บทที่ 104 โอเคมั้ย
ทว่าสุดท้ายซือหนานกลับถือโอกาสที่คนในครอบครัวต่อต้าน รังเกียจที่เธอจน ทอดทิ้งเธอ สมคบคิดไปอยู่ด้วยกันกับโอวน่อหย่าแล้ว
ถ้าไม่ใช่ตอนนั้นเย้นหว่านเห็นเขากับโอวน่อหย่าพลิกกลับไปกลับมากันในห้อง คงยังไม่รู้กระทั่งว่าซือหนานเป็นผู้ชายสารเลวที่ใจอำมหิตขนาดนี้
หลอกเธอไปด้วย แต่งงานกับคนอื่นไปด้วย
“คุณซือ ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน และไม่มีรักเก่าให้พูดถึงด้วย ผ่านกันก็ไม่จำเป็นต้องทักทาย ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าก็ดี ดังนั้น เชิญคุณหลบทางด้วย”
“เสี่ยวหว่าน ตอนนี้คุณกำลังแก้แค้นผมใช่มั้ย?”
ท่าทางซือหนานเศร้าใจอยู่บ้าง และแสดงความดีอกดีใจอยู่บ้าง
ถ้ายอมรับว่าแก้แค้น อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าในใจเย้นหว่านยังมีเขา ความรู้สึกสูญสลายในใจเขาถึงได้รับการชดเชยมานิดหน่อย
“ความจริงผมไม่เคยลืมคุณมาโดยตลอด ในใจลึกที่สุดของผม คนที่ผมรักยังเป็นคุณตั้งแต่แรกจนจบ ผมกับโอวน่อหย่าอยู่ด้วยกันเพียงแค่ถูกสถานการณ์บีบบังคับ คนในครอบครัวบังคับ ผมไม่เคยรักหล่อนจริงๆ เลย เสี่ยวหว่าน คุณเชื่อใจผมนะ”
“แล้วยังไงล่ะ?”
สายตาที่เย้นหว่านมองซือหนานยิ่งหนาวเย็นขึ้น ราวกับว่ามองสิ่งไร้ค่าชิ้นหนึ่ง “คุณรักไม่รักฉัน แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าของซือหนานอึมครึมลงมา ความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นดุร้ายนิดหน่อย ทั้งโกรธเคือง
เสียงของเขาดูหนักไม่น้อย “คุณจะต้องพูดจาแบบนี้ให้ได้เลยเหรอ? ผมเพียงอยากคุยกับคุณดีๆ นะ”
เห็นท่าทางซือหนานดูจะไม่ยอมหยุดโดยเด็ดขาด เย้นหว่านจึงขมวดคิ้วอย่างรำคาญ
“นั้นก็รีบพูดมา คุณอยากพูดอะไร?”
ท่าทีขอไปทีของเย้นหว่านทำให้ซือหนานสำลัก ในใจสับสนชะงักไปครู่หนึ่ง
นึกถึงเป้าหมายสุดท้ายที่เขามาหาเย้นหว่าน ซือหนานกลั้นอารมณ์เสียของตนเองไว้ พูดด้วยน้ำเสียงละมุน
“ปกติโอวน่อหย่าก็แค่พูดจาไม่น่าฟังเท่าไร ความจริงหล่อนไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายอะไร หลังจากครั้งที่แล้วก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อคุณอีก คุณช่วยเห็นแก่หน้าผม อย่าถือสาหาความกับหล่อนจะได้มั้ย?”
ลักษณะซือหนานที่ดูว่าเรื่องราวควรเป็นเช่นนั้น ทำให้เย้นหว่านโมโหจนตลก
ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีมากต่อเธอ?
เรื่องที่โอวน่อหย่าทำนั้น ยังน้อยอีกเหรอ?
