บทที่ 54 หรือว่า ถูกวางแผนไว้แล้ว
แต่ด้วยมารยาท เธอก็ไม่สามารถขับไล่คนไปได้
เย้นหว่านก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป เธอมีเวลาไม่มาก แล้วเธอก็หันกลับมาเริ่มทำงานอย่างตั้งใจอีกครั้ง
มู่จื่ออี้มองโห้หลีเฉินอย่างมีเจตนาแอบแฝง แววตาขุ่นมัว
โห้หลีเฉินมาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือ เกรงว่าน่าจะมาอยู่ที่นี่ควบคุมเขากับเย้นหว่าน
ไม่ใช่ว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วหรอ ทำไมถึงมีท่าทีคลุมเครือต่อเย้นหว่านแบบนี้?
แม้โห้หลีเฉินเพียงแค่อ่านหนังสืออย่างเงียบๆ แต่ความรู้สึกเป็นที่สนใจของเขาจริงๆแล้วมันมากมาย เดิมทีแล้วเย้นหว่านไม่สามารถมองข้ามการมีตัวตนของเขาได้เลย
เย้นหว่านเวลาทำงานขึ้นมาทีไรก็มีการระมัดระวังนิดหน่อย พูดคุยก็ลดเสียงเบาลง เป็นเวลานานสองนานถึงจะค่อยๆคุ้นชิน
เมื่อถึงตอนเที่ยง อาหารเที่ยงที่โรงแรมเตรียมไว้ก็ถูกส่งมา
เครื่องเคียงไม่กี่อย่าง สำหรับสองคน
หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟเข้ามา เห็นว่าในห้องยังมีอีกคนนึง จึงรีบพูดทันที
“ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าพวกคุณมีกันสามคน เดี๋ยวฉันจะรีบไปนำอาหารมาเพิ่มอีกสำหรับคนนึงทันที”
“ไม่ต้อง”
โห้หลีเฉินวางหนังสือลง แล้วลุกขึ้นยืน
เย้นหว่านนึกว่าเขาต้องการจะไป จึงต้องไปส่งเขา กลับได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำเชิงปฏิเสธของโห้หลีเฉิน
“เอาอาหารมาให้ผมชิม”
เย้นหว่าน “……” เมื่อถึงเวลาชิมอาหารอีกครั้ง เนื่องจากเธอไม่สามารถปฏิเสธได้
ทำได้เพียงแค่หันไปพูดกับมู่จื่ออี้ “จื่ออี้ คุณกินข้าวไปก่อนนะ ฉันมีธุระนิดหน่อยต้องออกไปทำ กลับมาช้าหน่อย”
มู่จื่ออี้สายตาอ่านยาก บนใบหน้าหล่อกลับประดับรอยยิ้ม ตอบรับอย่างจริงใจ
“ได้”
เย้นหว่านจึงตามโห้หลีเฉินออกไป
ภายในห้อง มู่จื่ออี้เห็นชามกับตะเกียบสองชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทันใดเขาก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย ดูหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด
อาหารอันโอชะที่อยู่บนโต๊ะ เย้นหว่านกินไปได้คำเดียว ไม่เพียงแต่ต่อมรับรสพอแล้วเท่านั้น ท้องก็อิ่มด้วย
กินข้าวเสร็จแล้ว เย้นหว่านก็กลับห้องมาทำงาน สิ่งไม่คาดคิดก็คือ โห้หลีเฉินก็ยังกลับมาห้องด้วย
เขานั่งลงบนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา แล้วก็พลิกอ่านหนังสือต่อ
เห็นเขาตั้งใจอ่านขนาดนั้น เย้นหว่านก็เกรงใจไม่ว่าอะไรอีก แล้วก็เริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งอีกครั้ง
เวลาเร่งด่วนผ่านไปเร็วมาก ราวกับพริบตาเดียว เวลาผ่านไปไม่กี่วัน
การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น
การแข่งขันจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเวลาสองทุ่ม หลังจากรอบรองชนะเลิศก็เป็นเวทีที่ต่อหน้าผู้ชมทั้งประเทศ จะต้องมีผู้ชมจำนวนมากอยู่ที่นั่น และก็ยังมีเครื่องถ่ายทอดสดนับไม่ถ้วนไปยังผู้ชมด้านหน้าเวที
ยิ่งใหญ่ และครึกครื้นอีกด้วย
หกโมงเย็น เย้นหว่านมาถึงหลังเวทีการแข่งขัน
