บทที่93 สมคำร่ำลือจริงๆ
เหมือนดูความคิดของเย้นหว่านออก โห้หลีเฉินกระซิบข้างหูเธอ:
“เขาเกิดมาในตระกูลแพทย์ เฉลียวฉลาดตั้งแต่เกิด ตอนอายุสิบเอ็ดขวบก็โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว เคยช่วยชีวิตผู้ป่วยนับไม่ถ้วนที่เป็นโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาหายได้”
คนแบบนี้ เป็นตำนาน ยิ่งเป็นปาฏิหาริย์
ป่ายฉีขยี้ตาอย่างเกียจคร้าน เขาไม่เหลียวมองพวกเขาเลยด้วยซ้ำ คำพูดช่างเรียบง่ายแต่ยืนหยัดมาก
“พวกคุณกลับไปเถอะ ผมไม่มีทางรักษาโรคให้พวกคุณหรอก”
เป็นคำพูดที่ไล่แขกซึ่งๆหน้าเลย
เย้นหว่านตะลึงงัน คนๆนี้เป็นอย่างที่เขาว่ากันจริง เป็นคนหัวแข็งจริงๆ
เว่ยชีเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว เดินไปข้างหน้า น้ำเสียงที่จริงจังและมีมารยาท
“คุณหมอป่าย ไม่ว่ายังไงครั้งนี้คุณก็ออกแรงช่วยสักครั้งเถอะครับ คุณผู้ชายของผมสามารถรับปากทุกเงื่อนไขของคุณ”
“ไม่พิศวาส”
ป่ายฉีไม่คิดเลยด้วยซ้ำก็ปฎิเสธทันที ท่าทีขี้เกียจและโอหัง
เว่ยชีลังเลไปครู่นึง แล้วมองไปที่โห้หลีเฉิน แค่เห็นเขาพยักหน้า
เว่ยชีถึงได้พูดต่อว่า:“ตระกูลโห้มีสายข่าวที่แข็งแกร่งที่สุด กระจายครอบคลุมทั่วโลก เท่าที่ผมรู้ ตลอดหลายปีมานี้คุณหมอป่ายได้ตามหาคนๆนึงอยู่”
ทีนี้ป่ายฉีถึงได้หันหน้ามาอย่างช้าๆ บรรยากาศรอบตัวได้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน มืดมนและอันตราย
สายตาที่เฉียบคมและอันตรายได้จ้องไปที่โห้หลีเฉิน
“คุณโห้นี่ช่างมีความสามารถจริงๆ แม้แต่เรื่องที่เป็นความลับอย่างนี้ก็ยังสามารถตรวจสอบได้”
โห้หลีเฉินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขอแค่คุณช่วยรักษา ผมจะช่วยคุณหาคนๆนั้นให้เจอ”
นี่ถึงจะเป็นเงื่อนไขที่แท้จริงของโห้หลีเฉิน
ป่ายฉีรูม่านตาหดเล็กน้อย เหมือนจะรู้สึกอ่อนไหวแล้ว
นี่เป็นคนที่เขาหาอย่างยากลำบากมาหลายปี แต่ก็หาไม่เจอสักที เป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเขา
“แต่ว่า ผมก็ไม่รักษาให้หรอกนะ”
ป่ายฉียิ้มร้ายๆ คนที่เขาจะหา เขาจะหาด้วยตัวเองๆ
ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนั้นสำคัญมากจริงๆ ฐานะยิ่งเซนซิทีฟ ถ้าโห้หลีเฉินอาศัยโอกาสนี้ทำเรื่องบางอย่างล่ะก็ ผลที่ตามมาไม่อาจคาดคิด
เขาจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด
คำตอบของป่ายฉีเกินความคาดหมายของโห้หลีเฉินเล็กน้อย แต่เขากลับไม่โมโห และมีสีหน้าสงบนิ่ง
ขยับปากเล็กน้อย พูดอย่างเรียบเฉย “ถ้างั้นผมจะหาตัวเขาออกมา แล้วฆ่าทิ้งซะ”
“โห้หลีเฉิน นี่คุณกล้าหรอ?!”
