บทที่ 67 คุณว่าผมต้องการทำอะไร
เมื่อเห็นความลำบากใจของเย้นหว่าน จูเหลียนอีงก็ยิ้มด้วยความเมตตา และพูดต่อ:
“เฉิน พาเสี่ยวหว่านไปพักผ่อนที่ห้องของเธอเถอะ”
จะให้ไปนอนที่ห้องของโห้หลีเฉินเลยเหรอ?
อยู่ห้องเดียวกัน? นอนเตียงเดียวกัน?
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยนอนกับโห้หลีเฉินด้วยกันเพราะเหตุผลหลายประการ แต่อยู่ในบ้านของเขา ต่อหน้าผู้ใหญ่ และยังถูกจัดให้นอนด้วยกันแบบนี้ตรงๆ เย้นหว่านรู้สึกว่าคนทั้งคนตื่นตระหนกไปหมด
อยากพูดแย้งอะไรเล็กน้อย กำลังจะอ้าปาก โห้หลีเฉินก็ส่งเสียงที่ทุ้มต่ำน่าดึงดูดดังขึ้นข้างหู
“ครับ คุณยายเองก็รีบพักผ่อนนะ”
คำพูดของเย้นหว่านติดอยู่ตรงลำคอทันที
โห้หลีเฉินเหลือบตามองเย้นหว่าน และจู่ๆก็เข้ามาใกล้หูของเธอ น้ำเสียงติดหยอกล้ออยู่ในที
“ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว คุณต้องคุ้นชิน”
เย้นหว่าน: “……” เรื่องแบบนี้สามารถคุ้นชินได้อย่างไร?
เธอแก้มแดงเรื่อยิ่งกว่าเดิมทันที
ห้องนอนของโห้หลีเฉินกับวิลล่าส้ายน่าสไตล์การตกแต่งไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ ดูเหมือนห้องสองห้องที่ไม่แตกต่างกันนัก เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่ ล้วนเป็นสไตล์ของเขาทั้งหมด
เย้นหว่านนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับรู้สึกคุ้นเคยเล็กๆน้อยๆ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็ยิ่งกระดากอายมากขึ้น ยืนอยู่กลางห้อง ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะทำอะไรดี
โห้หลีเฉินมองดูผู้หญิงตัวเล็กที่อ่านยาก และเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นโค้งเล็กน้อย
เธอปรากฏตัวอยู่ในห้องของเขา ราวกับว่าเธอควรจะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ดูกลมกลืนอย่างมาก
เขากวักมือไปทางเธอ “มานี่”
เข้าไปทำอะไร?
เย้นหว่านมีความสงสัย แต่ก็ยังเดินเข้าไป
“คุณโห้……”
เธอกำลังเอ่ยปาก ก็รู้สึกตกใจเมื่อชายหนุ่มยื่นมือออกมาดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน กลิ่นฮอร์โมนอันแรงกล้าของเพศชายที่ลอยมาแตะจมูก
เย้นหว่านเกร็งร่างกายทันที “คุณ คุณทำอะไร?”
“ชายหญิงอยู่กันตามลำพัง อยู่ในห้องเดียวกัน คุณว่าผมต้องการทำอะไร?”
เสียงแหบพร่าที่อันตรายของโห้หลีเฉิน
สายตาของเขาทั้งลึกซึ้งและอันตราย ใบหน้าหล่อเหลากำลังขยับใกล้เข้ามาทีละนิดๆ
เย้นหว่านตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก แก้มใสแดงเรื่อ ทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าโห้หลีเฉินซึ่งเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดทาง จู่ๆก็ทำเรื่องแบบนี้กับเธอ
เธอรีบดิ้นเป็นพัลวันพร้อมผลักเขา
“คุณอย่าทำอย่างนี้ อย่า……”
ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะดิ้นรน โห้หลีเฉินล้มลงตามสถานการณ์ ทั้งสองคนก็กลิ้งไปบนเตียง
เตียงขนาดใหญ่ที่นุ่ม ราวกับฝังเย้นหว่านเข้าไปไว้ทันที แต่ด้านบนของเธอ เป็นร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินที่ทับลงมา
เย้นหว่านหายใจลำบากแล้ว “คุณโห้……”
“เรียกชื่อของผม”
โห้หลีเฉินขัดจังหวะคำพูดของเย้นหว่าน เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยเสน่ห์
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับท่าทางใดๆ เย้นหว่านยังคงตื่นเต้นจนแทบสิ้นใจ กลัวว่าเขาจะทำการอุกอาจอีก
เธอเอ่ยปากพูดอย่างลนลาน “โห้หลีเฉิน?”
