีสายลมพัดมา เย้นหว่านอึ้งไปพักนึง หลังจากนั้นก็ได้สติกลับมา
มิน่าล่ะวันนี้โห้หลีเฉินถึงย้ำว่าเธอต้องอยู่ข้างเขา ที่แท้ก็เอาเธอมาเป็นโล่ห์นี่เอง
“คุณซู ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ไวน์แก้วนี้ ฉันจะดื่มกับคุณเอง”
เย้นหว่านหยิบแก้วขึ้นมาอย่างสง่างาม แล้วก็หมุนแก้วอย่างสวยงาม ทำให้แหวนหมั้นที่เธอสวมใส่อยู่นั้นก็เด่นออกมา
ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ตรงนั้นก็หันไปมองที่นิ้วของโห้หลีเฉินเช่นกัน ก็เห็นว่าเขาก็สวมแหวนเช่นเดียวกับเธอ
ผู้หญิงที่รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าโห้หลีเฉินตอนนี้ ก็ไม่มีใครอยากจะอยู่ให้เสียหน้าอีกต่อไป
โห้หลีเฉินมองผู้หญิงพวกนั้นอย่างพึงพอใจ เขาดูมีความสุขมากเลย
ดูเหมือนว่า ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน
อีกฝั่งนึงนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของฉินฉู่ก็ทรุดลง
มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะให้โห้หลีเฉินมาเป็นโล่ห์ได้ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใช้เย้นหว่านมาเป็นโล่ห์เหมือนกัน
ผู้หญิงพวกนั้นก็เลิกแสดงอีกต่อไป แล้วก็หันมาสนใจเขาอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆ ฉินฉู่เองก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ กล้าใช้โห้หลีเฉิน ตอนนี้ก็โดนคว่ำเรือซะจนได้”
เย้นเหวินหนานแอบมีความสุขอยู่ข้างๆ
ฉินฉู่เตะเย้นเหวินหนาน “ไปเลยนะไอ้เลว”
ในกลุ่มคนนั้น วางหนิงเวยมองหน้าเย้นหว่าน เธอตกใจมาก หลังจากนั้น ความโกรธก็ปรากฏขึ้นเต็มอกของเธอ
เธอแหวกฝูงชน แล้วก็เดินเข้าไปทันที
เธอชี้หน้าเย้นหว่าน แล้วก็พูดด้วยเสียงดังว่า “ชอถามคุณผู้หญิงคนนี้หน่อยค่ะ คุณทำธุรกิจอาลีบาบารึป่าว?”
เย้นหว่านเห็นหน้าวางหนิงเวย แล้วก็ตะลึงทันที
นี่มันบังเอิญเกินไปรึป่าว? วางหนิงเวยเองก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอ
นึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เธอแกล้งเป็นแฟนของมู่จื่ออี้ ทำให้วางหนิงเวยโกรธ แล้วในสถานการณ์ตอนนี้ เธอจะอธิบายยังไงดี?
ผู้หญิงที่กำลังจะกระจายตัวกัน พอได้ยินคำพูดของวางหนิงเวย ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แล้วก็ดูเหตุการณ์ตรงหน้า
พอเห็นว่าเย้นหว่านไม่ได้พูดอะไร คนในนั้นก็รู้สึกสงสัย แล้วก็อดไม่ได้พลางถามออกไปว่า
“คุณคะ ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง? คุณรู้จักคู่หมั้นของคุณโห้ด้วยหรอคะ? ทำไมถึงบอกว่าเธอทำธุรกิจในอาลีบาบาล่ะ?”
“เพราะว่าคนที่ทำธุรกิจในอาลีบาบามันหมายความว่า : แฟนเช่าไง!”
วางหนิงเวยมองหน้าเย้นหว่านอย่างเหยียดหยาม สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
เพราะว่าคำพูดพวกนี้ ทำให้ผู้คนในนั้นวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนกระซิบกระซาบกันมากมาย
“แฟนเช่าในอาลีบาบา วันละ800หยวน แล้วก็พากลับบ้านไปทำเรื่องอย่างว่างั้นหรอ?”
