บทที่ 65 คุณยายโห้โมโหจนล้มป่วย
โห้หลีเฉินขับรถตลอดทางพาเย้นหว่านกลับยังเมืองเฉิงหนาน
ตอนที่ผ่านถนนสายหลัก เย้นหว่านก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่บนตึกระฟ้า จอภาพกำลังฉายการสัมภาษณ์ของโอวน่อหย่า
การแข่งขันการออกแบบเครื่องแต่งกายOviในคืนนี้ เธอได้รับรางวัลชนะเลิศ
สื่อจำนวนมากกำลังสัมภาษณ์เธออยู่ และเธอกำลังพูดถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลอย่างถ่อมตัว
เย้นหว่านไม่ง่ายเลยที่จะผ่อนคลายอารมณ์บ้างแล้ว ทันใดนั้นก็ตกลงสู่ก้นหุบเขาอีกครั้ง
ในอนาคตเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นไปบนเวทีอันงดงามนี้อีกต่อไป
โห้หลีเฉินที่กำลังขับรถสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย้นหว่าน จึงได้หยุดรถลงที่ริมถนน
เขาหันหน้าไป ดวงตาคมลึกจ้องมองไปทีเธอ
“เย้นหว่าน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากถามเธอในคืนนี้
เย้นหว่านที่ในใจขมขื่น มองดูโห้หลีเฉินด้วยความลังเลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องบาดหมางส่วนตัวของเธอกับโอวน่อหย่า โอวน่อหย่าทำเรื่องมากมายขนาดนั้น ก็เพียงเพื่อทำร้ายเธอ
แต่เมื่อพูดถึงมัน จุดอ่อนเหล่านั้นที่โอวน่อหย่ากุมเอาไว้ ก็มีความเกี่ยวข้องกับโห้หลีเฉิน ถึงขนาดพัวพันถึงเขา
เย้นหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเล่าเรื่องที่โอวน่อหย่าคุกคามเธอบอกกับโห้หลีเฉิน
“คุณโห้ ขอโทษนะคะ เพราะฉันเป็นสาเหตุ ทำให้โอวน่อหย่ารู้การหมั้นปลอมๆของพวกเรา ฉันจะพยายามปลอบประโลมเธออย่างเต็มที่ ไม่ให้เธอนำเรื่องนี้ไปบอกกับคุณนายใหญ่ตระกูลโห้”
ตอนที่โห้หลีเฉินมานั้น เขาก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นเพราะโอวน่อหย่าทำอะไรสักอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเพราะเรื่องนี้
เขาหรี่ตาลง จู่ๆก็โน้มตัวไปใกล้ๆเย้นหว่าน
เขาจับจ้องที่เธอ ถามขึ้นด้วยประโยคเน้นๆ:
“คุณเป็นห่วงคนในครอบครัวของผมมาก?”
ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้มาก ลมหายใจแทบจะทั้งหมดรินรดอยู่บนใบหน้าของเธอแล้ว ถึงขนาดที่ว่าสร้างรสชาติที่วาบหวามออกมา
เย้นหว่านกระชับร่างกายไว้ทันที หัวใจเต้นเร็วรัวๆ
เธอพูดไปมากมายขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าจุดสำคัญที่คุณโห้จับได้คือสิ่งนี้
เย้นหว่านรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “อย่างไรเรื่องที่ฉันเคยรับปากคุณไว้ ก็ต้องทำให้ได้”
เมื่อเห็นท่าทางของเย้นหว่านที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง รอยยิ้มในดวงตาของโห้หลีเฉินยิ่งลึกซึ้ง
แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็ยอมทิ้งความฝันที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพื่อเขา เขาไม่เชื่อว่ามันเป็นเพียงเพราะคำสัญญา
เพียงแค่กลัวว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ โดยอยู่ในห้วงที่ไม่ทันรู้ตัว ตำแหน่งของเขาที่อยู่ในใจเธอก็กลายเป็นสิ่งสำคัญไปแล้ว
“ครืดครืดครืด——“
โทรศัพท์ส่วนตัวของโห้หลีเฉินดังขึ้น
มีคนไม่มากที่รู้หมายเลขโทรศัพท์นี้ โห้หลีเฉินไม่ต้องคิดมาก กดรับสายทันที
ฟังเสียงในโทรศัพท์ไป สีหน้าของเขายิ่งอยู่เคร่งขรึม
เมื่อเห็นเขาวางสายแล้ว เย้นหว่านรู้สึกสงสัยและมีความกังวล ถามขึ้นด้วยความประหม่า:
“คุณโห้ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ไอพิฆาตพาดผ่านในดวงตาของโห้หลีเฉิน จากนั้นดวงตาลุ่มลึกก็จ้องมองที่เย้นหว่าน
“คุณยายรู้เรื่องรูปถ่ายแล้ว”
“อะไรนะ? โอวน่อหย่าละเมิดข้อตกลงเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”
เย้นหว่านตื่นตระหนกตกใจ โกรธอย่างมาก ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกถึงความลึกซึ้งที่น่าหงุดหงิด
เธอกระพริบตาเล็กน้อย “แล้วคุณยายทางนั้นว่าอย่างไร?”