สามคำที่คุ้นเคยที่สุด เรียกออกมาจากปากของเธอ นึกไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกอีกแบบ
ดวงตาของโห้หลีเฉินขรึมลงและขรึมลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากบางก็กดลงไปทันที
“อื้อ!”
ไม่ใช่ว่าให้เรียกชื่อหรือ ทำไมนึกจะจูบก็จูบ
คนทั้งคนของเย้นหว่านราวกับจะระเบิดแล้ว ตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก พยายามที่จะผลักเขาออกไป แต่ว่าความยับยั้งมีไว้ซึ่งพละกำลังของผู้ชาย ระยะห่างแม้แต่เซนติเมตรเดียวเธอก็ผลักเขาออกไปไม่ได้
จูบของเขารุนแรงมากขึ้น ราวกับพายุฝนที่บ้าคลั่ง ม้วนเอาความสวยหวานของเธอเอาไว้
ร่างของชายหนุ่มยิ่งกดลงอย่างช้าๆ ร่างกายของวัยหนุ่มสาวทั้งสองแนบชิดกันไร้ช่องว่าง ราวกับว่าพวกเขากำลังจะหลอมรวมกระดูกและเลือดของกันและกัน
ร่างกายของเย้นหว่านอ่อนยวบอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และหัวสมองค่อยๆว่างเปล่า
การต่อต้านของเธอและสติ ทั้งหมดค่อยๆกลายเป็นความอ่อนแรง
ในห้อง เต็มไปด้วยความละมุน
“แกร๊ก”
ตอนที่บรรยากาศในห้องกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ทันใดนั้นประตูห้องก็คนถูกเปิดออกจากด้านนอก และแม่บ้านเก่าแก่ก็ยกถาดเดินเข้ามา
“คุณชาย คุณหนู คุณหญิงท่านให้ดิฉันเอาอาหารมื้อดึกของพวกคุณมา……”
คำพูดของเขาพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ต้องกลืนทั้งหมดกลับลงไปในท้อง
แม่บ้านเก่าแก่มองทั้งสองคนที่กำลังพัวพันกันบนเตียง พลันใบหน้าแก่ก็แดงแล้วแดงอีก
เมื่อได้ยินเสียงนั้น สติของเย้นหว่านก็กลับคืนมา ตื่นขึ้นมาทันที เธอหันหน้าไปก็มองเห็นแม่บ้านเก่าแก่
เธอตะลึงงัน ฉับพลันก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหน
“คุณ คุณรีบออกไป”
เย้นหว่านหน้าแดงเรื่อพร้อมผลักโห้หลีเฉินด้วยหัวใจที่เต้นแรง
โห้หลีเฉินยอมลุกขึ้นนั่ง ยกมือแล้วดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมบนตัวของเย้นหว่าน จากนั้นถึงได้มองไปที่แม่บ้านเก่าแก่อย่างไม่พอใจ
“วางไว้เถอะ”
“……ค่ะ”
แม่บ้านเก่าแก่ใบหน้าแดงเถือก กุลีกุจอจากไป ก่อนที่จะออกไป ก็จ้องมองไปที่เตียงอีกครั้งโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ ประกายแวววาววาดผ่านดวงตาเล็กน้อย
เย้นหว่านฝังใบหน้าอยู่ในผ้าห่ม รู้สึกว่าไม่มีหน้าไปพบคนแล้ว
เธอพูดพึมพำ “แม่บ้านของคุณเข้ามาในห้องคน โดยไม่ต้องเคาะประตูหรือ?”
“อาจจะเป็นการจงใจเข้ามาเพื่อดูอะไรบางอย่าง”
โห้หลีเฉินตอบอย่างเป็นธรรมชาติ มองเย้นหว่านที่อยู่ในผ้าห่ม “ถูกคนรบกวนแล้ว คุณผิดหวังมาก? ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาต่อกัน?”
“ไม่ใช่ซะหน่อย!”
เย้นหว่านรีบตอบกลับ ดึงผ้าห่มออกก็กระโดดออกจากเตียงอีกฝั่งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะอับอาย เธอก็ยังต้องขอบคุณแม่บ้านเก่าแก่ที่บุกเข้ามาอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นระหว่างเธอและโห้หลีเฉินก็ยังไม่รู้ว่าจะพัฒนาเป็นอะไรยังไง
เย้นหว่านเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์ มองดูกับข้าวง่ายๆและซุปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมาเตรียมดื่มซุปเพื่อกดทับความตกใจ
“คุณแน่ใจนะว่าอยากกิน?”