“หรือว่าคุณจะหมายความว่า ผู้หญิงคนนี้แกล้งปลอมตัวงั้นหรอ? เธอไม่ใช่คู่หมั้นของคุณโห้จริงๆ?”
“ที่แท้ก็แกล้งนี่เอง….”
เสียงกระซิบกระซาบนั้นได้ยินถึงหูของโห้หลีเฉิน ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที
เขามองหน้าผู้หญิงพวกนั้น แล้วก็พูดคำพูดที่ทำให้คนใจสั่นเพราะรับรู้ได้ถึงอันตราย
“พวกคุณรู้มั้ยว่าการที่พูดจามั่วๆ ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง?”
ร่างกายของวางหนิงเวย หดลงทันที เธอตื่นตระหนก
ผู้ชายคนนี้ดูแข็งแกร่งและกดดันมาก ทำให้เธออยากจะหนีไป
แต่ว่า พอเธอมองหน้าเย้นหว่าน ก็หลังตรงขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่ได้พูดอะไรผิด เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“คุณโห้ ที่ฉันพูดออกมา ก็เพราะว่าไม่อยากเห็นคุณโดนหลอก เมื่อวานนี้ ฉันเห็นกับตาว่าเธออยู่กับแฟนเก่าฉัน แล้วพวกเขาก็ยอมรับเองกับปากว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน!
ถ้าเกิดว่าเธอไม่ใช่แฟนเช่าจากอาลีบาบา ก็แสดงว่า เธอเหยียบเรือสองลำ!”
เย้นหว่านหน้าซีดลงทันที เธออยากจะปิดปากของวางหนิงเวยจริงๆ
เธอไม่สามารถทรยศมู่จื่ออี้ได้ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ เธอยิ่งพูดไม่ได้เลยว่าเธอไม่ใช่คู่หมั้นของโห้หลีเฉิน
ตอนนี้จะทำยังไงดี?
เย้นหว่านจะเดินไปทางไหนก็ยากไปหมด ตอนนั้นเธอกุมมือของโห้หลีเฉินแน่นมาก
พอรู้สึกได้ว่าผู้หญิงของเขากำลังเครียด โห้หลีเฉินก็ก้มหน้ามองใบหน้าที่กังวลของเย้นหว่าน ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เขาเม้มปากที่เรียวบางของเขา แล้วก็พูดออกมาเสียงเบา
“เมื่อวานคุณเห็นตอนกี่โมงหรอ?”
“เมื่อตอนทุ่มครึ่งของเมื่อวาน ในร้านอาหารบนถนนสายห้า”
วางหนิงเวยพูดออกมาอย่างมั่นใจ
คนรอบๆต่างพากันมองเย้นหว่านด้วยสายตาประหลาดใจ ตอนนี้ทุกคนมองเธอด้วยสายตารังเกียจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหยียบเรือสองลำ
เย้นหว่านรู้สึกปวดหัว อย่าบอกว่าเธอเหยียบเรือสองลำเลย เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์จริงๆกับผู้ชายทั้งสองคนนี้ด้วยซ้ำ
เธอต้องปฏิเสธมั้ย?
ตอนที่กำลังลังเลอยู่นั้น ก็มีเสียงของผู้ชายด้านข้างดังขึ้นมา
“เหอะ เมื่อวานตอนทุ่มครึ่ง เธอกินข้าวอยู่กับผมที่บ้านนะ”
คำพูดนี้ ทำให้คำพูดที่ผ่านมาของวางหนิงเวย กลายเป็นเรื่องโกหกไปทันที
วางหนิงเวยมองหน้าโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ ผ่านไปนานกว่าจะได้สติกลับมา
เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก ก็เห็นๆอยู่ว่าเย้นหว่านนั้นออกนอกลู่นอกทาง ทำไมเขายังปกป้องเธออีก?
พอเห็นว่าสายตาของคนรอบข้างเริ่มดูถูกเธอ วางหนิงเวยก็อับอายมาก แล้วก็พูดอย่างไม่เต็มใจว่า
“คุณโห้ ที่ฉันพูดนั้นมันคือเรื่องจริงทั้งนั้น ทำไมคุณต้องโกหกด้วย?”