ป่ายฉีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเอานิ้วชี้มาที่โห้หลีเฉิน ไฟแห่งความโมโหพลุ่งพล่านอยู่ในตัว
โห้หลีเฉินก็ยังมีสีหน้าสงบนิ่ง คำพูดที่พูดออกมาเฉยเมยจนทำให้คนโมโหจัด
“คุณลองดูก็ได้นะ”
ข่มขู่อย่างซึ่งๆหน้า
นายอำเภอมองโห้หลีเฉินด้วยความตื่นตกใจ ในใจยิ่งเต็มไปด้วยความกลัว โห้หลีเฉินที่เป็นราชาของวงการธุรกิจ วิธีการโหดเหี้ยมและเด็ดขาด เป็นคนที่ไม่มีใครกล้าจะต่อกรด้วย
ตอนแรกเห็นโห้หลีเฉินที่หล่อเหลาขนาดนี้นี้ แค่ดูเย็นชาและสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น นึกว่าเขาไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนที่ร่ำลือกัน
แต่ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า สมคำร่ำลือจริงๆ!
วิธีการของโห้หลีเฉินคนนี้ โหดเหี้ยมไร้ที่ติ เรื่องจับจุดอ่อนของคนอื่นนี่ยิ่งถนัดนัก บีบให้คนยอมแพ้
เขามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปี เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกว่ามีคนใช้วิธีข่มขู่แบบนี้มาขอให้หมอรักษาโรค
ไม่กลัวว่าระหว่างผ่าตัดเขาจะทำอะไรมิดีมิร้ายหรือ?
ป่ายฉียืนตัวตรงอยู่ที่หน้าประตู หน้าที่หล่อเหลา ณ เวลานี้ได้ปะทุไฟแห่งความโมโหขึ้นมา สายตาที่จ้องมองที่โห้หลีเฉินยิ่งแทบอยากจะสับเขาให้เป็นหมื่นๆชิ้นเลย
เขาอยู่อย่างสันโดษก็ไม่คิดจะช่วยชีวิตคนอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินถึงขั้น………….
ถึงขั้นต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้!
“โอเค ผมช่วย”
ผ่านไปครู่นึง พลานุภาพรอบตัวของป่ายฉีถึงได้หดตัวลง แล้วพูดอย่างถอดใจ
ทีนี้เขาถึงได้ฝืนใจหันไปมองผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้างกายของโห้หลีเฉิน
“ใครจะรักษาโรค? ผมรักษาแค่คนเดียวเท่านั้น”
สายตาเขาส่องผ่านมาอย่างตามใจตัวเอง แต่ตอนที่มองเห็นเย้นหว่านกลับตะลึงจนตาค้าง
เขาจ้องมองเย้นหว่านด้วยสายตาประหลาดใจ เหมือนกับสังเกตุถึงเรื่องใหญ่โตบางอย่าง จ้องมองเธออย่างไม่คลาดสายตา
แววตาของโห้หลีเฉินมีความไม่พอใจแว๊บเข้ามา เดินไปข้างๆก้าวนึง ร่างที่สูงใหญ่บังเย้นหว่านไว้ข้างหลังตัวเองอย่างมิดชิด
หลังจากนั้น เขามองไปที่มู่หรงชิ่น
มู่หรงชิ่นเป็นคนมีไหวพริบ รีบเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณป่าย ฉันเป็นคนที่ต้องการรักษาค่ะ”
ป่ายฉีไม่มองมู่หรงชิ่นเลยด้วยซ้ำ สายตายังจ้องอยู่ที่เย้นหว่าน สายตาที่เฉียบคม เหมือนกับจะจ้องทะลุตัวโห้หลีเฉินไปมองเย้นหว่าน
มู่หรงชิ่นรู้สึกขายหน้า เธอโตจนป่านนี้ เพิ่งจะเคยถูกคนอื่นทำเป็นไม่สนใจอย่างนี้
เลยอดใจไม่ได้ที่จะอารมณ์เสียและริษยา
โหหลีเฉินมีสายตาที่เยือนเย็น กลิ่นอันตรายกระจายรอบตัว
“คุณป่าย ระวังตาของคุณด้วย”
“เหอะ………..”
ป่ายฉีหัวเราะ แล้วพิงที่ประตูอย่างขี้เกียจ
พูดเหมือนนักเลงและเหมือนพูดเล่น “รักษาไม่ใช่ปัญหา แต่ผมมีเงื่อนไขสองข้อ”
มู่หรงชิ่นตะลึง “คุณป่าย ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดนะคะ”
“ผมเสริมตอนนี้ มีความคิดเห็นอะไร?”
