บทที่ 31 ผู้หญิงที่โหดเหี้ยม
ฉินฉู่มองเย้นหว่านจนทำให้เธอตื่นเต้น ก็เลยรักษาระยะห่างกับเขาโดยอัตโนมัติ
“คุณชายฉิน มีเรื่องอะไรรึป่าวคะ?”?
“น้องสะใภ้ พวกเราก็เคยเจอกันมาตั้งกี่ครั้งแล้ว ครั้งที่แล้วที่เธอป่วยฉันก็ไปเฝ้าเธอทั้งคืน พวกเราก็นับว่าเป็นเพื่อนกันได้แล้วใช่มั้ย?”
พอเอาเรื่องที่เฝ้าไข้มาพูดแล้ว เย้นหว่านก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เธอได้แต่พยักหน้า “อืม”
ฉินฉู่ยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ “ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้ว เพราะฉะนั้นงานปาร์ตี้ที่ครอบครัวฉันเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ เธอต้องช่วยให้ฉันเป็นที่สนใจนะ?”
เย้นหว่านรู้สึกหายใจไม่ออก เธอยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
เธอปฏิเสธฉินฉู่ไม่ได้ แต่ว่าเธอก็ตกลงกับโห้หลีเฉินว่าจะเลี้ยงข้าวเย็น
เย้นหว่านลังเล แล้วก็หันไปมองหน้าโห้หลีเฉิน แล้วก็ถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“คุณโห้ หรือว่าพวกเราไปบ้านของฉินฉู่ด้วยกันดีมั้ยคะ?”
ไปงานปาร์ตี้ก็ได้กินข้าวเหมือนกัน แค่เปลี่ยนสถานที่เท่านั้นเอง
โห้หลีเฉิน มองหน้าเย้นหว่านด้วยสายตาคลุมเครือ “เธอแน่ใจว่าจะไป?”
เย้นหว่าน รู้สึกว่าคำถามของโห้หลีเฉินมันแปลกๆ เหมือนกับว่าเธอกำลังตกหลุมพราง
เธอคิดไม่ออกว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยได้แต่พยักหน้า
โห้หลีเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง
แล้วก็ออกคำสั่งว่า “ไป AK”
AKเป็นสถานที่ที่แต่งตัวให้กับพวกเศรษฐี มันหมายความว่า โห้หลีเฉินตกลงว่าจะไปด้วย
ทันใดนั้นฉินฉู่ ก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ถ้าเกิดว่าเย้นหว่านออกตัว ยังไงความคิดของโห้หลีเฉินก็เปลี่ยนได้
ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไป ถ้าอยากทำอะไรล่ะก็ ไปลงมือกับเย้นหว่านก่อนน่าจะได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและ แม่นยำกว่า
พอมาถึงAK เย้นหว่านก็ไปแต่งตัว
ฉินฉู่กลับไปก่อน ก่อนที่จะหลับไปนั้น ก็กำชับ เย้นหว่านหลายรอบมากว่า ยังไงเธอก็ต้องไปกับโห้หลีเฉินให้ได้
เย้นหว่านลังเลเล็กน้อย ได้แต่รู้สึกว่าฉินฉู่มีแผนอะไรซ่อนไว้ที่เกี่ยวกับโห้หลีเฉินแน่ๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
สไตล์ลิสก็ออกมาจากห้อง แล้วก็มองโห้หลีเฉินที่นั่งอยู่ตรงโซฟา แล้วก็เอ่ยปากพูดด้วยความเคารพ
“คุณโห้คะ คุณเย้นแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ”
โห้หลีเฉินวางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วก็เงยหน้าขึ้น
ก็เห็นประตูห้องถูกเปิดออกมา เย้นหว่านออกมาพร้อมกับสวมชุดเดรสประกายเพชรสีฟ้าออก กระโปรงยาวทำให้รูปร่างของเธอดูเรียวงามมากขึ้น ดูสมบูรณ์แบบและมีเสน่ห์มาก
เธอแต่งหน้าเรียบๆ ดูสวยงามและไม่สูญเสียความใสซื่อบริสุทธิ์ไป
โห้หลีเฉินเคยเห็นผู้หญิงที่สวยมากๆมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ว่ามีแต่ผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าเขาเท่านั้น ที่ทำให้เขาตะลึงจนใจอ่อนยวบไปหมด
เย้นหว่านโดนเขามองจนหน้าแดงไปหมด เธอทำตัวไม่ถูก
เธอก้าวเข้าไปหาเข้าด้วยรองเท้าส้นสูง “ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ”
“ไม่เป็นไร”
โห้หลีเฉินพูดออกมานิ่งๆ แล้วก็ยืนขึ้น ร่างที่สูงยาวก็ก้าวเข้าไปหาเย้นหว่าน
เขายื่นมือออกมา ทันใดนั้นก็กำมือเล็กๆของเธอไว้
เย้นหว่านอึ้งไป จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้ดึงมือตัวเองกลับมา
“คุณโห้?”