“คุณซือ งั้นฉันจะตอบคุณอย่างจริงจังสักครั้ง อย่าพูดว่าฉันไม่เคยจู่โจมจัดการโอวน่อหย่าเองเลย ถึงแม้มี ฉันก็จะไม่ปล่อยหล่อนไปเด็ดขาด อีกอย่างระหว่างฉันกับคุณ ไม่มีหน้าตาอะไรทั้งนั้น”
“เย้นหว่าน ถือโอกาสที่ผมพูดจากับคุณดีๆ คุณอย่าบังคับผมเลย”
ท่าทางเย้นหว่านดื้อรั้นมาก ทำให้ซือหนานปะทุอารมณ์ในที่สุด เขาถลึงตาใส่เย้นหว่านอย่างโกรธเคือง เหมือนเป็นสัตว์ป่าที่พร้อมระเบิดอารมณ์ได้ทุกเมื่อ
ดูขึ้นมา ก็อันตรายอยู่บ้าง
และยิ่งน่าใจหาย
เมื่อก่อนเย้นหว่านชอบนิสัยของซือหนานมาก เขามักจะเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนมาก ดีต่อเธอมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยอารมณ์เสียใส่
ตอนนี้เธอถึงดูออก นิสัยของเขาอบรมมาไม่ดี เพียงแค่เสแสร้งเท่านั้น
“ซือหนาน คุณทำฉันสะอิดสะเอียนนะ”
เย้นหว่านถอยหลังไปสองก้าว ดึงระยะห่างออกมาจากซือหนาน จากนั้นหมุนตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง
ในเมื่อเขาอยากจะขวางเธอ อย่างมากเธอก็ไม่เข้าไปที่โถงงานแล้ว
จิตใจซือหนานยิ่งดุร้ายขึ้น เย้นหว่านปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเดือดดาลสุดๆ
เมื่อก่อนเธอเป็นหญิงสาวที่คล้อยตามเขาไปหมดทุกเรื่อง ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้แล้ว? เขาเคยชินกับเธอที่ชอบเขา เขารับการเมินเฉยและความห่างเหินของเธอไม่ได้
“ผมไม่ให้คุณไป”
ซือหนานก้าวใหญ่ๆ พุ่งเข้าไป จับเย้นหว่านเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมา กดเย้นหว่านไว้ที่ผนังหนาวเย็น
เขาจับไหล่ของเธอไว้ ท่าทีคลุ้มคลั่งต่างออกไป
“ผมเคยให้โอกาสคุณ เป็นคุณที่ไม่ถนอมไว้”
แต่ละคำแต่ละประโยคของเขา ทั้งโกรธเคืองและเย็นชา
มือข้างหนึ่งเขากดเย้นหว่านไว้ มืออีกข้างหยิบมือถือกดไปกล้องถ่ายรูป จากนั้นหันกล้องมาที่ทั้งสองคน
เย้นหว่านดิ้นไม่หลุด กระวนกระวายอยู่บ้าง “คุณจะทำอะไร?”
“ทีแรกผมไม่คิดจะทำแบบนี้ แต่คุณบังคับผมเอง”
ซือหนานสีหน้าอัปลักษณ์ “ในเมื่อโห้หลีเฉินอยากปกป้องคุณ เพียงแค่เพราะคุณเป็นคู่หมั้นของเขาเท่านั้น ลองส่งรูปที่พวกเราจูบกันให้เขา คุณว่าเขาจะคิดว่าพวกเรารื้อฟื้นรักเก่าแล้วรึเปล่า?”