“ยังไม่แน่ใจ เป็นแม่บ้านที่บอกกับผม ผมต้องกลับไปทันที”
นิ่งไปชั่วครู่ โห้หลีเฉินก็มองไปทางเย้นหว่าน “กลับไปกับผมไหม?
“ค่ะ”
เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบหลักของเย้นหว่าน เธอจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลใดๆ “ฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณนายใหญ่ตระกูลโห้อย่างละเอียด”
จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณนายใหญ่ตระกูลโห้เชื่อเธอให้ได้
โห้หลีเฉินมองดูเย้นหว่าน “ไม่ต้องกังวลมาก คุณยายไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เย้นหว่านถึงได้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ยังดีที่คุณนายใหญ่ตระกูลโห้เข้าใจเหตุผล อย่างน้อยก็รอให้พวกเขากลับไปให้คำอธิบาย จะได้ไม่ต้องประสบกับความตื่นเต้นที่หนัก และเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
คฤหาสน์ตระกูลโห้ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่หรูหราที่สุดในใจกลางเมือง ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปมีความงดงามและย้อนยุค ราวกับปราสาทที่สูงตระหง่านในตำนานและเหมือนฝัน
ลัมโบร์กีนีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นหยุดลงตรงหน้าประตูหลัก ทันใดนั้นก็มีเด็กรถสองคนก้าวมาข้างหน้า และเปิดประตูรถออก
เย้นหว่านลงจากรถ ก็เห็นคนแก่ในชุดแม่บ้านเดินมาตรงหน้าของหลีโห้เฉินอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“คุณชาย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหญิงใหญ่ไปพูดอะไรกับคุณหญิงท่าน คุณหญิงท่านโกรธมาก โกรธจนเป็นลมล้มพับไป”
ใบหน้าของโห้หลีเฉินก็ขรึมลงทันที แล้วขยับขาที่ยาวเดินตรงเข้าไปข้างใน
เย้นหว่านรีบตามขึ้นไปด้วย ในใจเต้นรัวอย่างไม่สบายใจ
ถึงแม้จะไม่แน่ใจ แต่เธอก็รู้สึกว่าคุณหญิงท่านโกรธจนล้มป่วยเป็นเพราะเธอ
ในห้องนอน นอกจากคุณหมอแล้ว ยังรายล้อมด้วยคนไม่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็นญาติของตระกูลโห้
โห้หลีเฉินเดินเข้ามา ผู้คนที่ยืนอยู่รอบเตียงก่อนแล้วก็รีบหลบทางให้
โห้หลีเฉินมองคนแก่ที่นอนอยู่บนเตียง ความหม่นหมองเกิดขึ้นในดวงตา แล้วพูดถามคุณหมออย่างเย็นชา
“คุณยายเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณหญิงท่านได้รับความกระทบกระเทือนใจ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น แต่คุณโห้โปรดวางใจ ตอนนี้ลดลงมาเป็นปกติแล้ว”
คุณหมอพูดตอบ พูดเสร็จ ก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “สภาพร่างกายของคุณหญิงท่านไม่ดีนัก ไม่ควรมีเรื่องกระทบกระเทือนท่านอีก”
ความกดดันรอบกายของโห้หลีเฉินก็ยิ่งลดลง หันกลับมา สายตาที่เย็นเยือกจับจ้องไปที่ป้าใหญ่เฝิงเสวียนหลัน
ทุกๆคำ ล้วนอันตรายอย่างมาก “เฝิงเสวียนหลัน ใครให้คุณใจกล้าพูดเรื่องเหลวไหลต่อหน้าคุณยายกัน?”
