บทที่ 170 คำมั่นสัญญาของผู้ชาย
เนื่องจากมู่หรุงชิ่นเป็นคนสวยและสูงส่ง พอเธอร้องไห้ด้วยความเสียใจแบบนี้แล้ว มันทำให้ใจคนหวั่นไหวได้ง่ายๆ
แต่ความสงสัยทั้งหมดได้สะสมอยู่ภายในใจเย้นหว่านแล้ว
เธอจะไม่เชื่อใจมู่หรุงชิ่นง่ายๆแบบนั้นอีกแล้ว
แม้เธอจะไม่รู้ว่าความจริงคืออะไรกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นไปตามที่มู่หรุงชิ่นพูด
ถึงเธอกับโห้หลีเฉินจะเป็นคนรักกัน แต่คงไม่ใช่คนที่รักกันถึงขนาดนั้นอย่างแน่นอน
“คุณมู่หรุง คุณก็พูดเองนี่ ว่าความรักระหว่างชายหญิงล้วนเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว โห้หลีเฉินเป็นคนหล่อและโดดเด่นเสียขนาดนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาหรือไม่ชอบเขาได้ล่ะ? ฉันเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฉันก็หวั่นไหวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ถ้าฉันได้แต่งงานกับโห้หลีเฉิน ฉันก็คงไม่ยอมให้คุณกับเขาได้อยู่ด้วยกันหรอก ดังนั้นถือโอกาสตอนที่ยังไม่สายเกิน คุณไปคุยกับโห้หลีเฉินดีดีเถอะ ให้เขาถอนหมั้นกับฉัน”
“แต่ว่า…”
มู่หรุงชิ่นขมวดคิ้วแน่น เธอมีความรู้สึกซับซ้อน
เธอไม่สามารถพูดเรื่องการถอนหมั้นออกไปได้
เย้นหว่านขมวดคิ้วมองมู่หรุงชิ่น และพูดต่อ “คุณมู่หรุง หรือว่าคุณก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมโห้หลีเฉินได้?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ!”
มู่หรุงชิ่นตอบโต้อย่างไม่คิดด้วยสีหน้าหนักแน่น
เธอคิดว่าเย้นหว่านกำลังสงสัยเธอแล้ว ถ้าเธอเปิดเผยตัวเองในเวลานี้ จะเป็นการยืนยันข้อพิสูจน์ของเย้นหว่านได้โดยตรง
เธอจึงพยายามเล่นละครฉากนี้ต่อไป
“ถึงอย่างไรตระกูลโห้ก็เป็นตระกูลร่ำรวยอันดับต้นๆแห่งเมืองเฉิงหนาน เรื่องการแต่งงานของเฉินเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอยู่ๆต้องถอนหมั้นกะทันหันจะต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก เธอจะต้องให้เวลาเขาจัดการ และด้วยนิสัยของเฉิน ฉันก็ต้องใช้เวลาพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอยู่หลายครั้ง”
“อืม งั้นคงต้องรบกวนคุณมู่หรุงแล้ว”
เย้นหว่านยิ้มอย่างสุภาพ จากนั้นก็ดึงมือออกมาจากมู่หรุงชิ่น เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มแล้วเทน้ำผลไม้ใส่แก้ว
จากนั้นก็ยื่นให้มู่หรุงชิ่น “ดื่มหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เธอพักผ่อนเถอะ ฉันต้องไปแล้ว”
หลังจากที่พูดจบ มู่หรุงชิ่นก็เดินออกไปข้างนอกโดยไม่หันกลับมามองข้างหลัง เธอเดินอย่างรีบร้อนราวกับว่าเธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว
เธอใจฝ่อจนดูลุกลี้ลุกลนอย่างช่วยไม่ได้
เดิมทีเธอเตรียมการมาอย่างดีแล้วเพื่อที่จะโกหกเย้นหว่าน แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดถึงทำให้เย้นหว่านเริ่มสงสัยในตัวเธอ
หรือเย้นหว่านตกหลุมรักโห้หลีเฉินไปแล้ว ก็เลยจะประกาศสงครามกับเธอ?