เธอกำลังจะเดินไปยังตำแหน่งของตนเองที่แบ่งไว้ ทันใดนั้นกลับได้พบกันกับโอวน่อหย่า
โอวน่อหย่าแต่งตัวสวยมาก แต่งหน้าประณีตงดงาม สวยข่มขวัญผู้คน
เธอมองเย้นหว่านอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุ
“เย้นหว่าน ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอนี่ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมงานแข่งขัน ฉันยังนึกว่าเธอไม่มีเวลาออกแบบ”
หยุดชะงัก เธอก็พูดอย่างแดกดันอีกประโยค ” หรือว่าเพราะเวลาไม่มาก เธอก็เลยทำงานออกมาแบบชุ่ยๆ ถ้าหากว่าเธอเอาผลงานกากๆออกมาโชว์ ก็อาจจะทำให้พวกเราขายหน้าในการแข่งขันออกแบบแฟชั่นOviได้”
เธอพูดเสียงดัง ทำให้ผู้คนมากมายรอบตัวได้ยิน
และนี่ก็เป็นปัญหาที่กังวลร่วมกันสำหรับดีไซน์เนอร์คนอื่น
พวกเธอต่างก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ทุกๆคนมีความสามารถแข็งแกร่ง ถ้าหากผลงานของเย้นหว่านกากเกินไป ไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองขายหน้า และจะทำให้พวกเขาขายหน้าตามไปด้วย
โอวน่อหย่าพูดไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เย้นหว่าน สูญเสียดีไซน์เนอร์ทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
รู้สึกถึงรอบด้านเต็มไปด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร เย้นหว่านเม้มริมฝีปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ผลงานของฉันมันจะเป็นยังไง รอถึงการแข่งขันเดี๋ยวก็รู้เอง”
“งั้นฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอก็แล้วกัน เธอก็ต้องสู้ๆนะ”
โอวน่อหย่ายิ้มขณะพูด ดวงตาเต็มไปด้วยประกายเจตนาร้าย เหมือนกับว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่
เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ทุกคนมากันครบแล้วใช่มั้ย?”
โกย่านีเดินออกมา เรียกให้ดีไซน์เนอร์ทุกคนมารวมตัวกัน อธิบายกฎกติกาและข้อควรระวังเมื่อการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
สุดท้ายพูดว่า “ลำดับการแข่งขันครั้งนี้ก็จะเลือกโดยการจับฉลาก ทุกหมายเลขจะกำหนดนางแบบเดินโชว์หนึ่งคน
ลำดับการโชว์แบบสุ่ม นางแบบก็แบบสุ่ม
ทั้งหมดก็เป็นรอบการแข่งขันพูดอย่างแข็งแกร่ง
“โอวน่อหย่า ออกโชว์หมายเลขหนึ่ง”
โกย่านีเห็นประกาศหมายเลขที่จับฉลาก ลำดับที่สอง ที่สามตามลำดับ
จนถึงลำดับสุดท้าย ถึงจะเป็นเย้นหว่าน
โชว์รอบสุดท้าย สายที่สุด ผู้ชมและกรรมการทั้งหมดอาจจะเหนื่อยล้า ความต้องการของผลงานก็จะพิเศษอย่างมาก
แต่ก็เป็นฉากสุดท้ายของงาน และนอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีในการทำให้ผู้ชมประหลาดใจ
เย้นหว่านกลับไม่ได้ใส่ใจ แม้ว่าจะมั่นใจในตนเองมาก แต่หลังจากที่เธอเห็นนางแบบของตนเอง เธอรู้สึกไม่ดีเลย
วางหนิงเวยมองไปที่เย้นหว่าน สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เย้นหว่าน เป็นศัตรูที่ไม่ได้พบกันนานจริงๆ ที่ไหนได้ต้องการให้ฉันเดินแบบให้ ? รังเกียจฉันหรอ”
เย้นหว่านในใจรู้สึกหนาวสั่น ที่แท้ก็ให้วางหนิงเวยสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบเดินแคทวอล์ค ไม่ใช่ว่ารังเกียจการออกแบบของเธอไม่ใช่หรอ?