ร่างสูงใหญ่ที่มุ่งมาทางที่เฝิงเสวียนหลันอยู่ ก็รู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจในขณะนี้
เธอเดินถอยหลังด้วยความกลัว และมองเห็นเย้นหว่านยืนอยู่นอกฝูงชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นึกไม่ถึงว่าเธอมาแล้ว? พอดีเลย
เฝิงเสวียนหลันดวงตาเป็นประกาย มีความมั่นใจอีกครั้ง
“หลีเฉิน เธอพูดแบบนี้กับป้าใหญ่ได้ยังไงกัน? เรื่องของเย้นหว่านกับมู่จื่ออี้ถูกบุคคลนิรนามส่งมาที่บ้านแล้ว แต่เป็นคุณหญิงท่านที่เห็นมันด้วยตนเอง”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ควรโมโหจนล้มป่วยก็ยังคงต้องโมโหจนล้มป่วย ตัวการมันก็คือเย้นหว่านเสมอ
ในตอนนี้คนอื่นๆในห้องก็สังเกตเห็นเย้นหว่านแล้ว ดวงตาที่มองเธอล้วนกลายเป็นความโกรธและรังเกียจขยะแขยงมากมาย
คุณลุงกู้เฮ่อจูนเดินออกมาด้วยความโกรธจัด ด่าว่าเสียงดัง
“เย้นหว่าน ทำไมเธอยังกล้ามาที่บ้านของฉัน? หมั้นกันไม่กี่วันก็เกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างนี้ เธอยังขายหน้าของตระกูลโห้ไม่มากพออีกหรือ?”
ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะไม่มีอะไรใดๆในใจ แต่สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือสถานการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
สีหน้าของเธอค่อนข้างขาวซีด รีบร้อนอธิบาย
“เรื่องนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน ระหว่างฉันกับมู่จื่ออี้ไม่มีเรื่องอะไรกันทั้งนั้น ขอให้พวกคุณเชื่อฉัน”
“เป็นขนาดนั้นแล้วยังเรียกว่าไม่มีเรื่องอะไร? ถูกคนจับได้ว่าเล่นชู้คาบนเตียง เธอถึงจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความอับอายขายหน้าหรือ?”
กู้เฮ่อจูนชี้ไปที่นอกประตู ตวาดเสียงดังลั่น “ตระกูลโห้ไม่ต้อนรับเธอ เธอ ออกไปเดี๋ยวนี้”
เย้นหว่านยืนนิ่งอึ้ง รู้สึกอับอายอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นห่วงคุณยายโห้ แต่ว่าที่นี่ก็ไม่มีที่สำหรับเธอ
เธอกัดฟันแน่น อึดอัดจนอยากจะเดินออกไปด้านนอก
ในตอนนี้เอง ร่างสูงใหญ่ของคนหนึ่งกลับยืนอยู่ข้างๆเธอ ราวกับนกอินทรี ที่ปกป้องคุ้มครองเธอให้อยู่ภายใต้ปีกของเขา
เสียงของเขาเยือกเย็น แต่กลับมีอำนาจเหนือกว่า
“อยู่กับตระกูลโห้ ไม่มีใครมีสิทธิ์ขับไล่เธอออกไปได้”
สีหน้าท่าทางของคนที่อยู่ในที่นี้แตกต่างกันไป กู้เฮ่อจูนมีสีหน้าท่าทางน่าเกลียดเป็นพิเศษ
คำพูดของนี้ของโห้หลีเฉิน คือไม่ให้เกียรติไม่เห็นแก่หน้าลุงอย่างเขาคนนี้เลย
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโส แต่สถานะที่แท้จริง กลับไม่ได้สูงเท่าโห้หลีเฉิน……
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว: “หลีเฉิน เธอสวมเขาให้กับนายแล้ว นายยังต้องการปกป้องเธออีก?”