“ซือหนาน คุณนี่มันต่ำทรามไร้ยางอาย”
“นั่นเป็นคุณบีบผมให้ทำเอง ผมว่าผมยังเสียดายคุณอยู่ นั่นก็ถือโอกาสในวันนี้ ทำให้คุณกลายมาเป็นผู้หญิงของผมเสียเลย”
ในตาของซือหนานจุดแสงไฟปรารถนาขึ้น เขาคิดว่าความคิดไม่สบายที่เขามีต่อเย้นหว่านนี้ ต้องเป็นเพราะรักมาหลายปี กลับไม่เคยนอนกับเธอ ดังนั้นถึงได้เสียดาย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงอยากได้เธอมา
ซือหนานกดไหล่ของเย้นหว่านไว้มือหนึ่ง ริมฝีปากก็จูบเย้นหว่านไป
“ไสหัวไปนะ”
เย้นหว่านด่าไปด้วยความขุ่นเคือง หันหน้าหนีอย่างรีบร้อน
จูบของซือหนานเลยไปที่ผมของเธอ
“เชื่อฟังหน่อย อย่าบังคับให้ผมต้องหยาบคาย”
ซือหนานตะคอกเสียงอย่างเร่าร้อน ใช้มือบีบคางของเย้นหว่านไว้ บังคับเธอให้มองตนเอง จากนั้นจูบไปทางเธอ
ใบหน้าตรงหน้าที่มองเห็นนับวันยิ่งใกล้ขึ้น เย้นหว่านรู้สึกคลื่นไส้ สะอิดสะเอียนที่สุด
“สารเลว ฉันเอาแกตายแน่”
เวลานี้ เสียงด่าโกรธเกรี้ยวดังขึ้น
ไหล่ของซือหนานถูกคนจับเอาไว้ โดนคว้าไปด้านหลัง ตามมาคือหมัดที่แข็งแรงร่วงใส่ที่หน้าของซือหนาน
และตามมาด้วยหมัดที่สอง หมัดที่สาม……
เย้นหว่านได้รับอิสระ อารมณ์ตึงเครียดในที่สุดผ่อนคลายลงบ้าง เธอมองไปยังชายหนุ่มที่วิวาทกัน มองเห็นมู่จื่ออี้อย่างแปลกใจ
เขายังเหมือนกับที่เห็นข้างถนนวันนั้น ยังคงมีโคนหนวดเคราที่ไม่ได้โกน ซึมเซาไปทั้งตัว แต่ว่าเวลานี้ ทั่วตัวของเขาระเบิดอารมณ์โกรธที่ยิ่งใหญ่ออกมา หมัดแล้วหมัดเล่าต่อยไปที่หน้าของซือหนานแบบไม่มีหยุดสักนิด
หน้าของซือหนานที่โดนต่อยเหมือนเปลี่ยนรูปไปแล้ว และตอกกลับราวกับบ้าคลั่ง เขาก็เป็นแค่คนเรียนหนังสือ คุณชายไฮโซ ปกติออกกำลังกายน้อย เดิมทีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่จื่ออี้อยู่แล้ว
จนกระทั่งต่อยซือหนานล้มไปกับพื้นจนลุกไม่ขึ้น เย้นหว่านเป็นว่าห่วงมู่จื่ออี้จะต่อยคนตาย ถึงได้เข้าไปห้ามก่อน
“จื่ออี้ อย่าต่อยเลย”
ชั่วขณะที่เธอเดินเข้ามา มู่จื่ออี้ก็เก็บหมัดแล้ว เหมือนกลัวไม่ทันระวังจะทำเธอบาดเจ็บเข้า
บนตัวของเขายังได้รับบาดเจ็บ กลับไม่สนใจสักนิด แต่มองเย้นหว่านด้วยความกังวล “คุณไม่เป็นไรนะ?”
“ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่คุณ เจ็บตรงไหนไหม?”
เย้นหว่านเดินมาถึงตรงหน้าของเขา มองเขาด้วยความเป็นห่วง
ที่มุมปากเขามีรอยฟกช้ำ ที่แขนก็มี ส่วนบนตัวที่มองไม่เห็นไม่รู้ว่ามีหรือไม่
“เรื่องเล็กน้อยเอง”
มู่จื่ออี้เอ่ยปากอย่างไม่สนใจสักนิด พูดพลางลุกขึ้นมา ร่างกายที่สูงใหญ่กลับโซเซทันใด
เย้นหว่านอยู่ตรงหน้าของเขา จึงรีบประคองเขาไว้ฉับพลัน
“คุณเป็นอะไรไป?”
“เมื่อกี้ทำจนเจ็บขาเข้า ยืนไม่ไหวเท่าไร”
มู่จื่ออี้อายพอสมควร
เย้นหว่านรีบประคองเขาให้มั่นไว้อีกนิด “ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ได้”
มู่จื่ออี้ก้มหน้ามองศีรษะน้อยๆ ด้านข้างตัว ในใจซับซ้อน กลับพึงพอใจที่ได้เจออีกครั้ง ราวกับหัวใจที่ว่างเปล่ามานานได้รับการปลอบโยนอีกครั้ง
ถึงแม้จะเป็นเพียงการอยู่ด้วยกันพักหนึ่งเท่านั้นก็ตาม
เย้นหว่านประคองมู่จื่ออี้เดินไปที่ทางออกอย่างระมัดระวัง