“วางหนิงเวย นี่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คุณเป็นนางแบบฉันเป็นดีไซน์เนอร์ จับคู่แล้วคุณก็ต้องเดิน”
เย้นหว่านขณะพูด แล้วก็กำลังปลอบใจตนเอง
วางหนิงเวยเดินเข้าไปใกล้เย้นหว่าน ยิ้มหยัน” เย้นหว่าน หรือว่าคุณก็ไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไร ทำลายการออกแบบของคุณหรอ?
ตั้งแต่ครั้งที่เห็นแววตาของวางหนิงเวย เย้นหว่านก็กำลังกังวลใจกับปัญหานี้
แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก ยิ่งไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนนางแบบ
เย้นหว่านสีหน้านิ่งครึ้ม น้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“ฉันจะคอยจับตาดูคุณ ถ้าหากคุณกล้าจะเล่นตุกติก ฉันก็จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ อาชีพนางแบบของคุณก็จะถูกทำลาย”
อย่างมากก็แค่พังพินาศไปด้วยกัน
วางหนิงเวยยักไหล่ไม่พูดอะไร “ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น”
ทันใดนั้นทั้งสองก็มองฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งอย่างขัดตา ที่ต้องจับคู่กัน
แต่เย้นหว่านหลังจากเริ่มการแข่งขัน เธอเหลือเวลาขึ้นเวทีอีกไม่นาน ที่จะนำเสื้อผ้าที่เธอออกแบบออกมาให้วางหนิงเวยเปลี่ยนสวมใส่
ถึงแม้ว่าเวลาที่เปลี่ยนเสื้อผ้า เย้นหว่านก็ตามเข้าไปในห้องเสื้อ มองเธอด้วยสายตาอาฆาต
กลัวว่าวางหนิงเวยจะเล่นตุกติกอะไร แล้วฉีกเสื้อผ้าของเธออะไรต่อมิอะไรต่างๆ
“เย้นหว่าน วางใจได้ หากว่าฉันต้องการจะเล่นงานคุณก็จะไม่ใช่วิธีต่ำๆแบบนี้หรอก ทำให้ตนเองเหนื่อยเปล่า”
วางหนิงเวยกลับไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มองไปที่เย้นหว่าน บนใบหน้ามักประดับไปด้วยรอยยิ้มมุ่งร้าย
เย้นหว่านรู้สึกตื่นตระหนก มักจะรู้สึกว่าจะมีลางสังหรณ์อะไรที่ไม่ดี
“เย้นหว่าน ถึงคิวคุณแล้ว”
โกย่านีเดินเข้ามาเตือน
เย้นหว่านรู้สึกประหม่าเล็กน้อย มองที่วางหนิงเวย
“ไปกันเถอะ”
“โอเค”
วางหนิงเวยยิ้ม ขณะอยู่บนรองเท้าส้นสูง ก็เดินไปยังทิศทางทางเข้าของเวที
นี่คือชุดแต่งงานสีขาว สีเด่นเอาสีขาวเป็นหลัก ดูแล้วเหมือนนางฟ้ามีออร่า สวยงามมาก
โกย่านีมองที่วางหนิงเวยแล้วพยักหน้า อยู่ข้างๆเย้นหว่านแล้วพูดเสียงเบา
“พูดจริงๆ อันนี้ที่คุณออกแบบ ไม่เกิดเรื่องก็จะเป็นที่หนึ่งในคืนนี้”
เสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์คนอื่นถึงแม้ว่าดูดีมาก แต่กลับประณีตและงดงามไม่เท่าเสื้อผ้าชุดนี้ของเย้นหว่าน
เธอเป็นคนมีพรสวรรค์ก็ควรจะได้เป็นดีไซน์เนอร์
เย้นหว่านยิ้มอย่างมีมารยาท จ้องมองไปที่วางหนิงเวยอย่างเอาจริงเอาจัง ถ้าหากต้องการเปลี่ยนนางแบบ เธอก็ไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้น
นางแบบที่อยู่ข้างหน้าถึงคิวลงมา ถึงคิวที่วางหนิงเวยต่อแถวขึ้นเวที
วางหนิงเวยเดินออกไปด้วยท่าทางสง่างาม ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เวลานี้ พนักงานเสริ์ฟกำลังยกถาดไวน์แดงทางด้านนึงเดินเข้ามา เผชิญหน้ากับวางหนิงเวยแล้วชนกันเข้าพอดี
“ชุดของฉัน!”
ตอนที่เห็นไวน์แดงราดลงไปบนเสื้อผ้า เย้นหว่านรู้สึกมึนงง