บทที่98 ไอ้โรคจิตที่มีจุดประสงค์อื่น
“คุณ คุณอย่าเข้ามานะ!”
เย้นหว่านถอยหลังอย่างตื่นตระหนก กลัวถึงขีดสุด
ป่ายฉีในเวลานี้กับตอนกลางวันดูต่างกันเป็นคนละคนเลย เขาในตอนกลางวันเป็นคนขี้เกียจและชิวๆ ดูแล้วไม่มีมารยาท แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร แต่ตอนนี้เขามีพลานุภาพที่เฉียบคม อันตราย เหมือนคนชั่วร้ายที่เลียเลือดบนใบมีด
“ถ้าคุณเข้ามาอีก ฉันจะตะโกนแล้วนะ! ที่นี่ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ถึงแม้จะมีประตูกั้นอยู่ โห้หลีเฉินก็ต้องได้ยินแน่นอน”
“ห้องนี้ได้ผ่านการปรับแต่งให้เป็นห้องกันเสียง คุณตะโกนไปเถอะ รับรองด้านนอกจะไม่ได้ยินเสียงเลยแม้แต่นิดเดียว”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้แล้ว สีหน้าของเย้นหว่านขาวซีดจนเหมือนกระดาษ
มิน่าล่ะเมื่อกี๊ป่ายฉีถึงได้ผลักเธอเข้ามาในห้องของเขา
เธอมองไปที่รอบๆด้วยความกลัว ประตูห้องอยู่ที่ด้านหลังของป่ายฉี เธอไม่มีทางที่จะเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ มีแต่หน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ
เธอเปิดหน้าต่างออก ถึงแม้จะโดดออกไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็จะสามารถทำลายสภาพแวดล้อมที่กันเสียงนี้ ให้เสียงรั่วไหลออกไปได้
และแล้วเย้นหว่านได้รีบวิ่งไปที่ทางหน้าต่างทันที
“ช่างไร้เดียงสาได้น่ารักจริงๆ”
ป่ายฉีหัวเราะ หลังจากนั้นได้รีบวิ่งตามไปทางเย้นหว่าน เขารวดเร็วมาก แทบจะแค่พริบตาเดียวก็ตามเย้นหว่านทันแล้ว
เขาจับตัวเย้นหว่านไว้ จากนั้นก็ได้โยนเธอไปที่บนเตียง
“อ้า——”
“คุณปล่อยฉันนะ! ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน! อย่ามาแตะตัวฉันนะ!”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย——”
เย้นหว่านกลัวสุดขีด กรีดร้องและตะโกนด้วยความหวาดกลัว
แต่ว่าห้องนี้กันเสียงได้ดีมากจริงๆ แม้แต่ตอนกลางคืน เธอก็ไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอกแม้แต่นิดเดียว
ป่ายฉียิ้มอย่างชั่วร้าย มือนึงกดไหล่เธอไว้ ร่างที่สูงใหญ่ได้ทับอยู่ด้านบนของเธอ
“เดิมที่เรื่องที่สามารถทำสำเร็จตั้งแต่ตอนที่ตรวจสุขภาพ แต่โห้หลีเฉินดันมาทำลายแผนของผมไปหมด ตอนนี้ผมก็เลยต้องเริ่มต้นใหม่”
ดวงตาที่มืดมนของเขามองไปที่ด้านล่างไหปลาร้าของเย้นหว่านแล้วค่อยๆมองลงไป นิ้วมือยิ่งยื่นมาที่หน้าอกของเย้นหว่านอย่างไม่เกรงใจ และจะฉีกเสื้อเธอออก
เย้นหว่านเกร็งไปทั้งตัว ที่แท้ตอนที่ตรวจสุขภาพเขาก็มีจุดประสงค์อย่างอื่นกับเธอแล้ว
“ไอ้โรคจิต คุณปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน——”
เย้นหว่านขัดขืนอย่างรุนแรง แต่แรงของเธอสู้เขาไม่ได้ ต้องทนดูเสื้อตรงหน้าอกของตัวเองถูกฉีกออกเป็นสองท่อน
ถึงแม้คุณภาพของเสื้อเธอไม่ได้ดีมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่คนอื่นจะฉีกขาดง่ายๆแบบนั้น
ป่ายฉีมีแรงที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
อันตรายถึงขีดสุด