“อย่าขยับ”
โห้หลีเฉินหยิบแหวนเพชรออกมา ใบหน้าจริงจัง แล้วก็ค่อยๆสวมลงไปให้เย้นหว่าน
พอรู้สึกได้ว่าแหวนเพชรวงนั้นได้ถูกสวมเข้าไป หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นเร็วขึ้นมาทันทีอย่างควบคุมไม่ได้
เธอก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นี่คือแหวนหมั้นของพวกเธอ
แหวนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านของเธองั้นหรอ? ทำไมอยู่ดีๆมาอยู่ตรงนี้ได้?
เหมือนกับว่าเห็นความสงสัยของเธอ โห้หลีเฉินก็ค่อยๆอธิบายออกมา “ฉันให้เว่ยชีเอามาให้ ตัวตนของเธอคืนนี้ ก็คือคู่หมั้นของฉัน”
คู่หมั้น
คำเพียงหนึ่งคำนี้เหมือนกับค้อนที่มาทุบหัวใจของเย้นหว่าน
ตั้งแต่งานหมั้นเมื่อวันนั้น เธอก็ยังไม่เคยออกสู่สาธารณะชนด้วยตัวตนนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่เคยคิดเลยเหมือนกัน ว่าเธอจะได้ยืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉินในงานปาร์ตี้ด้วยตัวตนนั้นของเธอ
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่คฤหาสน์ในเขตชานเมืองของบ้านของฉินฉู่
คฤหาสน์หลังใหญ่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ตอนที่เข้าไปในประตูคฤหาสน์นั้น ก็เห็นพื้นด้านหน้าถูกปูด้วยพรมแดงยาว
รถแลมโบกินีจอดอยู่ปลายพรมแดง ก็มีพนักงานต้อนรับเดินเข้าไป และก็เปิดประตูทั้งสองด้านด้วยความเคารพ
เย้นหว่านลงจากรถ แล้วก็เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินมองหน้าเธอ แล้วก็กระซิบว่า “คืนนี้ต้องอยู่ข้างๆฉันเท่านั้นนะ”
ในฐานะที่เป็นคู่ครอง หรือว่าคู่หมั้นในงานเลี้ยง ก็ควรจะอยู่กับเขาในเวลาที่ควรอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ด้วยตลอดไม่ใช่หรอ?
เย้นหว่านรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม งานปาร์ตี้วันนี้มันมีอะไรกันแน่?
“พวกคุณมาจนได้”
ฉินฉู่เหมือนกับว่ารออยู่ตรงนี้มาตลอด เขาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง “ไปเถอะ พวกเราเข้าไปพร้อมกัน”
เย้นหว่านรู้สึกแปลกใจ ฉินฉู่เป็นเจ้าภาพ แต่ว่าไม่ยอมเข้าไป ต้องรอให้โห้หลีเฉินมาก่อนแล้วค่อยเข้าไป นั่นมันเพราะอะไรกัน?
