บทที่ 123 ยินดีกับคุณด้วย หาความรักเจอแล้ว
ขณะมองโห้หลีเฉินอยู่ เย้นหว่านเกือบจะละลายตายอยู่ในสายตาของเขาแล้ว
เขายอดเยี่ยมมาก ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้กระทั่งทำให้เธอควบความคิดในเวลานี้ไม่อยู่ รับปากเขาไปอย่างไม่สนใจทุกอย่าง แล้วกอดเขาไว้
แต่ว่า……
เย้นหว่านกัดริมฝีปาก ความรู้สึกเจ็บจี๊ดบางอย่างทำให้เธอรักษาสติไว้ได้
“คุณโห้ เพียงแค่การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ฉากหนึ่ง คุณมายั่วฉันแบบนี้ ไม่กลัวคนที่คุณชอบรู้เข้าจะผิดหวังเหรอ?”
การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์?
คนที่ชอบ?
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แปลกใจมากที่เย้นหว่านพูดอะไรแบบนี้ออกมา
เสียงของเขาทุ้มต่ำ “ทำไมต้องพูดแบบนี้?”
ภายในใจผุดรสชาติที่ขมขื่นขึ้นมา เย้นหว่านจงใจพูดอย่างเรียบนิ่ง
“ความจริงฉันรู้หมดแล้ว คุณกับคุณหนูมู่หรุงชิ่น……”
“กริ๊งๆๆ……กริ๊งๆๆ……”
เวลานี้ สายโทรศัพท์ภายในดังขึ้นมากะทันหัน เสียงโทรศัพท์ที่แหลมนั้นแทรกคำพูดของเย้นหว่านแล้ว
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว ฟังทันเพียงแค่เย้นหว่านบอกว่าเธอรู้หมดแล้ว
แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอรู้อะไรไปบ้าง?
“เดี๋ยวค่อยพูด”
โห้หลีเฉินพูดเสียงทุ้มๆ กดรับสายโทรศัพท์ไป
โทรศัพท์สายภายในนี้ มีเพียงเรื่องเร่งด่วน ถึงจะโทรศัพท์เข้ามาที่สายนี้
พอรับโทรศัพท์ เสียงของเว่ยชีในสายนั้นก็ลอยมา
“คุณผู้ชายครับ คุณบรูคโทรมาครับ บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องการคุยกับคุณ จะโอนเข้ามาตอนนี้เลยรึเปล่าครับ?”
บรูคเป็นผู้ร่วมงานคนสำคัญคนหนึ่งของโห้หลีเฉิน ปกติถ้าไม่มีเรื่องสำคัญเร่งด่วน เขาจะไม่โทรมาหาโห้หลีเฉินด้วยตนเอง
โห้หลีเฉินเอ่ยปากตอบ “โอนเข้ามา”
“ครับ เจ้านาย”
เว่ยชีวางสายโทรศัพท์ ไม่นานอีกสายหนึ่งก็โทรเข้ามาแล้ว
ในสายนั้น เสียงผู้ชายลอยมาพร้อมกับภาษาฝรั่งเศสแท้
เย้นหว่านฟังไม่ออกว่าเขาพูดว่าอะไร เพียงแค่ฟังขึ้นมา เหมือนจะเป็นเสียงที่รีบเร่งอยู่หน่อยๆ
โห้หลีเฉินใช้ภาษาอังกฤษแท้คุยกับเขา เสียงไม่ช้าเกินไป การออกเสียงแท้ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังฟังการท่องอาขยานที่เสนาะหู
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอยู่ ฟังเขาพูดภาษาฝรั่งเศสที่ไหลลื่น รู้สึกดึงดูดสายตาอย่างมาก และรู้สึกห่างเหิน ห่างไกลเหลือเกิน
โห้หลีเฉินดีเลิศมากจริงๆ อะไรล้วนทำเป็นหมด อะไรล้วนชำนาญหมด อะไรล้วนทำได้สมบูรณ์แบบมาก ผู้ชายแบบนี้คือผู้ชายที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิด ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่คู่ควรกับเขา
ถึงแม้จะเป็นมู่หรุงชิ่น ก็ไม่คู่ควร
เธอ ยิ่งไม่คู่ควร
เย้นหว่านเม้มริมฝีปาก คำพูดเมื่อสักครู่ที่อยากถกเถียงกับโห้หลีเฉิน ไม่มีความปรารถนาจะเอ่ยปากอีกแล้ว
หลังจากนั้นพักหนึ่ง โห้หลีเฉินถึงวางสายโทรศัพท์