เสื้อถูกฉีกออกแล้ว ทันใดนั้นร่างกายของเย้นหว่านถูกเผยออกมา สายลมที่หนาวเย็นทำให้เธอขนลุก
แววตาของป่ายฉีอบอุ่นขึ้นเยอะ จ้องมองที่หน้าอกของเย้นหว่าน เต็มไปด้วยความคาดหวังที่เร่าร้อน
เหมือนเขาได้รอวินาทีนี้มานานแสนนานแล้ว
“จะเจ็บหน่อย คุณทนหน่อยนะแป๊ปเดียวก็หายแล้ว”
ยากที่จะปลอบใจเย้นหว่านไปคำนึง ป่ายฉีเอามีดผ่าตัดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ปลายมีดที่เหลมคมได้จู่โจมมาที่หน้าอกเธอ
“อ้า——”
เย้นหว่านกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังเจอเรื่องอะไรอยู่กันแน่
ป่ายฉีเป็นไอ้โรคจิตที่บ้าระห่ำชัดๆ
มีดผ่าตัดที่เหลมคมหล่นอยู่ที่ผิวนุ่มนวลของเย้นหว่าน แค่ขยับเบาๆก็เปิดบาดแผลเล็กๆแผลนึง หลังจากนั้นเลือดได้ไหลตามออกมา ขอบของเสื้อในได้เปื้อนเลือดเป็นสีแดง
สายตาของป่ายฉียิ่งเร่าร้อนขึ้นมา จ้องมองจุดที่เลือดไหลอย่างไม่คลาดสายตา เหมือนกับว่ากำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง
เย้นหว่านรู้สึกเจ็บ แต่ยิ่งรู้สึกขนลุก กลัวสุดขีด
“ปัง——”
วินาทีนี้ มีเสียงดังขึ้น ประตูห้องถูกถีบออกจากด้านนอก
ร่างที่สูงใหญ่ของโห้หลีเฉินยืนอยู่ตรงหน้าประตู รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นไอที่เยือกเย็น น่ากลัวเหมือนเทพแห่งการสังหาร
“รนหาที่ตาย!”
เขาพูดอย่างเยือกเย็น แล้วก้าวเท้าใหญ่เดินเข้ามา และหิ้วคอเสื้อของป่ายฉีขึ้นมา หลังจากนั้นได้ชกไปที่ใบหน้าของป่ายฉีอย่างแรง
ทันใดนั้นป่ายฉีได้ถอยหลังไปอย่างโซเซหลายก้าวถึงทรงตัวได้ และมุมปากมีเลือดไหลออกมา
เขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย แค่มองไปที่หน้าอกของเย้นหว่านอย่างใจร้อน แต่กลับมองเห็นเย้นหว่านพลิกตัว ดึงผ้าห่มคลุมร่างกายตัวเองไว้
ป่ายฉีขมวดคิ้ว สีหน้าดูไม่ดีเลย
อีกนิดเดียว แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น!
“ปั๊ด”
ยังไม่รอให้เขาได้โกรธ หมัดหนักๆก็ได้ชกมาที่หน้าของเขาอีก
เรื่องของป่ายฉียังทำไม่เสร็จและบวกกับถูกชกเข้าไปอีก ทันใดนั้นเขาก็โมโหแล้ว
“โห้หลีเฉิน นายรู้รึเปล่าว่าอะไรคือต่อยคนไม่ต่อยหน้า?”
“ปั๊ด”
สิ่งที่ตอบสนองเขาคือหมัดหนักๆที่ต่อยมาบนใบหน้า
ป่ายฉีโมโห “เห็นฉันไม่สวนคืน นายก็เลยคิดว่าฉันเป็นแมวป่วยใช่มั้ย?!”
เขาหลบหมัดที่ต่อยมาของโห้หลีเฉินอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นเขาได้ต่อสู้กับโห้หลีเฉิน
ถึงแม้ดูแล้วเขาจะไม่มีพลังต่อสู้อะไร แต่พอลงมือจริงๆ ทุกกระบวนท่าแข็งแกร่งและอันตรายถึงชีวิต เหมือนนักสู้ที่โผล่ออกมาจากสนามรบที่ชุ่มไปด้วยเลือด ฝีมือถึงขั้นสูสีพอๆกับโห้หลีเฉินเลยด้วยซ้ำ
เว่ยชีได้ยินเสียงดังเลยรีบวิ่งมาทันที พอมาถึงก็เห็นเขาสองคนกำลังต่อสู้กันในห้อง
เห็นพวกเขาต่อสู้กันอย่างสูสี เขาตะลึงจนแทบพูดไม่ออก
ต้องรู้ไว้นะว่าฝีมือการต่อสู้ของโห้หลีเฉิน แม้แต่สายลับพิเศษยังสู้เขาไม่ได้เลย แข็งแกร่งจนต้องสงสัยชีวิตของตัวเอง แต่ป่ายฉีคนนี้กลับสู้กับเขาได้อย่างสูสี
ช่างเป็นคนที่น้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ!