โห้หลีเฉินที่รู้เล่ห์เหลี่ยมของฉินฉู่อย่างชัดเจนแล้ว ก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฉินฉู่ยิ้มอย่างพอใจ แล้วก็เดินตามเข้าไปทันที
ห้องโถงของงานปาร์ตี้ก็มีคนมาเยอะแล้ว สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายต่างยืนจับกลุ่มกัน แล้วก็คุยกันในเรื่องต่างๆ
แต่ถ้าตั้งใจสำรวจดูแล้วก็จะมองออกว่า งานวันนี้ผู้หญิงมาเยอะกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงส่วนให่แต่งตัวอย่างระมัดระวัง เปรียบดั่งดอกไม้ที่สวยงาม พวกเธอรักษาท่าทางที่หรูหรา บางทีก็เหลือบมองไปที่ประตู
เหมือนกับว่า กำลังรอใครบางคนอยู่
ทันใดนั้น ก็เกิดความวุ่นวายอยู่แถวประตู
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ตื่นเต้นดังขึ้นมา “ คุณชายฉินมาแล้ว”
หลังจากมีข่าวนี้ออกมา ทันใดนั้นผู้หญิงพวกนั้นก็กรูเข้าไปที่ประตู พวกเธอต้องการเป็นคนแรกที่เขาได้เห็น
งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ตระกูลฉินจัดขึ้น ถ้าดูภายนอกก็เหมือนกับว่าจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าความจริงแล้วนั้น มันเป็นงานนัดบอร์ด
ผู้หญิงพวกนี้ ก็มาเพราะว่าฉินฉู่
พวกผู้หญิงมองไปที่ประตูอย่างกระตือรือร้น สุดท้ายก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามา
มันไม่เหมือนกับที่คิดไว้ มีคู่ชายสองหญิงสอง ผู้ชายคนนึงในนั้น สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนในสถานที่นั้นได้
“พระเจ้า หล่อมากเลย!”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนจะจ้องจนท้องแล้วอะ เขาคือใครกัน? คุณชายฉินหรอ? ฉันจะแต่งงานกับเขา”
“ไม่ใช่คุณชายฉิน เขาคือโห้หลีเฉิน! พระเจ้า โห้หลีเฉินหล่อกว่าที่เขาว่ากันเป็นร้อยเท่า แค่มีเขาอยู่ ฉันก็ไม่มองผู้ชายคนอื่นแล้ว”
……
พวกผู้หญิงพวกนั้นจ้องไม่หยุด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบออกมา
ภายใต้ออร่าอันทรงพลังของโห้หลีเฉิน ฉินฉู่ที่เป็นเจ้าภาพงานวันนี้นั้น ก็ถูกละเลยไปทันที
เย้นเหวินหนานก็เดินออกมาจากฝูงคน แล้วก็ไปหยุดอยู่ข้างๆฉินฉู่
เขาพูดจาอย่างดูถูก “เด็กคนนี้นี่ช่างกล้าจริงๆ กล้าใช้หลีเฉินเป็นโล่ห์ให้ตัวเองอีก”
“การที่สามารถเรียกเขามาได้ ก็แสดงว่าผมมีความสามารถอยู่นะ”
ฉินฉู่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
มีโห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ด้วย วันนี้เขาก็จะอยู่อย่างปลอดภัย ไม่ต้องมานั่งรำคาญกับผู้หญิงพวกนั้น
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจกับสายตาพวกนี้เลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเย็นชามาก เขาเดินเข้าไปข้างในโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย
ในบรรดาผู้หญิงพวกนี้ ก็ต้องมีคนที่มีความกล้ามากอยู่แล้ว
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งสวยและก็มั่นใจในตัวเอง เธอลูบผมของตัวเอง แล้วก็เดินก้าวเข้ามาหาโห้หลีเฉิน
เธอยื่นมือไปหาโห้หลีเฉินอย่างสง่างาม “คุณโห้ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซูเม๋ย ยินดีที่ได้รู้จัก คุณอยากจะดื่มกับฉันสักแก้วมั้ยคะ?”
โห้หลีเฉินมองผู้หญิงที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขา สายตาของเธอเป็นประกายมาก
หลังจากนั้น เขาก็กุมมือเย้นหว่าน แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย
“ก็ต้องถามคู่หมั้นผมก่อนว่าเธอเห็นด้วยมั้ย”
คู่หมั้น? คำๆนี้เหมือนจะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้กลุ่มคนพวกนี้
ทันใดนั้นคนพวกนั้นก็หันไปมองเย้นหว่านด้วยสายตาอึ้งๆ