“เหอะ คนที่กล้าพูดว่าผมโกหก มีคุณคนแรกเลยนะเนี่ย”
เสียงของโห้หลีเฉินเอ่ยออกมาเรียบๆ แต่ว่ากลับทำให้อุณหภูมิภายในห้องร้อนแรงขึ้นมาก
ผู้คนในนั้นตัวแข็งทื่อทันที ไม่มีใครกล้าทำเสียงอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
พวกเขาสามารถคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เย้นหว่านออกนอกลู่นอกทาง สามารถตำหนิได้ แต้ว่าโห้หลีเฉินเป็นใครกัน?
ทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งเมืองหนาน และเป็นห้างที่สูงตระหง่านที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด อยู่ตำแหน่งที่สูงที่สุด ไม่เคยมีใครกล้าตั้งคำถาม หรือกล้าขัดขืนมาก่อน
วางหนิงเวยก็พึ่งรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ตอนนั้นเองก็กลัวจนหน้าซีด แล้วก็รีบอธิบาย
“คุณโห้ ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้นค่ะ ฉัน…”
โห้หลีเฉินไม่ต้องการได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เขายกมือขึ้นมา
แล้วก็ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “โยนออกไป”
หลังจากพูดจบ ก็มีบอดี้การ์ดหลายคนปรากฏตัวขึ้นในงาน แล้วก็โยนวางหนิงเวยออกไปเหมือนขยะ
วางหนิงเวยกลัวจนหน้าซีดไปหมด คนที่โดนโห้หลีเฉินโยนออกไปนั้น ก็หมายความว่าจะโดนลบชื่อออกจากสังคมชนชั้นสูง
แต่ว่าเธอยังจับเศรษฐีเพื่อมาแต่งงานด้วยไม่สำเร็จเลย
“คุณโห้ ฉันผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันครั้งนึงเถอะนะคะ”
วางหนิงเวยขอร้องออกมาอย่างหวาดกลัว แต่ว่าพวกบอดี้การ์ดก็ไม่ใจอ่อนเลยซักนิด แล้วก็ลากเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงตะโกนของวางหนิงเวยห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าบรรยากาศภายในงานยังเต็มไปด้วยความกดดัน
ตอนแรกทุกคนในงานก็ได้แต่เห็นความหล่อเหลาของโห้หลีเฉินเท่านั้น ตอนนี้เองถึงได้สติกลับมาว่า คนๆนี้คือคุณโห้ผู้ทรงพลัง ถ้าเกิดว่าไม่พอใจอะไรขึ้นมา ก็สามารถทำลายอนาคตคนๆนึงได้อย่างสบายๆ
ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ทุกคนต่างทำเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็สลายตัวทันที
หลังจากเรื่องวุ่นวายได้ผ่านไปแล้ว เย้นหว่านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่พอเห็นสายตาที่โห้หลีเฉินมองมา เธอก็รู้สึกได้ถึงอันตราย
เธอยิ้มอย่างแข็งทื่อ “คุณโห้ ฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ”
โห้หลีเฉินเม้มปากแน่น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
“ที่จริงนั่นมันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เมื่อวานฉันไปกินข้าวกับเพื่อน แล้ววางหนิงเวยก็มายุ่งวุ่นวาย เพื่อนฉันก็เลยหาเรื่องโกหกไป บอกว่าฉันเป็นแฟนเขา เพื่อทำให้เธอเลิกยุ่ง”
เย้นหว่านมองหน้าโห้หลีเฉินอย่างไม่สบายใจ “ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้ ที่จะมาเจอวางหนิงเวยที่นี่”
มันเกือบจะเป็นเรื่องอื้อฉาวไปแล้ว
“ที่แท้เธอก็ชอบเป็นโล่ห์ให้คนอื่นสินะ”
โห้หลีเฉินมองหน้าเย้นหว่าน แล้วร่างสูงก็ก้าวเข้ามาหาเธออย่างอันตราย
แล้วเขาก็ถามออกมา “แล้วฉันที่เป็นคู่หมั้น เธอเอาไว้ตรงไหนหรอ?