เย้นหว่ายนั่งอยู่บนเตียง มองไปที่เย้นหว่านโดยไม่คาดคิด
การกระทำของเย้นหว่านหยุดลงชั่วครู่ มองดูที่ซุป แล้วก็มองไปที่โห้หลีเฉิน “มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” มันเป็นเพียงซุปอัณฑะกวางบำรุงขนานใหญ่เท่านั้น คุณกินแล้ว ตอนกลางคืนก็แค่ร้อนนิดหน่อย และอาจต้องการทำอะไรบางอย่าง”
โห้หลีเฉินพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย
แก้มของเย้นหว่านกลับแดงจนจะสามารถหยดเป็นเลือดแล้ว โยนช้อนกลับไปอย่างลนลาน
อาหารมื้อดึกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถกินไปเรื่อยได้จริง ๆ
——
ถึงจะพักค้างคืนที่บ้านของตระกูลอย่างกะทันหัน แต่เนื่องจากเย้นหว่านได้นำกระเป๋าเดินทางกลับมาจากโรงแรมด้วย เธอจึงมีชุดนอนสำหรับสวมใส่แล้ว
เธอเลือกชุดนอนที่มิดชิดปลอดภัยต่อตัวที่สุดชุดหนึ่งสวมใส่ ก็นอนลงบนเตียง และคลุมตัวเองอย่างแน่นหนา
ในห้องน้ำ เสียงน้ำที่กำลังอาบน้ำดังลอยมา
เย้นหว่านฟังแล้วรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย เธอไม่ฟังเด็ดขาด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
เมื่อเธอเปิดเครื่อง ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับนับไม่ถ้วน และข้อความWeChatนับสิบ
สายโทรเข้าส่วนใหญ่เป็นของมู่จื่ออี้กับคนในครอบครัว และข้อความในWeChatส่วนใหญ่ส่งโดยกู้จื่อเฟยและเพื่อนๆ ซึ่งล้วนเป็นห่วงว่าทำไมเธอถึงทิ้งการแข่งขันไปอย่างกะทันหัน
หลังจากที่เย้นหว่านตอบข้อความทีละข้อความแล้ว สุดท้ายถึงได้โทรกลับไปให้มู่จื่ออี้
รับสายแล้ว ก็ได้ยินเสียงที่น่าฟังแต่กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของมู่จื่ออี้ส่งมาตามสาย
“เย้นหว่าน เกิดอะไรขึ้นกับคุณใช่หรือไม่? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? สบายดีไหม?”
“ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นกังวล”
เย้นหว่านตอบอย่างอดทน การปฏิบัติต่อกันในช่วงนี้ ที่มู่จื่ออี้ทำดีต่อเธอ เป็นห่วงเป็นใย เธอรู้ทั้งหมด และก็นับถือมู่จื่ออี้ให้เป็นเพื่อนที่จริงใจ
“มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย ดังนั้นถึงได้ออกจากการแข่งขันกลางคัน”
“เหตุผลอะไรสามารถบอกผมได้ไหม? ผมอยากช่วยคุณ”
มู่จื่ออี้เสียงเคร่งขรึม มีความเป็นห่วงและความกังวลที่ไม่สามารถปกปิดได้
เย้นหว่านเม้มๆริมฝีปาก “ไม่มีอะไรแล้ว ฉันจัดการได้แล้ว”
เธอก็ไม่ถือว่าโกหก โอวน่อหย่าได้ให้ตระกูลโห้ทราบเรื่องนี้แล้ว และคุณยายโห้ก็ไม่ได้ตำหนิเธอ ก็ถือว่าเรื่องนี้ได้กระจ่างแล้ว
มู่จื่ออี้ดูเหมือนจะหดหู่ไปเล็กน้อย “ก็ดีแล้ว”
หยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นมาอีก “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ผมไปหาคุณ”
อยู่ไหน?
เย้นหว่านมองไปที่ห้องอย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเห็นโห้หลีเฉินที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
เขาพันผ้าเช็ดตัวสีขาวรอบเอวผืนเดียวเท่านั้น เผยร่างกายส่วนบนที่สวยงามและสมบูรณ์แบบที่สุดออกมา แม้กระทั่งด้านบนยังคงมีหยดน้ำที่ไหลลงมาช้าๆเซ็กซี่จนกระชากชีวิต
เย้นหว่านรู้สึกได้ว่าแก้มร้อนผ่าวทันที