ไม่ว่าจะอย่างไร แต่ที่แน่ๆจะต้องไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอ
เธอต้องหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ เธอจะไม่มีวันยอมให้เย้นหว่านได้แต่งงานกับโห้หลีเฉินเป็นอันขาด
ของของเธอ คนที่เธอรัก แม้ว่าชาตินี้เธอจะไม่ได้แต่งงานกับโห้หลีเฉิน เธอก็ยอม
จากนั้นมู่หรุงชิ่นก็เดินไปยังห้องรับแขก โห้หลีเฉินจึงลุกขึ้นทันทีเพื่อส่งแขก
ฉินฉู่รู้ดีว่าโห้หลีเฉินจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเย้นหว่าน แม้ปากจะโอดครวญว่า “เห็นเมียดีกว่าเพื่อน” แต่เขาก็จากไปอย่างเข้าใจ
จากนั้นโห้หลีเฉินก็กลับมาที่ห้อง
เย้นหว่านยังคงถือแก้วน้ำผลไม้ไว้ในมือโดยไม่ได้ดื่ม เธอไม่คิดว่าโห้หลีเฉินจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้
เธอหรี่ตาอย่างครุ่นคิด
“คุณขึ้นมาทำไม?”
“พวกเขาไปกันหมดแล้ว”
โห้หลีเฉินตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ และเดินไปที่เตียงของเย้นหว่าน
เย้นหว่านถาม “มู่หรุงชิ่นไม่ได้ไปหาคุณหรือ? ฉันยังคิดว่าพอพวกฉินฉู่ไปแล้ว คุณจะได้อยู่คุยกับมู่หรุงชิ่นตามลำพัง”
“ฉันจะต้องคุยอะไรกับเธอ”
ในขณะที่โห้หลีเฉินพูดก็นั่งลงบนเตียง
เขาพิงลงพนักเตียงแล้วยื่นมือรับเย้นหว่านเข้าสู่อ้อมแขนตัวเอง
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างคุ้นเคย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เย้นหว่านก็โดนเขากอดจนชินแล้ว แต่พอนึกถึงมู่หรุงชิ่นที่เข้ามาที่นี่เมื่อกี้นี้ เธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แม้เธอจะสงสัยในเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไรกันแน่
ระหว่างโห้หลีเฉินและมู่หรุงชิ่นมีความสัมพันธ์อะไรกัน
เธอยืดหลังตรงและขยับออกห่างจากโห้หลีเฉิน
เธอพูดว่า “มู่หรุงชิ่นบอกว่าจะเกลี้ยกล่อมคุณให้ถอนหมั้นกับฉัน”
ใบหน้าของโห้หลีเฉินเริ่มเปลี่ยนเป็นอึมครึม เขาจ้องตาเย้นหว่าน
และพูดด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี “เธอยังคิดจะถอนหมั้นอยู่อีกหรือ?”
คอยให้มู่หรุงชิ่นมาเกลี้ยกล่อมเธอ? จะมีประโยชน์อะไร
เย้นหว่านพยักหน้า และพูดกับโห้หลีเฉินอย่างจริงจัง “มู่หรุงชิ่นก็เห็นด้วย”
“ไม่ว่าเธอหรือใครหน้าไหนจะเห็นด้วยหรือไม่ เย้นหว่าน…ฉันจะแต่งงานกับเธอ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของโห้หลีเฉินฟังดูเผด็จการ
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และจูบริมฝีปากของเย้นหว่านที่เหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ
“ฮึก!”
เย้นหว่านไม่ได้เตรียมตัวตั้งรับสัมผัสที่นุ่มนวลและอบอุ่นบนริมฝีปาก เธอตกใจจนสมองขาวโพลน
ทำไมอยู่ๆโห้หลีเฉินถึงจูบเธอแบบนี้?