ถึงแม้เย้นหว่านจะไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสเท่าไร แต่คำพูดง่ายๆ ยังเข้าใจนิดหน่อย ฟังคำพูดท้ายสุดของโห้หลีเฉินออก เขาจะไปเจอหน้ากับคุณเจมส์
ดูแล้วคงเป็นเรื่องด่วนจริงๆ ถึงกับแทรกคิวนัดกับโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านลุกขึ้นยืนอย่างรู้ตัวดีมาก ยื่นเสื้อคลุมที่โห้หลีเฉินแขวนไว้ให้เขา
มองเสื้อคลุมที่เย้นหว่านยื่นเข้ามา ในน้ำเสียงของโห้หลีเฉินเปื้อนความเบิกบาน
“ตอนนี้นับวันเธอยิ่งรู้ว่าคู่หมั้นเป็นกันยังไงแล้ว”
เย้นหว่านอายแล้ว อยากรีบยัดเสื้อคลุมไปให้โห้หลีเฉิน
“อะแฮ่ม คุณมีธุระด่วน ฉันก็จะกลับไปที่แผนกออกแบบแล้ว”
พูดจบ เย้นหว่านอยากจะไป กลับเห็นโห้หลีเฉินโยนเสื้อคลุมให้เธอแล้ว
เขาเหมือนฮ่องเต้ที่ค่อยๆ อ้าแขนทั้งคู่ออก น้ำเสียงดูสมเหตุสมผลมากแบบนั้น “ใส่ให้ฉัน”
ใช้งานเธอจนติดแล้วหรือไง?
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม แต่คิดว่าเดี๋ยวจะสามารถส่งโห้หลีเฉินออกไปได้แล้ว เธอจึงสงบใจลงมาบ้าง หยิบเสื้อคลุมมาใส่ให้เขา
แต่ทว่าใส่เสร็จ กลับได้ยินโห้หลีเฉินพูด
“เธอไปด้วยกันกับฉัน”
เย้นหว่านรีบปฏิเสธ “ฉันจะไปทำอะไร? ไม่จำเป็นมั้ง”
เธอเป็นเพียงนักออกแบบคนหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่เลขานุการผู้ติดตามด้วย
โห้หลีเฉินยกมือซ้ายที่พันแผลเป็นบ๊ะจ่าง น้ำเสียงทุ้มต่ำอยู่บ้าง “คุณเจมส์กับฉันคุยเรื่องด่วนที่สำคัญกัน ไม่สะดวกเอาเลขาไป”
“งั้นคุณพาฉันไปก็ไม่สะดวกเหมือนกัน……”
“เธอเป็นคนกันเอง”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินต่ำๆ พูดจาสมเหตุสมผลที่สุด
เย้นหว่านตะลึงไปทันใด แก้มก็ร้อนจนแทบลวกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หลบสายตาของเขาไปอย่างว้าวุ่นใจ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก ก้าวขายาวตามด้านหลังของเธอไป
สถานที่นัดกับบรูคคืออาคารใหญ่คอมเพล็กซ์แห่งหนึ่ง ในนั้นมีร้านอาหารตะวันตกเกินห้าดาวอยู่ชั้นบนสุด
เย้นหว่านเหมือนเป็นเลขานุการตามหลังของโห้หลีเฉินอยู่
บรูคเป็นผู้ชายอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง มีดวงตาสีฟ้าราวน้ำทะเลคู่หนึ่ง รูปหล่อดูมีสง่าราศีที่สุด
บนใบหน้าของเขาแขวนด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ ดูขึ้นมาก็เป็นความประทับใจแรกที่ทำให้คนรู้สึกไม่เลว
เขาใส่ชุดสูทพอดีตัว ท่วงท่าสูงส่ง แต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตัว หลังจากทักทายกับโห้หลีเฉิน ยังยื่นมือมาทางเย้นหว่านอย่างเป็นมิตร
ใช้ภาษาจีนที่ไม่คล่องแคล่วมากพูดว่า
“คุณเย้น ดีใจมากที่ได้เจอคุณ คุณสวยมากจริงๆ เหมาะสมกับคุณโห้มากๆ”
เย้นหว่านแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่าโห้หลีเฉินจะแนะนำเธอแบบนี้
เธอมองโห้หลีเฉินด้วยความมึนงง เห็นท่าทางของเขาสงบนิ่งมั่นใจ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องราวที่ควรจะเป็นเช่นนั้นโดยเฉพาะ
แต่ในใจเย้นหว่านกลับสับสน ใช้สถานะคู่หมั้นแนะนำกับผู้ร่วมงาน เขาไม่เคยพิจารณาเหรอ พอพวกเขาถอนหมั้นกัน จะสร้างความเสียหายทางธุรกิจมั้ย?