เขายิ้มชิวๆ แต่สีหน้ากลับอันตรายมากๆ เหมือนกับว่าหากพวกเขาไม่ตกลง เขาก็จะไม่รักษาให้ทันที
มู่หรงชิ่นใช้ทุกวิถีทางกว่าจะหาป่ายฉีจนเจอ จะมาเกิดเรื่องอะไรตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะ
เธอมองโห้หลีเฉิน แล้วถามอย่างลองใจว่า:
“เงื่อนไขอะไรคะ?”
“หนึ่ง ผ่าตัดต้องใช้เวลานาน คืนนี้พวกคุณต้องพักที่นี่ ห้ามใครจากไปโดยเด็ดขาด”
ป่ายฉีพูดอย่างชิวๆ แต่สายตากลับมองทะลุโห้หลีเฉินไปมองเย้นหว่านที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
เงื่อนไขนี้ ยิ่งเหมือนกับมีขึ้นเพื่อเย้นหว่านโดยเฉพาะ
โห้หลีเฉินสายตามืดมน มองไปที่ป่ายฉี สายตาที่เฉียบคมเหมือนการสอบสวนจะทะลุเห็นจุดมุ่งหมายของเขา
ป่ายฉีเหมือนจะไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย แล้วพูดอีกว่า:
“สอง ผมจะตรวจร่างกายให้ผู้หญิงคนนั้น”
“ไม่ได้”
โห้หลีเฉินปฎิเสธอย่างไม่ลังเลเลย
มู่หรงชิ่นมองโห้หลีเฉินอย่างตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
สำหรับเธอแล้ว เงื่อนไขทั้งสองข้อของป่ายฉีไม่ต้องพิจารณาเลยด้วยซ้ำ แค่ตรวจร่างกายให้เย้นหว่านแค่นั้นเอง ทำไมจะไม่ได้?
ในใจมีความรู้สึกกดดันอย่างพูดไม่ถูก มู่หรงชิ่นในวินาทีนี้ริษยาจนแทบจะบ้าคลั่ง
ที่แท้เรื่องที่สำคัญในชีวิตเธอ อยู่ในใจของโห้หลีเฉิน ไม่มีค่าที่จะให้เย้นหว่านไปตรวจร่างกายแค่ครั้งเดียวเลยหรือ
ป่ายฉียักไหล่และพูดอย่างไม่แคร์ “งั้นก็เชิญกลับไปได้ ไม่ส่งแล้วนะ”
โห้หลีเฉินหน้าบึ้ง มองป่ายฉีด้วยสายตาอันตราย ยิ่งกุมมือเล็กๆของเย้นหว่านไว้อย่างแน่น
ถ้ารู้ว่าป่ายฉีจะมีจุดมุ่งหมายอย่างอื่นกับเย้นหว่านตั้งแต่แรกล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางพาเย้นหว่านมาด้วยแล้ว
น้ำเสียงเขาเยือกเย็นถึงขีดสุด “คุณป่ายต้องคิดให้ดีๆนะ หากผมไปแล้ว คนที่คุณหาอยู่ ไม่นานก็จะกลายเป็นศพ”
ความเยือกเย็นในน้ำเสียง คือพูดแล้วต้องทำได้อย่างแน่นอน
ป่ายฉีขยับมุมปาก “โห้หลีเฉิน คุณใช้เรื่องเดียวกันมาขู่ผมซ้ำๆแบบนี้ มีความไหมหรือ?”
“ถ้าหากใช้ได้ผลก็ใช้หลายครั้งหน่อยจะเป็นไรไป”
วินาทีนั้นสีหน้าของป่ายฉียิ่งดูไม่ดีเลย
เขามองโห้หลีเฉินด้วยความโมโห แล้วค่อยอ่อนข้อลงหน่อย “เพราะผมเห็นว่าร่างกายของผู้หญิงคนนี้เหมือนจะมีโรคอะไรซ่อนอยู่ เป็นโรคที่รักษายากที่ผมเฝ้ารอพอดี เลยคิดอยากจะลองดูแค่นั้นเอง
คนอย่างผมถ้าเห็นโรคที่รักษายากที่อยากจะรักษาแล้วไม่ได้ลงมือรักษาล่ะก็ หลังจากนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ไม่มีอารมณ์ทำ เดี๋ยวเวลาที่รักษาให้คุณผู้หญิงคนนี้ หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาอย่ามาโทษผมเชียวนะ”