พอเธอรู้สึกตัวก็พยายามดิ้นและผลักเขาออก แต่โห้หลีเฉินกลับยึดไหล่เธอไว้และดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด
จูบของเขารุนแรงขึ้น ริมฝีปากและลิ้นของเขาทะลวงเข้าไปในแอ่งน้ำในปากของเธอเหมือนกำลังถูกช่วงชิงอะไรบางอย่าง
การครอบงำเหมือนเป็นการป่าวประกาศว่านี่คืออาณาเขตของเขา
เย้นหว่านโดนจูบจนแทบทนไม่ไหว สมองขาวโพลน ร่างกายอ่อนยวบ ปฏิกิริยาของร่างกายทั้งหมดไม่สามารถควบคุมได้ เหมือนเขากำลังกอดโคลนไว้ในอ้อมแขน
ไม่รู้ว่าจูบไปนานเท่าไหร่ เย้นหว่านหายใจเหนื่อยหอบหลังจากที่โดนจูบราวกับฝนโปรยปราย โห้หลีเฉินจำต้องยอมปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจ
เขากอดเธอที่อ่อนยวบในอ้อมแขน เสียงต่ำของเขาไม่อาจต้านทานได้
“ฉันจะแต่งงานกับเธอ”
ไม่มีใครปฏิเสธได้ แม้แต่เย้นหว่าน
คำมั่นสัญญาเป็นเหมือนค้อนหนัก ทุกคำทุกประโยคทุบลงไปในหัวใจของเธอ
——
เย้นซินถือโอกาสตอนที่เย้นหว่านกำลังบาดเจ็บไปเสิร์ฟกาแฟและของว่างให้โห้หลีเฉิน ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสอยู่กับโห้หลีเฉินในห้องหนังสือตามลำพัง
อย่างไรก็ตามโห้หลีเฉินกลับไม่มองเธออยู่ในสายตา อีกทั้งยังไม่ยอมให้เธออยู่ที่นั่นนาน
ด้วยเหตุนี้เธอกับโห้หลีเฉินจึงยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอกลัวว่าพอถึงวันที่โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านแต่งงานกัน เธอจะไม่มีโอกาสจับโห้หลีเฉินได้สำเร็จ
เย้นซินร้อนใจและตัดสินใจที่จะไม่รอให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป
เธอคิดแล้วตัดสินใจ
เธอฉวยโอกาสตอนที่โห้หลีเฉินไม่อยู่แล้วเข้าไปในห้องเย้นหว่าน
หลังจากที่พูดคุยกับเย้นหว่านเสร็จ เธอก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่ ฉันขอยืมชุดกระโปรงสีฟ้าตัวนั้นได้ไหม? เพราะเพื่อนที่โรงเรียนจัดงานเลี้ยงกันกะทันหัน เสื้อผ้าฉันเพิ่งซักก็เลยแห้งไม่ทัน”
ชุดกระโปรงนั้นเป็นชุดที่เย้นหว่านออกเงินซื้อเองจึงค่อนข้างดูดี ใส่ออกมาแล้วก็จะไม่ดูเสียหน้า
ชุดนั้นเป็นชุดที่เย้นหว่านชอบใส่บ่อยๆ เย้นซินใส่ไปงานเลี้ยงก็เหมาะดีเหมือนกัน
เธอพยักหน้าตกลง “อยู่ในห้องแต่งตัว เธอเข้าไปหยิบสิ”
“อืม”
เย้นซินรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าไปในห้องแต่งตัว เธอก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้เห็นการตกแต่งภายใน
เดิมทีคิดว่าเย้นหว่านพักอยู่ในบ้านโห้หลีเฉินเป็นการชั่วคราวเหมือนกับเธอ เธอคงสวมชุดที่พกมาจากบ้านเท่านั้น อย่างมากที่สุดโห้หลีเฉินอาจจะเพิ่มให้เธอแค่ไม่กี่ชุด
แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าห้องแต่งตัวที่ใหญ่โตโอ่อ่าห้องนี้จะมีเสื้อผ้าของผู้หญิงเกือบครึ่งห้อง และทั้งหมดล้วนเป็นของเย้นหว่าน
มีแม้กระทั่งกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า แว่นกันแดด …
เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องใช้ ทั้งยังเป็นของดีทั้งนั้น เหมือนสั่งตัดมาเพื่อเย้นหว่านโดยเฉพาะ
เย้นหว่านมาพักอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว หรือเธอมาเป็นนายหญิงที่นี่กันแน่!
นี่ยิ่งทำให้เย้นซินรู้สึกอิจฉา เธอแอบสัญญากับตัวเองว่าทั้งหมดจะต้องตกเป็นของเธอในเร็วนี้ๆ
เธอมองไปรอบๆห้อง จากนั้นก็หาชุดกระโปรงสีฟ้าของเย้นหว่าน พอเจอแล้วจึงหยิบมันออกมา
เย้นหว่านยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจึงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เธอไม่คิดว่าการให้เย้นซินยืมชุดในครั้งนี้ ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น…