ความคิดเหล่านี้กลับเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ บนหน้าเย้นหว่านยังคงรักษารอยยิ้มที่เหมาะสม จับมือกับบรูคอย่างใจเปิดเผย
“คุณบรูค ฉันก็ดีใจมากค่ะที่ได้เจอคุณ”
เพราะภาษาไม่สะดวก หลังจากที่เย้นหว่านกับบรูคแค่ทักทายกันง่ายๆ ก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว
บรูคเหมือนมีเรื่องเร่งด่วนมาหาโห้หลีเฉินจริงๆ หลังมานั่งที่โต๊ะอาหาร ก็พ่นภาษาฝรั่งเศสที่คล่องแคล่วออกมาชุดหนึ่ง เริ่มคุยเรื่องงานกันแล้ว
โห้หลีเฉินฟังอยู่ ตอบกลับอยู่ไม่ขาด
ขณะเดียวกันเขายังไม่ลืมพูดกับเย้นหว่าน “หั่นสเต๊กให้ฉันหน่อย”
เย้นหว่าน “…….ได้”
นับวันก็ยิ่งใช้งานเธอจนคล่องไปหมดทุกอย่างจริงๆ เลย
แต่มองผ้าพันแผลที่มือของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็ไม่ได้อารมณ์เสียสักนิด
ฟังพวกเขาพูดกันไม่รู้เรื่อง และแทรกอะไรไม่ได้ เย้นหว่านจึงหั่นสเต๊กไปดีๆ สเต๊กถูกหั่นเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบ จากนั้นยกมาตรงหน้าของโห้หลีเฉิน
บรูคที่กำลังพูดคุยเห็นแบบนี้เข้า กลับตะลึงขึ้นทันใด
เขามองโห้หลีเฉินอย่างไม่อยากเชื่อ ใช้ภาษาฝรั่งเศสพูดไปอย่างตกใจ “เมื่อก่อนตอนกินข้าว สเต๊กของคุณหั่นได้เป็นระเบียบมาก ผมพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกที่คุณตามสบายแบบนี้”
โห้หลีเฉินเสียบสเต๊กชิ้นหนึ่ง ทานอย่างสง่างาม
เขาพูดแบบไม่สนใจไยดี ในน้ำเสียงมีความเอ็นดูระดับหนึ่ง “เธอไม่ใช่เชฟ ไม่จำเป็นต้องเรียนประณีตขนาดนั้นมาให้คู่ควรกับผม แต่ผมสามารถประสานกันกับเธอได้”
“กินข้าวพิถีพิถันหรือไม่ ขึ้นอยู่ว่ากินด้วยกันกับใคร ที่จริงคำพูดนี้ผมคิดว่าใช้ได้เพียงกับคนทั่วไป คิดไม่ถึงว่ากับคุณโห้ก็ไม่ยกเว้น”
บรูคมองเย้นหว่านอย่างมีความหมายลุ่มลึก จากนั้นยกแก้วไวน์ขึ้น “ยินดีด้วยคุณโห้ที่ได้เจอความรักเข้าแล้ว”
โห้หลีเฉินอารมณ์ไม่เลว ยกแก้วไวน์ขึ้นอย่างสง่างาม ชนแก้วกับบรูคไป