เฟอร์นิเจอร์ในห้องแทบจะพังทลายหมด จนผู้ชายทั้งสองคนบาดเจ็บจนเลือดไหล ในที่สุดการต่อสู้นี้ถึงได้หยุดลง
นาทีนี้ใบหน้าของป่ายฉีมีร่องรอยของจุดช้ำเลือดหลายจุด หน้าที่หล่อเหลาดูแล้วตลกดี
เขายืนพิงอยู่ที่ผนังอย่างโมโห และหายใจหอบหืด สายตาที่จ้องมองโห้หลีเฉินแค้นจนอยากจะสับเขาเป็นหมื่นๆชิ้น
ไร้มารยาทจริงๆ บอกแล้วว่าต่อยคนไม่ต่อยที่หน้าไง แต่โห้หลีเฉินดันต่อยแต่ที่หน้าอย่างเดียว
เขายังจะเจอหน้าผู้คนได้ยังไง?
ภายนอกของโห้หลีเฉินกลับดูไม่ออกว่าบาดเจ็บตรงไหน แค่เสื้อผ้าดูยุ่งเหยิงเท่านั้น สีหน้าของเขาในเวลานี้ยิ่งดูไม่ดีเข้าไปใหญ่
เขาถอดเสื้อคลุมออก เดินไปที่ข้างเตียงเอาเสื้อคลุมห่อหุ้มเย้นหว่านไว้
“ไม่เป็นไรแล้ว”
เสียงเขาต่ำมากๆ สะกดอารมณ์โมโหเอาไว้ มีความรู้สึกที่สงสาร และความกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างพูดไม่ถูก
ถ้าไม่เป็นเพราะหลังจากที่เขาขึ้นมาชั้นบน แล้วตั้งใจไปตรวจเช็คดูว่าประตูห้องของเย้นหว่านล็อคไว้รึยัง ก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้อง
ถ้าหากเขาช้าอีกแค่ก้าวเดียว ไม่กล้าคิดเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง
สัมผัสถึงอ้อมกอดที่คุ้นเคยแล้ว อารมณ์ของเย้นหว่านถึงได้รู้สึกสงบลงมาบ้าง เธอมุดหัวเข้าไปที่อ้อมกอดของโห้หลีเฉิน ในเสียงต่ำๆยังมีความรู้สึกกลัวหลงเหลืออยู่
“ฉันอยากไปจากที่นี่ค่ะ”
ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
ป่ายฉีเป็นไอ้โรคจิตชัดๆ แค่อยู่ที่เดียวกับเขา เธอก็รู้สึกกลัวถึงขีดสุด
ตรงหน้าอกยังมีเลือดไหล และเจ็บปวด
“โอเค”
โห้หลีเฉินไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากห่อหุ้มเย้นหว่านให้มิดชิดเสร็จ ก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไป
ตอนที่เดินผ่านป่ายฉี เขาจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา แววตาเต็มไปด้วยการตักเตือนและแรงอาฆาต
สายตาของป่ายฉีกลับมองมาที่เย้นหว่าน และรู้สึกน่าเสียดายจริงๆ
แค่อีกนิดเดียว เขาก็สามารถมองเห็นแล้ว
ตอนนี้ ก็คงต้องหาโอกาสใหม่แล้วล่ะ
เย้นหว่านถูกป่ายฉีมองจนขนลุก เหมือนถูกงูพิษที่ซ่อนอยู่ที่มืดจ้องมองเธออยู่ หากเธอไม่ระวังตัว ก็จะพุ่งเข้ามากัดเธอได้อยู่ตลอดเวลา
เธอหลบหลีกสายตาของเขาด้วยความกลัว และกอดโห้หลีเฉินไว้แน่นๆ
รู้สึกถึงท่าทางของเธอแล้ว โห้หลีเฉินมีสายตามืดมน น้ำเสียงทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูด
“มีผมอยู่ด้วย ใครก็ทำร้ายคุณไม่ได้หรอก”
หยุดไปครู่นึง สายตาที่อันตรายของเขาจ้องไปที่ป่ายฉี เยือกเย็นสุดขีด “ถ้ากล้า ผมก็จะเอาชีวิตของมันซะ!”